บทที่ 1 - กระปุกเพื่อนเลิฟ ตัวช่วยชั้นเยี่ยม (ทุ่มสุดตัว) (จบตอน)

1839 Words
“หา! นี่แกคิดจะจีบเกย์นูโวเหรอไอ้เต่า” “ชู่ว์ เบาๆ หน่อยสิยะ แกกลัวคนอื่นเขาจะไม่รู้เรื่องหรือไงหะ” ฉันยกมือขึ้นมาจุ๊ปากเพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้ยัยกระปุกเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวสงบปากสงบคำ (สักที) ตอนนี้เราทั้งสองกำลังอยู่ในช่วงพักกลางวันในห้องอาหารสุดหรูของโรงเรียน มีแอร์ติดเต็มรอบบริเวณแข่งกันให้ความเย็นแก่บรรดานักเรียนอย่างเต็มที่ ก็อย่างนี้แหล่ะโรงเรียนนานาชาติที่คิดค่าเทอมแพงจนหูแทบฉีกออกมาเต้นระบำ โชคดีมากมายที่ตอนที่ยัยกระปุกเพื่อนรักมันแหกปากเสียงดังลั่น ทุกคนกำลังอยู่ในช่วงของการชุลมุนวุ่นวายแข่งกันตะโกนแย่งซื้ออาหารมานั่งทาน จึงไม่มีใครทันได้สนใจหรือสังเกตฟังอะไรกับสิ่งที่เราสองคนได้สนทนาซึ่งกันและกัน ยัยกระปุกทำหน้าตาเหมือนกับว่าสิ่งที่ได้รับรู้จากฉันนั้น เป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างยิ่ง “เรื่องจริงเหรอยะ” เสียงของยัยนี่เริ่มลดเลเวลลงมาในระดับจนน่าพอใจ เราทั้งสองคุยกันแบบระมัดระวังมากขึ้นเพราะว่าถัดออกไปแค่ไม่กี่คืบ ได้มีนักเรียนรุ่นน้องมานั่งทานข้าวอยู่ใกล้ ๆ กลุ่มหนึ่ง “เออ ก็จริงอ่ะดิ ฉันจะมาหลอกแกเพื่ออะไรหะ” “กรี๊ด!” เป็นเสียงกรี๊ดที่เบาที่สุดจากยัยกระปุกเพื่อนฉันคนนี้ “ให้ตายเถอะ เรื่องนี้มันน่าตื่นเต้น น่าสะพรึงกลัวมากกว่าเรื่องโลกจะแตก แผ่นดินจะไหวอีกนะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ” “เชื่อซะเถอะ ว่าฉันจำเป็นต้องทำมันจริงๆ” ฉันทำสีหน้าตั้งท่าจะร้องไห้ ยัยกระปุกมองฉันด้วยความสงสัย ก่อนที่ยัยเพื่อนซี้คนนี้จะยิงคำถามออกมาได้ตรงประเด็นมากที่สุด “จำเป็น? แกพูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ ไอ้เต่า” “ฉันโดนบังคับขู่เข็ญทางอ้อม” “ชัดๆ สิ แกก็รู้ว่าสมองฉันมันกลั่นกรองอะไรที่เป็นแบบลับลมคมในไม่ค่อยจะเก่งสักเท่าไหร่” “ฉันยอมเล่าให้แกฟังคนเดียวนะยัยกระปุก เพราะว่าแกเป็นเพื่อนรักของฉัน รู้แล้วก็เหยียบเอาไว้เลยนะยะ ห้ามแพร่งพรายความลับเด็ดขาด Get” “Ok My Friend จัดมา” ฉันเริ่มตั้งท่าเล่าความจริงทุกอย่างให้ยัยกระปุกได้ฟัง ระหว่างการที่รับฟังเรื่องราวที่ฉันเล่าขานนั้น ยัยกระปุกก็ไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ นอกจากพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ และในเวลาไม่นานฉันก็เล่าเรื่องราวความเป็นมาทุกอย่างจนหมดเปลือก ยิ่งกว่าเปิดอกคุยกันอีกนะเนี่ย ยัยกระปุกมีสีหน้าท่าทางเห็นอกเห็นใจอย่างเห็นได้ชัด น่าซาบซึ้งใจยิ่งนัก “OMG นี่เพื่อนฉันน่าสงสารมากเลยนะเนี่ย” “เดี๋ยวๆ อะไรคือ OMG อ่ะ ฉันงง” ฉันขมวดคิ้วใส่ยัยกระปุก ยัยกระปุกมองหน้าฉันด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะไขข้อข้องใจให้ฉันได้กระจ่างในบัดดล “Oh My God น่ะ มันคือคำย่อนะ เข้าใจไหมยะ” อ้อ บอกกันตั้งแต่แรกก็จบแล้วยัยเพื่อนบ้า ทำเอาฉันแลดูเหมือนโง่เลย (ซึ่งความจริงก็โง่) “เข้าเรื่องแกดีกว่า แล้วตกลงแกจะทำจริงๆ ใช่ไหม” “บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีทางเลือก หมดปัญญา หมดหนทาง ไม่มีทางออก ซึ่งทางออกเพียงทางเดียวก็คือ ฉันต้องยอมทำตามที่พี่ไก่ทองสั่งนั่น เพราะถ้าไม่ทำมีหวังเกรดเฉลี่ยเน่าๆ ของฉันได้ออกมาลั้นลาสมใจไอ้พี่บ้าเป็นแน่” พูดแล้วแค้นไอ้พี่ไก่ทองนัก คอยดูนะ ถ้าวันใดที่สวรรค์เข้าข้างพรมลิขิตเป็นใจเมื่อไหร่ล่ะก็ วันนั้นแหล่ะที่ฉันจะได้ลงมือประหารชีวิตไอ้พี่ชายจอมแสบนี่สักที ฮึ่ย! “ก็จริงของแกว่ะ เฮ้อ แต่บอกตามตรงเลยนะ ว่าฉันเองก็แทบจะมองไม่เห็นหนทางที่แกจะเอาชนะใจนายนูโวอะไรนั่นได้เลย ผู้ชายที่เป็นเกย์นิยมชายรักชายแบบนั้นน่ะ แทบไม่เห็นหนทางที่นายนั่นเขาจะยอมหันมาสนใจผู้หญิงอย่างแก” “แต่อย่างน้อยฉันก็หน้าตาน่ารักนะ สาวสวยหมวยอึ๋ม (แน่ใจเหรอ) สโลแกนประจำตัวฉันยังคงเป็นที่ยอดฮิตในบรรดาผู้ชายอย่างหนาแน่นไม่เคยเปลี่ยน ไม่เห็นหนทางเลยเหรอแก” ฉันเองก็เป็นที่นิยมยอดฮิตในบรรดาผู้ชายในโรงเรียนนี้ไม่น้อยหน้าใครๆ เหมือนกัน พิสูจน์ได้จากดอกไม้ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่ต่างก็มีคนเอามามอบให้ฉันอย่างไม่หวั่นไม่ไหว นอกจากนั้นยังมีบรรดาพวกของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คอยลอยมาตามลมแบบไม่เว้นแต่ละวันอีกต่างหาก บางคนถึงกลับใจกล้าหน้าด้านเดินเข้ามาขอความรักจากฉันอย่างเปิดอกกันไปเลยก็มี และส่วนใหญ่เจ้าพวกผู้ชายเหล่านั้น ก็ต่างโดนฉันปฏิเสธไปตามๆ กัน ไม่ใช่เพราะฉันคิดว่าตัวเองสวยน่ารักแล้วต้องทำตัวหยิ่งหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะว่าฉันยังไม่คิดอยากจะมีแฟน ไม่คิดที่อยากจะมีความรักในตอนนี้ บอกตามตรงว่าฉันเองก็ค่อนข้างไม่ค่อยปลื้มสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชายสักเท่าไหร่ เนื่องจากสมัยนี้บรรดาพวกผู้ชายทั้งหลายต่างมีนิสัยที่ไม่น่าภิรมย์ชมชอบกันยิ่งนัก -_-^ ไม่ไหวจะเคลียร์ ขออยู่เป็นโสดเกาะคานทองสีอร่ามแบบนี้ไปชั่วนิรันดร์ยังจะดีซะกว่า “ฉันไม่เถียงเรื่องแกน่ารักหรอก แต่ความน่ารักของแกมันไม่สามารถพิชิตใจนายเกย์นั่นได้หรอกนะ ดีไม่ดีนายนั่นมันอาจจะหมันไส้ในความน่ารักของแก จนทำร้ายร่างกายแก ตบแกจนเลือดกบปากก็เป็นได้” ละ... เลือดเลยเหรอ อ๊าก! แค่คิดก็ปวดใจ นี่ชีวิตฉันมันยิ่งกว่าแขวนอยู่บนเส้นด้ายอีกนะเนี่ย ตั้งแต่เกิดจนโตไม่เคยโดนใครตบตีมาก่อนเลย แล้วนี่อะไรยะ ฉันต้องมาโดนพวกตุ๊ดเกย์ตบตีเอาตอนเข้าสู่วัยสาวเต็มตัวเนี่ยนะ หรือว่าฉันจะเปลี่ยนใจยอมให้ไอ้พี่ไก่ทองเอาเกรดไปฟ้องป๊าม๊าดีไหม อย่างน้อยคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแม่ก็คงจะไม่ใจร้ายใจดำถึงขนาดทำร้ายลูกตัวเองได้ลงคอหรอก (มั้ง) ไม่เลยสักนิด! ป๊าม๊าของฉันเป็นสุดยอดของความโหดร้ายในทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันเลยต่างหาก แค่ลำพังฉันฉี่รดกระโปรงนักเรียนสมัยเป็นเด็กอนุบาล แม่ยังจับฉันตีซะจนก้นแดงแถมยังบังคับให้ฉันใส่กระโปรงตัวเดิมไปเรียนเพื่อดัดนิสัยฉันอีกต่างหาก จำได้ว่าตอนนั้นกลิ่นฉี่ฉันเหม็นคละคลุ้งจนคุณครูและเพื่อนๆ ต่างก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ฉันเลยสักคนเดียว แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องเกรดที่น่าสลดหดหู่เยี่ยงนี้ ไม่เหลือซากแน่ฉัน “ฮือๆๆ กระปุกฉันเครียดมากเลย จะทำยังไงดี ตายแน่เลยงานนี้ ไม่เห็นหนทางรอดเลยนอกจากตายกับตายเท่านั้น ฮือๆๆ” ฉันเริ่มเบ้ปากน้ำตาซึมใกล้จะร้องไห้เต็มทน ยัยกระปุกไม่รอช้ารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาให้ฉันซับน้ำตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจ ฉันรับผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนลายโดเรม่อนมาเช็ดน้ำตาและสั่งน้ำมูกออกมาเต็มที่ สายตาเหลือบขึ้นไปมองเจ้าของผ้าเช็ดหน้าเล็กน้อย ยัยกระปุกมองฉันด้วยสายตารังเกียจในการกระทำ “ยี้! แล้วไม่ต้องเอามาส่งคืนให้ฉันนะยะ เอาไปเลยฉันยกให้” เพื่อนบ้า ทำท่ารังเกียจซะจนออกนอกหน้า “แกต้องช่วยฉันนะกระปุกเพื่อนเลิฟ” “ช่วยอะไรยะ เรื่องอะไรที่มันเกี่ยวกับเกย์กับตุ๊ดไปไกลๆ ฉันเลยนะ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ” “รู้... ฉันรู้ว่าแกไม่ชอบ แต่แกไม่สงสารฉันเหรอ เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายสิบปี ยามแกเจอปัญหาฉันก็คอยช่วยเหลือ ยามแกทุกข์ฉันก็ยืนเคียงข้างแกไม่เคยห่าง ยามแกมีขนมฉันก็จ้องแย่งแกกิน เฮ้ย ไม่ใช่ ฉันหมายความว่ายามเราทั้งคู่มีอะไรๆ เราก็แบ่งปันซึ่งกันและกัน ไหนเราสัญญาแล้วนี่ว่าเราทั้งสองคนจะไม่ทิ้งกันไง กระปุกจ๋า” ฉันรื้อฟื้นความหลังทั้งหมด ยัยกระปุกเริ่มมีสีหน้าที่อ่อนโยนขึ้นมากหลังจากที่ได้ฟังคำพูดเหมือนจะซึ้งของฉัน “แกจะให้ฉันช่วยอะไรเล่า” ฉันยิ้มกว้างให้กับความสำเร็จตรงหน้า ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของยัยกระปุกจะออกแนวห้วนชวนไม่น่าฟังก็ตามเถอะ แต่แค่นี้ก็เป็นสัญญาณอันดีว่าตลอดการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ของฉัน จะมีตัวช่วยชั้นเลิศอย่างยัยกระปุกอยู่เคียงข้างจนกว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุดลงอย่างแน่นอน สองหัวก็ดีกว่าหัวเดียวล่ะหว้า “ไหนๆ แกก็จะช่วยฉันแล้ว แกก็ช่วยคิดหน่อยล่ะกันว่าฉันต้องทำยังไงบ้าง แหะๆ” “-_-^” สีหน้าของยัยกระปุก “แกจะไม่คิดอะไรเลยว่างั้น” “คิดจ้ะ” ฉันยิ้มก่อนจะพูดต่อ “คิดว่าจะทำตามที่แกแนะนำ” “พูดเหมือนจะดูดีเนอะ” น้ำเสียงขึ้นสูงออกแนวประชดประชัน “โถ แกก็อย่าประชดฉันเลยนะ ก็ฉันมืดสิบเจ็ดด้านแล้วนี่น่า มีแต่แกเนี่ยแหล่ะที่จะช่วยฉันได้” ยัยกระปุกส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนที่ยัยนี่จะนั่งคิดอะไรเงียบๆ อยู่สักพักหนึ่ง เพียงเวลาไม่นานกระปุกเพื่อนรักก็มีสีหน้าและแววตาที่แสดงถึงความฉลาดขึ้นมาฉับพลัน ยัยนั่นใช้นิ้วชี้ของตัวเองกระดิกเรียกฉันให้ยื่นใบหน้าเข้าไปหาตนใกล้ๆ ฉันรีบทำตามด้วยใจที่เบิกบาน ต้องมีแผนเด็ดดวง สะท้านโลกอย่างแน่นอน อิ อิ หลังจากที่ได้ฟังแผนการจากเพื่อนรักจบสิ้น ตาที่โตอยู่แล้วของฉันก็ยิ่งโตมากขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า ฉันขยับใบหน้าออกห่างจากยัยกระปุกแล้วจ้องมองเพื่อนรัก ที่เอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับแผนการของตัวเอง แต่ฉันเป็นคนที่จะต้องทำ! “เอางั้นเลยเหรอแก กรี๊ดด ฉันกลัวมันล่มอะ” มันเสี่ยงต่อการขายขี้หน้าอย่างรุนแรง “ก็เอาแบบนี้แหล่ะ คิดจะจีบคนประเภทนี้มันก็ต้องทุ่มเทกันหน่อยสิยะ” จริงทุกประการมันต้องทุ่ม ต้องลงทุน “ก็ได้ ฉันจะยอมทุ่มเทกับแผนการของแก ฉันต้องทำให้สำเร็จให้ได้” ฮึกเหิมแล้วนะฮึกเหิม “จัดไปลูกแม่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD