EP00 ll Prologue

1243 Words
“เนลๆ อาจารย์จะส่งชื่อแกกับไอ้แพลนเป็นตัวแทนประกวดมารยาทของมหาวิทยาลัยเรานะ” เสียงของไอ้แว่นคนนึงที่เรียนด้วยกันเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่พวกเราพึ่งจะเลิกคลาสไปไม่ถึงห้านาที ฉันกำลังเดินออกจากห้องและจะลงบันไดอยู่แล้ว จู่ๆ เขาก็พุ่งเข้ามาหาฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและคำพูดคำจาแสนสุภาพ “เออ วันนี้ตอนเย็นเนลว่างมั้ย? ไปกินข้าวกัน เราเลี้ยง”     “อ๋อ...” ฉันเว้นวรรคแล้วเหล่สายตาไปมองบุคคลมากมายที่เดินตามหลังไอ้แว่นมา และไม่นานทุกคนก็เข้ามารุมทึ้งประหนึ่งหมาเห็นชิ้นเนื้อแล้วแย่งกัน หลายมือพุ่งเข้ามาดึงแขนฉันบ้าง ดึงเสื้อฉันบ้าง แต่ฉันก็ได้แต่ยืนยิ้มเหนียมๆ เป็นบุคคลเรียบร้อยแช่มฉ้อยที่ทุกคนรัก แต่ในใจอะเหรอ... รำคาญสัส     “เฮ้ย ได้ไง เนลต้องไปกับกูดิเติ้ง”     “อีแพลน เนลเค้านัดกับฉันแล้วย่ะ แกอย่ามายุ่ง”     “เฮ้ย เดี๋ยวๆ เนลต้องไปกับกูดิ เนลจ๋า ช่วยติวอิ้งให้กันต์หน่อยน้า”     “โทษทีนะ วันนี้เนลไม่ว่างอ่ะ ไว้วันอื่นละกัน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนจะโค้งตัวอย่างนอบน้อม เพื่อให้ทุกคนหลีกทางฉันออกเป็นสองส่วน คนอื่นๆ มองฉันด้วยท่าทีเสียดาย แต่ก็ช่างแม่งเหอะ ฉันเอาใจทุกคนบนโลกไม่ได้หรอก     “ขอโทษน้า” ฉันกล่าวย้ำอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มหวานให้กับทุกคนเหมือนนางนพมาศที่หลุดออกมาจากเวทีลอยกระทง ร่างสูงกว่าร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร ผมสีดำสนิทยาวลงมาถึงกลางหลัง กระโปรงนิสิตพอดีเข่า เสื้อนิสิตพอดีตัว ไม่รัดรูป ไร้ซึ่งความเอ็กซ์และเซ็กซี่ รองเท้าคัชชูสีน้ำตาล ถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าขาวถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อยให้พอดูมีสีสัน ไม่ว่าจะหันซ้าย หันขวาหรือตีลังกามองมา ใครๆ ก็คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยและกุลสตรีมากคนนึง     ถ้าจะนิยามว่าฉันคือแบบอย่างแม่ของลูกของใครหลายๆ คนก็คงไม่ผิดนัก เพราะทุกการกระทำและสิ่งที่ฉันแสดงออกมันชวนให้คิดว่าฉันดูเป็นผู้หญิงในฝัน คำพูดคำจาก็ไพเราะน่าเข้าหา ถึงจะไม่ขนาดคะขาทุกประโยคก็เถอะ     “แล้วเนลมีธุระอะไรเหรอ?” ไอ้แว่นเลิกคิ้วสูงก่อนจะถือวิสาสะจับที่บ่าของฉัน ด้วยสัญชาตญาณชั่วในจิตใต้สำนึกทำให้ฉันตวัดสายตาไม่พอใจไปที่เขาแวบนึงแล้วรีบเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นมิตรในวินาทีถัดมา     “อ๋อ ธุระส่วนตัวอ่ะ”     มันเป็นคำตอบนางงามที่มีความหมายแปรผันตรงกับคำว่า ‘เสือก’ ดีๆ นั่นแหละ     “อ๋อ โอเค ไว้วันอื่นเนอะ”     “ได้ๆ” ฉันตอบแบบขอไปที ทั้งที่ฉันก็รู้ตัวดีว่าชาตินี้ฉันไม่มีทางไปกินข้าวกับไอ้แว่นเนิร์ดที่ทำท่าจะหาเรื่องมางาบฉันทุกเวลาหรอก บางทีฉันก็สงสารเขานะ การที่เขาพยายามจะเข้าหาฉัน ทั้งที่ฉันไม่มีใจเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์อ่ะ     คนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ พยายามยังไง สิ่งที่จะได้จากฉันก็มีแค่ความสงสาร     “โห ไรอ่ะเนล เราสองคนอ่ะคู่จิ้นกันนะ เนลต้องไปกับเราดิ” แพลนว่าแล้วทำหน้าบูดบึ้ง มือหนึ่งของเขาดึงแขนเสื้อเพื่อรั้งฉันไว้อย่างเอาแต่ใจ เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีระดับนึง แถมเจ้าชู้จนขึ้นชื่อ เขาพยายามจะเข้าหาฉันหลายครั้ง และหวังว่าจะอะไรๆ กับฉันเพื่อเอาไปอวดบรรดาเพื่อนชายของตัวเอง เป็นมนุษย์ประเภทที่ฉันขยะแขยงที่สุด     “อีแพลน เนลก็บอกอยู่ว่าเขามีธุระ” ผักกาดหันไปดุเขา สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยม การพูดจาเลยดูเป็นกันเอง     “ไม่รู้ เนลต้องไปกับกู” เขาเริ่มดื้อดึงและฉุดแขนฉัน จนไอ้แว่นเข้ามาสวมบทบาทพระเอกพยายามกระชากแขนแพลนออก แต่เหมือนจะแรงไม่พอเลยสู้ไม่ได้     “เฮ้ย อย่าไปกวนเนลดิวะ”               “เงียบไป แว่น อย่ามาเสือกได้ปะ อิจฉากูกับเนลอะดิ”               ฉันเบ้ปากอยู่ในใจกับคำพูดของแพลน เขาเป็นแบบนี้หลายครั้งแล้ว ชอบติ๊ต่างว่าพวกเรามีซัมติงกันมากกว่าเพื่อน ชอบแสดงว่าตัวเองสำคัญ ไม่ได้รู้เลยว่าสำคัญตัวผิด ฉันไม่เคยเห็นหมอนี่อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ และฉันเริ่มจะรำคาญกับกิริยาอาการที่เริ่มจะมากมายขึ้นทุกวันของเขาแล้ว...              พริบตาที่ไอ้แว่นใช้แรงเฮือกสุดท้ายดึงแขนของฉันกับแพลนแยกออกจากกันได้ ฉันก็ขยับปลายเท้าไปกระแทกกับหัวเข่าของคนเอาแต่ใจด้วยความเร็วสูง มันแรงพอที่จะทำให้เขาสูญเสียการทรงตัวจนร่างโอนเอนไปด้านหลังที่เป็นบันได     “อีแพลน!”     ตึง!     เสียงหลังของแพลนกระแทกกับปูนดังไปทั่วชั้น แต่เพราะมันเป็นบันไดระหว่างชั้น ไม่ได้สูงอะไรนัก เขาก็เลยยังมีมือมีเท้าครบสามสิบสองประการ ผักกาดทำหน้าตื่นตะลึงพอๆ กับไอ้แว่นที่คิดว่าเป็นฝีมือของตัวเอง เธอสบถดังลั่นแล้ววิ่งเข้าไปหาเพื่อนรัก     “อีเติ้ง แกผลักอีแพลนทำไม!”     “ระ เราไม่ได้ตั้งใจนะ”     ฉันแอบนึกสมน้ำหน้าอยู่ในใจ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้สั่งสอนแพลนแถมยังโยนความผิดให้แว่นด้วย ฉันรู้สึกดีจัง ชอบๆ     “โอ๊ย เจ็บโว้ย” แพลนร้องโอดโอยและครวญครางพร้อมกับใช้มือหนึ่งพยายามจะดันร่างตัวเองขึ้น ฉันรีบแสดงสีหน้าเป็นห่วงและกำลังจะปรายสายตาไปมองผลงานของตัวเองก่อนจะชะงักเมื่อสบนัยน์ตากับคนมาใหม่ที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ แพลน     ใกล้ขนาดที่อีกไม่กี่เซนติเมตรก็แทบจะเหยียบหน้าแพลนอยู่แล้ว มือข้างนึงของเขาถือสมุดเลคเชอร์ ใส่ชุดนิสิตต่างสถาบัน กระเป๋าสีน้ำตาลอันเล็กๆ คาดผ่านอกซ้ายมายังเอวขวา     พอฉันเลื่อนสายตาพิจารณารูปหน้าขาวเนียน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแอบดุอยู่ในที และผมสีดำสนิทของเขา โลกของฉันก็หยุดหมุน หัวใจฉันหยุดเต้น คำพูดทุกคำของฉันหยุดตรงที่ลำคอ ร่างกายแข็งทื่ออย่างไม่เชื่อสายตา ความสงบที่เคยมีเริ่มลดลงทีละนิดตามระยะเวลาที่เราสบตากัน     กาลเวลาหมุนไปหลายปี และคราวนี้โชคชะตาเล่นตลกให้ฉันวนกลับมาเจอคนตรงหน้าอีกครั้ง เขากระตุกยิ้มเหมือนรู้ทันว่าฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา      พอฉันเจอกับเขาทีไร ฉันก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกับไอ้แว่น  คือพยายามแค่ไหน ก็เป็นแค่คนที่ไม่ใช่อยู่ดี     “อ้าว นนท์” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปกติและพยายามจะยิ้มให้ แม้จิตใจเริ่มจะไม่ปกติเหมือนน้ำเสียงแล้ว เขาทำให้สมองของฉันว่างเปล่า และลืมแม้กระทั่งการเสแสร้งออกตัวเป็นห่วงแพลน     มันอาจจะเป็นเพราะว่าคนตรงหน้าเคยเป็นผู้ชายที่ฉันรักมาก มากจนยอมให้ได้ทุกอย่าง     แม้กระทั่งความบริสุทธิ์ของตัวเอง  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD