“พออยู่ได้ไหม?”
เควินเปิดประตูห้องหรูหราต้อนรับหญิงสาว ณิชาถึงกับตาโตในความอลังการ พื้นที่กว้างใหญ่รายล้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง เธอแทบไม่กล้าลงน้ำหนักเท้าด้วยซ้ำ กลัวพื้นกระเบื้องลายหินอ่อนของเขาจะเกิดรอย
“เกินกว่าจะอยู่ได้อีกค่ะ นี่มันสวรรค์สำหรับคนจนๆ อย่างฉันด้วยซ้ำ!” น้ำเสียงตื่นเต้น เควินหลุดยิ้มเล็กน้อย
“ดีใจที่เธอชอบนะ ฉันจะได้หมดห่วง” เควินยกกระเป๋าเสื้อผ้าให้หญิงสาว ณิชารีบมารับสัมภาระอย่างไว
“ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง เดี๋ยวฉันถือเองค่ะ” เธอเกรงใจ
“ไปนั่งพักที่โซฟาเหอะน่า เดี๋ยวฉันเอาขึ้นไปไว้บนห้องให้”
คอนโดฯ ของเขามีสองชั้น ห้องนอนจะอยู่ชั้นบนติดกับห้องน้ำส่วนตัว ส่วนชั้นล่างจะเป็นโซนพักผ่อน ถัดออกไปไม่กี่ก้าวก็เป็นห้องรับแขกขนาดย่อมที่ถูกตกแต่งอย่างมีระดับ เรียกได้ว่าสมฐานะของเศรษฐีอย่างชายหนุ่มเลยทีเดียว
“หิวไหม” เขาเอ่ยถาม หลังจากเอากระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บบนห้องให้เธอเรียบร้อยแล้ว
“นิดหน่อยค่ะ” ณิชายิ้มแหยๆ ไม่กล้าบอกว่าหิวมาก เย็นป่านนี้ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้องเลย
“งั้นไปหาอะไรกินกัน เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันหากินแถวๆ นี้ก็ได้” แค่นี้เธอก็เกรงใจจะแย่แล้ว ขืนให้เขามานั่งเลี้ยงข้าวอีกคงไม่เหมาะนัก
“ทำไมล่ะ ฉันเองก็หิวข้าวเหมือนกัน” เควินพอจะเดาได้ว่าณิชารู้สึกเช่นไร
“แค่คุณให้ที่อยู่กับฉันก็มากพอแล้วค่ะ ฉันไม่อยากเป็นภาระหรือรบกวนคุณไปมากกว่านี้”
ปกติเธอไม่ใช่คนชอบแบมือขอความช่วยเหลือจากใครง่ายๆ ด้วยสภาวะทางครอบครัวทำให้ต้องลุกขึ้นสู้และยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองมาโดยตลอด พอชะตาชีวิตพลิกผันตกที่นั่งลำบากจึงไม่ค่อยชินกับการได้รับความช่วยเหลืออย่างกะทันหัน
“ก็เธอเดือดร้อนเพราะฉันเป็นต้นเหตุ ฉันก็แค่รับผิดชอบในส่วนที่ฉันผิด” เควินคิดเช่นนั้น เขาได้ยินเต็มสองหูว่าหญิงสาวถูกไล่ออกจากบ้านเพราะบิดาเข้าใจผิดคิดว่าหนีหายไปกับผู้ชายสองต่อสอง ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็คือเขา… แล้วแบบนี้จะให้ทนนิ่งดูดายอยู่ได้อย่างไร
“อย่างที่ฉันบอกค่ะ เรื่องนี้คุณไม่ผิด แม่เลี้ยงฉันจ้องหาเรื่องอยู่แล้ว พอได้โอกาสก็รีบเป่าหูพ่อฉัน เพื่อกำจัดฉันออกจากบ้าน” ณิชานึกถึงผกาแล้วเบ้ปาก
“แต่ถ้าฉันไม่รั้นไปส่งเธอข้างใน เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น” ชายหนุ่มดึงดันจะรับผิดให้ได้
“ก็บอกแล้วไงว่า…”
“โอเคๆ เอาเป็นว่าเราไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันแล้ว”
เสียงเข้มแทรกขึ้นก่อนที่ณิชาจะเอ่ยจบ ร่างสูงโปร่งเดินหายเข้าไปในครัว ณิชาเดินตามอย่างสงสัย เห็นเขาเปิดตู้เย็นหยิบเนื้อหมูและผักสดออกมาสองสามอย่าง
“คุณจะทำอะไรคะ?”
“ทำอาหารไง หิวข้าวไม่ใช่เหรอ”
“แต่ว่า…”
“หยุดพูดแล้วมาช่วยฉันทำดีกว่าไหม ท้องฉันร้องจนแสบไปหมดแล้วเนี่ย”
เขาว่า… ณิชาจำต้องยอมสงบปากสงบคำแล้วเดินเข้าครัวไปช่วยคนตัวโต
“คุณจะทำเมนูอะไรคะ?”
“ผัดกะเพราหมูสับ” เขาตอบเสียงเรียบ
“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคนรวยๆ อย่างคุณก็ทานอาหารพื้นๆ แบบนี้ได้ด้วย” ณิชาพูดตามประสาคนที่เข้าสังคมมาแล้วทุกรูปแบบ บรรดาเศรษฐีมีเงินส่วนมากมักเลือกทานอาหารหรูในโรงแรม ซึมซับบรรยกาศทางวัตถุนิยมมากกว่าสนใจรสชาติหรือหน้าตาของวัตถุดิบ
“อร่อยดี” เขาตอบสั้นๆ มือหนาจัดการล้างผักแล้วหั่นใส่ชามใบใหญ่
“ไหนว่าจะทำผัดกะเพราหมูสับไงคะ” ที่ถามเพราะเห็นเขาเตรียมผักหลากหลาย
“ทำผัดผักด้วยไง”
“อ้อ… ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันทำให้ค่ะ คุณไปนั่งพักเถอะ”
ณิชาอยากตอบแทนที่เขาช่วยเหลือตน ทว่าเควินกลับส่ายหน้าแล้วลงมือทำอาหารตามที่ต้องการ ณิชาจึงไม่พูดอะไรนอกจากเป็นลูกมือช่วยเขา ใช้เวลาไม่นานกลิ่นหอมของผัดผักและผัดกะเพราหมูสับก็ลอยโขมงอบอวลไปทั่วห้อง ยั่วน้ำย่อยในกะเพาะได้ดีเหลือเกิน
ระหว่างที่กำลังรอชายหนุ่มตักข้าวสวยร้อนๆ มาให้ เธอก็นั่งกลืนน้ำลายพลางมองสีสันของอาหารตรงหน้า
“ทานเลย”
เควินวางจานข้าวลงบนโต๊ะก่อนผายมือเชื้อเชิญ ณิชาไม่พูดพร่ำทำเพลง ความหิวโหยตลอดทั้งวันทำให้เธอรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย แม้เมนูแสนธรรมดาแต่รสชาตินั้นเลิศไม่แพ้ใคร
“อร่อยมากค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าบอก คนฟังยิ้มภูมิใจ
“ตอนอยู่อังกฤษฉันทำกับข้าวกินเองบ่อยๆ”
เควินนึกถึงช่วงเวลาที่บิดาส่งไปเรียนต่างประเทศ จากคุณหนูที่มีคนรับใช้คอยปรนนิบัติให้ทุกอย่าง ต้องกลายเป็นคนช่วยเหลือตัวเองไปโดยปริยาย ประสบการณ์ในตอนนั้นสอนให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่
“ดีจังเลยนะคะ คนรวยก็แบบนี้แหละ ได้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา” ณิชาว่า เควินหยุดทานพลางมองใบหน้ากลมนวลของอีกฝ่าย
“บางครั้งเป็นคนรวยก็ไม่ได้ดีเสมอไปหรอกนะ”
ณิชาสบนัยน์ตาเข้ม หล่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนเอ่ยว่า
“แต่อย่างน้อยคนรวยก็มีทางเลือกที่ดีกว่าคนจนนะคะ”
“ทางเลือกที่เธอว่าหมายถึงเรื่องอะไรล่ะ”
ชายหนุ่มย้อนถาม
“ก็เรื่องเงินเป็นต้น คนรวยไม่ต้องนั่งเครียดว่าวันนี้จะกินอะไร ค่าใช้จ่ายเดือนนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่ ความรู้สึกชักหน้าไม่ถึงหลังของคนจนอย่างเราๆ คนรวยคงไม่เคยได้สัมผัส”
ณิชาพูดตามความรู้สึกล้วนๆ
“เธอพูดราวกับว่ากำลังอิจฉาชีวิตคนอื่นอยู่”
“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้อิจฉาชีวิตของใคร ฉันเพียงแต่พูดให้คุณเห็นภาพเท่านั้น” ณิชารีบปฏิเสธ ไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
“ใครจะรวยหรือจนฉันไม่สนหรอกค่ะ ฉันสนแต่ปากท้องของตัวเองและครอบครัวมากกว่า”
เควินฟังแล้วสะดุดตรงคำว่า ‘ครอบครัว’ มือหนารวบช้อนเข้าคู่กันอย่างสุภาพ ก่อนยกมือสอดประสานพลางเท้าคางมองสาวน้อยเบื้องหน้า
“แล้วเรื่องที่บ้านเธอจะเอายังไงต่อ”