ก้อย...
เป็นเวลานานที่ฉันนั่งๆนอนๆบนโซฟาในห้องนั้นเพราะยังไม่เช้าสักที ใบหน้านิ่งๆของคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับกองเอกสารทำให้ฉันหงุดหงิดเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่พูดไม่คุยอะไรกับฉันอีกเลย แล้วฉันก็อึดอัดมากด้วย
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักฉันก็เริ่มได้ยินเสียงคนข้างนอกพูดคุยกัน ฟังๆแล้วเหมือนจะเป็นเสียงหมอหรือพยาบาลที่กำลังเข้ากะมาแลกเปลี่ยนเวรกันเพราะถามไถ่แต่เรื่องคนไข้และเรื่องเข้ากะออกกะ แสดงว่าเช้าแล้วน่ะสิฉันจะได้ออกไปจากห้องของตาหมอนี่สักที
พรึ่บ!!
" จะห่มไว้หรือจะสวมเลยก็ได้ตอนเดินออกไปข้างนอกนมจะได้ไม่ไปชี้หน้าใครเข้า "
" พี่!! "
ฉันส่งสายตาดุๆไปให้คนตรงหน้าที่กำลังถอดเสื้อกราวน์สีขาวมาห่มตัวฉันเอาไว้แล้วเขาก็หันมาส่งสายตาให้ฉันเดินตามออกไปโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา อะไรของเขานะเดี๋ยวก็พูดมากเดี๋ยวก็กวนประสาทเดี๋ยวก็เงียบๆ
เขาบอกว่ากว่าจะดูอาการแม่เสร็จก็อีกนาน แล้วหลังจากดูอาการแม่เสร็จบรรดานักศึกษาแพทย์ก็จะนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนแม่ไปด้วย ฉันก็ว่าทำไมแม่ดูดีขึ้นไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อนเพราะแบบนี้นี่เอง
" เราจะไปไหนกันคะ "
ฉันที่เดินตามพี่เขามาเรื่อยๆก็เพิ่งนึกได้เลยถามขึ้น
" ไปหาอะไรกินกันครับ แล้วเดี๋ยวพี่แวะไปส่งเราเสร็จพี่ก็กลับไปนอนต่อ "
ฉันพยักหน้าให้เบาๆก่อนจะก้าวขึ้นรถตามไป ดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันหยุดฉันก็เลยไม่ต้องไปทำงาน จะได้นอนเปื่อยอยู่บ้านให้สะใจไปเลย
" พี่จะแวะร้านข้าวข้างหน้าเราว่าไง กินได้มั้ยหรือต้องเป็นร้านหรู "
คนข้างๆหันมาถาม นี่เขาเห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ยติดหรูงั้นหรอ ฉันน่ะกินที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ
" ที่ไหนก็ได้ค่ะ "
" น่ารักแบบนี้ค่อยน่าเลี้ยงหน่อย "
คนข้างๆบ่นพรึมพรำเบาๆแต่ฉันได้ยินนะ
" พี่จะเลี้ยงข้าวฉันหรอ "
ฉันถามพลางทำตาลุกวาว ถ้าเป็นของฟรีล่ะก็นังก้อยคนนี้ไม่เกี่ยงเจ้าค่ะ
" ใช่ แต่ถ้าอยากให้เลี้ยงทั้งชีวิตเลยก็ได้นะ "
หืม... คนข้างๆพูดยิ้มๆแต่สายตากลับมองไปที่ถนนต่อ
" อ้าวร้านปิดซะแล้วงั้นเราไปกินข้าวที่คอนโดพี่มั้ย อยู่ใกล้ๆเอง "
เหอะจะชวนฉันไปห้องล่ะสิฝันไปเถอะ
" ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่ส่งฉันตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้ฉันจะกลับบ้าน "
ฉันบอกเมื่อข้างหน้ามีป้ายรถเมล์อยู่
" จะปเบียดคนบนรถหรือไง ไม่อยากไปก็บอกพี่จะไปส่ง "
เอ๊ะ
ไม่นานรถพี่เขาก็เลี้ยวเข้าซอยก่อนจะจอดที่หน้าบ้านของฉัน บ้านไม้สีขาวขนาดสองชั้นหลังไม่ใหญ่มากที่ฉันอาศัยอยู่กับแม่แค่สองคน มรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้เราสองแม่ลูกก่อนที่ท่านจะจากไปนั่นเอง
" พี่จะตามฉันมาทำไมเนี่ย ขับรถกลับบ้านไปสิ "
ฉันหันไปโวยวายเมื่อหันกลับไปอีกทีพี่เขาก็เดินเข้ามาในบ้านฉันแล้ว เท้าเบาชะมัด
" มาส่งทั้งทีจะไม่เลี้ยงข้าวหน่อยหรอครับ "
เอ๊ะหมอเขานิสัยแบบนี้กันหรอกหรอทำบุญหวังผลเนี่ยนะ
" ทำเป็นแค่ไข่เจียวนะ "
ฉันตอบหน้ามุ่ย เลี้ยงก็ได้เห็นว่าเป็นหมอที่ดูแลแม่ฉันหรอกนะ
" พี่กินง่าย กินเรายังได้เลย "
" ห๊ะ "
ฉันหันกลับไปมองคนข้างหลังที่ตอนนี้เดินผ่านหน้าฉันไปพลางอมยิ้มไปด้วย เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ
" ห้องน้ำชั้นล่างตรงนี้ใช้ได้ใช่มั้ยครับ พี่จะไปเอาเสื้อผ้าในรถมาเปลี่ยนด้วย ขออาบน้ำด้วยนะ "
คนหน้าด้านเดินออกจากห้องน้ำหลังจากที่ชะโงกหน้าเข้าไปดูแล้วเดินมาจิ้มแก้มฉันทีนึงก่อนจะเดินออกไป ไอ้หมอนี่มันจะหน้าด้านเกินไปแล้วนะ ฉันเป็นเจ้าของบ้านนะโว้ย!!
ไม่นานฉันก็ขึ้นไปอาบน้ำบนชั้นบนก่อนจะมาเจียวไข่ให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญกินคนละใบ ดีนะที่ในตู้เย็นมีไข่สองใบพอดีจะได้ไม่ต้องแย่งกัน
" ขอบคุณมากนะครับไข่เจียวอร่อยมากเลย แต่คนเจียวน่าจะอร่อยกว่า "
ฉันหันไปถลึงตาใส่แขกหน้าด้านที่ยิ้มแป้นอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวก่อนจะเข้าไปล้างจานในครัว
.
.
.
" เห้อ กินเสร็จแล้วก็กลับไปสักทีนะไอ้หมอโรคจิต หมอบ้าอะไรหน้าด้านชะมัด เฮ้ยพี่!! "
ฉันที่เพิ่งล้างจานเสร็จก็เดินบ่นๆหมอเจ้าของไข้แม่ออกมาตรงห้องนั่งเล่น แต่เสียงทีวีที่ดังขึ้นเองโดยที่ฉันไม่ได้เป็นคนเปิดทำให้ฉันต้องตกใจ ไอ้หมอคนนี้มันนั่งกินปลาเส้นฟิชโช่ที่ฉันซื้อมาติดบ้านไว้พลางนอนดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบ มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้หมอพี่ภาค!!
" พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย "
ฉันโวยวายก่อนจะเดินเข้าไปแย่งปลาเส้นฟิชโช่ของฉันออกมาพลางกดปิดทีวี
" ก็พักผ่อนไงครับ นี่พี่เพิ่งออกเวรมานะขอพักที่นี่เลยแล้วกัน "
พูดจบก็หันหน้าเข้าโซฟาแล้วเงียบไปเลย
" พี่ก็กลับไปนอนบ้านพี่สิ "
ฉันว่าพลางเขย่าตัวพี่เขาแรงๆ
" ขอนอนที่นี่แค่แป๊บเดียวไม่ได้หรอครับ เดี๋ยวตอนบ่ายพี่ก็ต้องเข้าเวรต่อแล้ว "
" เวลาพักน้อยจัง "
ฉันเลิกยุ่งกับพี่เขาแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาอีกตัวเพราะ...เห็นใจก็ได้อ่ะ
" ถึงเวลาพักพี่จะน้อยแต่ถ้ามีแฟนพี่ก็ดูแลได้เต็มร้อยเลยนะครับ "
แล้วทำไมฉันต้องหน้าแดงกับคนที่พลิกตัวนอนคว่ำแล้วเงยหน้ามามองฉันด้วยเล่า
เมื่อฉันเห็นว่าพี่เขาเงียบไปฉันก็เลยเดินออกมาทำงานบ้านบ้าง กองเสื้อผ้าที่ฉันสวมใส่ออกไปทำงานและใส่นอนยังคงตั้งเป็นกองตั้งแต่วันจันทร์พอรวมกันจนถึงวันนี้มันก็เยอะมาก ไหนจะจานชามที่ฉันกินแล้วแช่เอาไว้อีกดีหน่อยที่ล้างไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ขัดห้องน้ำและกวาดบ้านปัดฝุ่นนิดหน่อย จะได้ดูเป็นบ้านสาวโสดขึ้นมาบ้าง อีกอย่างพี่เขาจะได้ไม่มองว่าฉันซกมกถึงความเป็นจริงแล้วฉันจะไม่ได้ซกมกแต่ขี้เกียจก็เถอะ
.
.
.
" ทำอะไรครับหอมจัง "
เสียงทุ้มของคนที่เพิ่งตื่นนอนเอ่ยถามขณะที่กำลังเดินเข้ามาในครัว
" ทำข้าวกล่องให้พี่ไง เอาไว้ไปกินตอนเข้ากะเผื่อพี่หิว "
ฉันบอกแบบไม่ได้หันไปมองคนตัวสูงที่เดินมายืนอยู่ข้างๆ
" ใจดีจัง สนใจทำข้าวกล่องให้พี่ทุกวันเลยมั้ยเดี๋ยวจะบอกให้แม่มาขอตอนนี้เลย "
คนข้างๆพูดยิ้มๆจนฉันต้องถลึงตาใส่ ไอ้พี่หมอแอ๊บเป็นคนดีที่ไหนได้ก็กะล่อนชัดๆ
" ฉันไม่ได้ทำให้พี่ฟรีๆซะหน่อย วันนี้ฉันจะติดรถพี่ไปนอนเฝ้าแม่ต่างหาก "
ฉันตอบพลางเดินไปเปิดตู้เย็นหาผลไม้ที่แม่ชอบมาล้างต่อ สรุปว่าจะนอนเปื่อยยาวๆแล้วไปนอนเฝ้าแม่ตอนเย็นก็ไม่ได้นอนเฮ้อ ต้องมาเตรียมนั่นนี่หมดเวลาพอดี
" ไปตลาดมาหรอครับ ทำไมของเต็มตู้เลยล่ะ "
คนข้างๆถามต่อ
" โทรสั่งค่ะ ขี้เกียจออกไป "
ฉันหันไปตอบก่อนจะหันไปล้างแอปเปิ้ลต่อ แม่ฉันชอบกินน่ะโดยเฉพาะแอปเปิ้ลสีแดงๆเนี่ย
" การล้างแอปเปิ้ลให้สะอาดเราต้องนำผลแอปเปิ้ลไปแช่ในสารละลายเบกกิ้งโซดาหรือโซเดียมไบคาร์บอเนตเป็นเวลา 12 ถึง 15 นาที นะครับ เพราะในแอปเปิ้ลเดี๋ยวนี้จะมีแว้กซ์เคลือบเงาเอาไว้ "
คนข้างๆพูดพลางชะโงกหน้ามามองแอปเปิ้ลที่ฉันกำลังล้างอยู่ ฉันรู้หรอกน่าแต่ไม่อยากทำ
" ยุ่งยากอะพี่ กินมาตั้งแต่เด็กๆมันไม่เป็นอะไรหรอก "
ฉันหันไปยู่หน้าใส่ นี่เคยเห็นแต่พ่อของเพื่อนฉันที่เป็นหมอชอบพูดอะไรแบบนี้บ่อยๆ นี่คนข้างๆก็เป็นด้วยหรอเนี่ย พวกหมอนี่ยุ่งยากชะมัดโดยเฉพาะเรื่องของกิน
" งั้นเหยาะเกลือลงไปในน้ำแล้วน้องแช่ไว้สักสามสิบนาทีก็ได้ครับ ค่อยใช้ฟองน้ำถูเบาๆก็น่าจะทำให้แว๊กเจือจางได้ "
" พี่!! หยุดพูดได้แล้วน่า "
ฉันหันไปว่าเขาเสียงดุ ก็รู้แหละว่าเป็นหมอแล้วฉันก็รู้ด้วยว่าแอปเปิ้ลอะเดี๋ยวนี้มันมีแว้กซ์เคลือบเงาเพื่อให้สวยงามและขายดีขึ้นจะได้เป็นที่ต้องการของตลาดแต่!! เขาเยอะอะฉันไม่ชอบ!!
" ในทางวิทยาศาสตร์แว้กซ์ไม่มีอันตรายถ้าเรากินไปเพียงเล็กน้อย แต่ทุกวันนี้มีโรคประหลาดๆ มากขึ้นนะครับพี่อยากให้เราระวังไว้ แถมมันยังไปสะสมในตับในไตแล้วตอนนี้แม่น้องก็ป่วยอยู่... "
" ถ้าพี่ไม่หยุดพูดพี่ออกจากบ้านฉันไปเลยนะ "
ฉันหันไปยู่หน้าใส่พี่เขาอีกรอบพลางส่งสายตาดุๆไปให้ ฉันรู้แล้วว่ามันอันตราย ฉันเข้าใจในความหวังดีของเขาโอเค๊!!
" อ่า ขอโทษครับ "
คนข้างๆพูดเสียงอ่อยทำเอาฉันรู้สึกผิดไปด้วยให้ตายสิหงอยเป็นหมาน้อยโดนดุเลย
" ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น "
ฉันหันไปบอกพลางทำสีหน้าให้อ่อนลงเพราะรู้สึกผิด
" ครับ? "
คนข้างๆเอียงคอสงสัย
" ฉันจะปลอกเปลือกก่อนกินโอเคมั้ย "
" อ่อครับ วิธีนี้ดีกว่าจริงๆด้วย "
คนข้างๆยิ้มบางๆพลางเกาหัวแก้เขินไปด้วย ก็ใช่น่ะสิดีกว่ามากๆ
" อะ พี่ช่วยเช็ดให้ด้วยแล้วก็เก็บลงกล่องนี้นะ ฉันจะไปอาบน้ำแล้วก็เตรียมของให้แม่เพิ่ม "
ฉันวางถาดแอปเปิ้ลที่ล้างเสร็จแล้วไว้ตรงหน้าพี่เขาก่อนจะยื่นกล่องกระดาษสำหรับเช็ดผักผลไม้ให้แล้วเดินออกมา ฉันก็รู้แหละว่าเขาเป็นหมอก็ต้องเคร่งเรื่องพวกนี้แต่บางทีวิธีของหมอมันก็ยุ่งยากไปนะ แค่กินแอปเปิ้ลล้างเสร็จก็ปลอกเลยก็ได้มั้ง