“ทานด้วยกันไหมคะ” ณิชาชวนอย่างมีมารยาท
“ก็ดีนะ” เควินไหวไหล่ ลองทานดูก็ไม่เสียหายอะไร “ช่วย” เขาดึงจานชามในมือณิชาเดินไปยังโต๊ะอาหาร
“อยู่ที่นี่มาอาทิตย์กว่าแล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ก็ดีนะคะ สะดวกสบายดี” ณิชาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับชายหนุ่ม เควินตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” ณิชารับจานข้าวมาถือไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาพลางเกรงใจ “ความจริงคุณคิดค่าเช่าก็ดีนะคะ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระยังไงก็ไม่รู้”
เธอนอนคิดมาตลอดหลายคืนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งอยู่สุขสบายมากเท่าไหร่ ความเกรงใจก็ยิ่งเพิ่มทวีมากเท่านั้น
“ก็บอกว่ารวย ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน” น้ำเสียงถือดีกล่าว ณิชามุ่ยหน้า
“คุณก็นะ”
“วันก่อนทิพย์โทรมาหาฉัน” จู่ๆ เขาก็พูดเรื่องทิพย์อัปสรขึ้นมา คนฟังหูตาเป็นประกาย
“หวังว่าคุณจะไม่ลืมสัญญานะคะ”
“บอกไปแล้ว” คนตัวโตแสร้งว่า ณิชาวางช้อนทันที เขาเห็นสีหน้าตกใจก็อดขำไม่ได้ “ถ้าบอกจริงป่านนี้ทิพย์คงมาหาเธอถึงที่นี่แล้วล่ะ”
“คุณอ่า…!” ณิชาอยากตีเขานัก ชอบทำให้คิดไปไกลอยู่เรื่อย “แล้วพี่ทิพย์โทรมาว่ายังไงบ้างคะ ได้พูดอะไรเกี่ยวกับฉันบ้างหรือเปล่า”
“พูดนิดหน่อย แค่ถามว่าวันนั้นไปส่งเธอเรียบร้อยดีใช่ไหม” เควินบอกตามความจริงทุกประการ
“แล้วคุณตอบว่า?” สาวเจ้าแอบลุ้น
“ก็เรียบร้อยดี ฉันตอบไปแบบนั้น” เควินยักไหล่ ณิชาเป่าปากโล่งใจ
“ดีแล้วค่ะที่ไม่บอกเรื่องฉัน ถ้าพี่ทิพย์รู้ต้องคิดมากแน่ๆ”
ด้วยความที่รู้จักนิสัยใจคออีกฝ่ายเป็นอย่างดี ณิชาจึงไม่ต้องการให้เรื่องของตนไปกระทบกับชีวิตที่กำลังมีความสุขของพี่สาวคนสนิท ถ้ารู้ว่าเธอกำลังลำบาก ทิพย์อัปสรคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ แน่
“เธอกับทิพย์ดูสนิทกันมากนะ” เควินพูดจบก็ตักข้าวคำแรกเข้าปาก ความเผ็ดพวยพุ่งจนสำลักทันที
“อุ้ยๆ น้ำค่ะ” ณิชารีบยื่นแก้วน้ำของตนส่งให้เขา มือหนารับไปดื่มดับความร้อนจากข้างใน
“โห! อย่างเผ็ดเลย” ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำถึงใบหู กลายเป็นภาพน่ามองสำหรับณิชา
“ยิ้มอะไร?” เควินตวัดเสียงถาม ไม่ค่อยพอใจที่หล่อนทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สายตาเยาะเย้ยทำไมเขาจะมองไม่ออก
“ตัวก็ออกโตดันกินเผ็ดไม่ได้ซะงั้น” เธออดแซวไม่ได้จริงๆ
“ฉันกินได้” ว่าแล้วก็โชว์กินคำที่สอง ข่มกลั้นความเผ็ดร้อนเพราะไม่ต้องการเสียหน้า ณิชามองแล้วก็สงสาร
“พอเถอะคุณ ฝืนกินเดี๋ยวได้ตายกันพอดี” เจ้าหล่อนส่ายหน้า ผู้ชายคนนี้ก็แปลก ทำตัวเป็นเด็กน้อยอยากเอาชนะซะงั้น
“ว่าแต่คุณมาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
นั่นสิ… เขามาหาเธอทำไมนะ
“เอ่อ…”
ฝ่ายคนถูกถามเงียบไป นั่นสินะ… เขามาหาเธอทำไม ไม่ได้มีธุระสลักสำคัญอะไร แค่รู้สึกเบื่อๆ ก็เลยขับรถเล่นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่คอนโดฯ แห่งนี้เสียแล้ว
“พอดีมาหาเพื่อนแถวนี้น่ะ เลยแวะมาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง” เควินสมอ้าง
“ฉันสบายดีค่ะ แต่… ขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” ณิชาเกริ่นถาม ท่าทีของเธอดูลำบากใจที่จะเอ่ย
“ว่ามาสิ” เควินอนุญาต
“ฉันทราบดีค่ะว่าตัวเองเป็นแค่ผู้อาศัย แต่ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง และตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ คุณไม่น่าเข้าออกห้องฉันโดยพลการนะคะ”
เควินได้ฟังก็รู้สึกผิด จริงอย่างที่หล่อนว่านั่นแหละ เขาเป็นผู้ชาย จะเข้าจะออกก็ต้องได้รับคำอนุญาตจากเธอเสียก่อน
“ฉันขอโทษ”
ณิชาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้หลุดจากปากของเขา เควินดูเหมือนเป็นคนไม่สนใจโลก แต่พอได้ลองสัมผัสตัวตนที่แท้จริง จะรู้ว่าเขานั้นใจดี ถึงบางครั้งจะปากเสียไปหน่อยก็เถอะ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณอย่าโกรธฉันนะคะ ที่พูดไปเพราะแค่อยากปกป้องตัวเองเท่านั้น” ณิชากลัวเขาจะคิดว่าเธอเรื่องมาก
ก็อาศัยเขาอยู่เนอะ จะพูดหรือทำอะไรก็ต้องคิดให้รอบคอบ
“ฉันเข้าใจ ฉันคือคนผิด เธอไม่ต้องคิดมากหรอก”
เควินว่า ณิชาเผยรอยยิ้ม ความสดใสส่งตรงถึงชายหนุ่ม เขาเผลอตัวมองเจ้าหล่อนอยู่นาน
“คุณเควินคะ” ณิชาโบกมือไปมา เควินได้สติรีบหลบตา
“มะ มีอะไร”
“คุณนั่นแหละเป็นอะไร”
“เปล่า” เควินรีบปฏิเสธ ผายมือเชื้อเชิญให้เธอทานข้าวต่อ ทว่าอร่อยได้ไม่กี่คำมือถือเครื่องโปรดก็ดังขึ้น รายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอเรียกความบึ้งตึงจากใบหน้าคมคาย ณิชาลอบสังเกตุอาการหัวเสียของเขา หล่อนเห็นนัยน์ตาสองคู่วาวโรจน์ ดูไม่เหมือนผู้ชายขี้เล่นคนเดิม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เห็นเขาแลลุกลี้ลุกลนจึงอดถามไม่ได้
“เดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่”
พูดจบเจ้าตัวก็หุนหันคว้ากุญแจรถออกจากห้องไปทันที หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างงงๆ
“อะไรของเขานะ”
คฤหาสน์หลังงามกลายเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยสำหรับผู้มาเยือน… กลิ่นไอของบ้านเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่ครอบครัวแตกสลาย เควินกวาดตามองไปรอบๆ บริเวณ ร่างสูงสง่ายืนกอดอกอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำ แผ่นหลังกว้างใหญ่ทำให้ใครต่อใครหวาดหวั่นได้
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกที คนที่กำลังรออยู่ก่อนแล้วถึงกับลอบยิ้มมุมปาก วางแก้วชาร้อนๆ ลงบนโต๊ะ ทอดสายตามองร่างสูงกำยำ สำรวจบุตรชายเพียงหนึ่งเดียวตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ทำไมเพิ่งมา” ความหมายของบิดาคือต้องการรู้ว่าที่ผ่านมาเขาไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร คนฟังแสยะยิ้ม กฤษณะมองเควิน
อย่างไม่ค่อยพอใจนัก