จู่ๆ ชนาก็พลันรู้สึกขนลุกซู่เหมือนมีลมอุ่นๆ รดผ่านแขนแกร่ง ชายหนุ่มค่อยๆ หันกลับไปดูด้านหลังด้วยความกล้าๆ กลัวๆ เพราะเขากลัวว่าจะไม่ใช่คน ปรากฏว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ข้างๆ เขาโดยไม่พูดไม่จา
ใช่ยัยเด็กนั่นรึเปล่านะ?
ชนายังคงจ้องมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่มั่นใจนัก เพราะเด็กสาวตรงหน้ายังคงก้มใบหน้านิ่งไม่ยอมเงยหน้าเสียที
“สา...” ชนาเรียกชื่อหญิงสาวเบาๆ จนเจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาอย่างงงๆ เช่นกัน เมื่อเห็นว่าไม่ใช่สาริศา ใบหน้าหล่อเหลาก็เครียดเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง
ชนาเองก็รีบเดินออกมาอย่างหัวเสีย เขามองซ้ายมองขวาอย่างมีความหวังว่าเด็กสาวจะวิ่งแจ้นเข้ามาหา ชายหนุ่มนึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่สนใจที่สาริศาพูดว่าจะรอเขา ทว่าตอนนี้เจ้าตัวกลับไม่ได้อยู่รอเขาเสียแล้ว
ร่างสูงเดินมายังรถยนต์ของตัวเองที่จอดสนิทเทียบท่ารถ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆ ด้วยความสิ้นหวัง เพราะไม่ว่าเขาจะตามหาสาริศายังไงก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ…
ฝั่งสาริศา มือเล็กพยายามปาดน้ำออกจากใบหน้าของตัวเองอย่างลวกๆ ร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เข้าไปล้างหน้าล้างตาเพราะเธอนอนน้ำลายยืดเมื่อคืน ดวงตาเรียบเฉียบฉายแววสดใสขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชนายืนพิงกับรถรอเธออยู่ สองขาเล็กรีบก้าวฉับๆ แต่ก็ช้ากว่าอีกฝ่ายที่พาตัวเองเข้าไปในรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากที่เดินๆ อยู่เปลี่ยนเป็นวิ่ง สาริศาวิ่งเร็วๆ อย่างสุดความสามารถเพื่อจะตามรถยนต์ที่กำลังจะแล่นออกไปด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม ปากเล็กก็ตะโกนเรียกซ้ำๆ เพื่อหวังว่าคนที่อยู่ในรถจะได้ยินเสียงของเธอ
“รอหนูก่อนค่ะ!” เสียงเล็กตะโกนจนสุดเสียง แถมยังตะโกนอย่างนั้นซ้ำๆ แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตามร่างบอบบางก็ยังคงวิ่งจนขาทั้งสองข้างแทบจะพันกันจนหกล้ม ทว่าสาวเจ้าก็ยังคงพยายามด้วยความหวังว่าชนาจะมองเห็นว่าเธอกำลังวิ่งตามเขาอยู่
“รอหนูก่อน แฮกๆ”
ชนามัวแต่เครียดจนลืมคิดเรื่องไปทำงานสายอย่างสนิทใจ เพราะในตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกผิดจนไม่อยากให้อภัยตัวเอง ดวงตาคมมองกระจกหลังในจังหวะที่จะเลี้ยวเข้าซอย ทว่ากลับมองเห็นใครบางคนกำลังวิ่งตามมาติดๆ เท้าที่กำลังเหยียบคันเร่งอยู่รีบแตะเบรคกะทันหัน
มีคำถามมากมายเริ่มที่จะผุดขึ้นในหัวของชนา ชายหนุ่มทั้งตกใจ งง ดีใจ และประหลาดใจ ความรู้สึกในตอนนี้มันตีกันในหัวของเขาเต็มไปหมด แต่ที่แน่ๆ อีกฝ่ายกำลังยิ้มร่าให้เขาโดยไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเขาเลยแม้แต่น้อย
“คุณมารับหนูแล้ว ดีใจจังเลยค่ะ” เสียงเล็กบอกปนหอบเพราะวิ่งมาแต่ไกลจนเกือบจะกิโลได้
รอยยิ้มของสาริศาฉุกให้หัวใจชนาเริ่มที่จะพองโตขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เกิดคำถามมากมายในหัวของชนาว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่โกรธ แถมยังมองเขาแบบนั้น ทำไมกัน?
“ขึ้นรถ” ชายหนุ่มเอ่ยเพียงสั้นๆ แทนคำพูดมากมายที่อยากจะถามไถ่ ในที่สุดเขาก็จำยอมต้องรับอุปการะเด็กคนนี้เข้าจริงๆ อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้เธอตกเป็นเหยื่อฆ่าข่มขืนโดยมีเขาเป็นต้นเหตุ ก็แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวคงไม่สร้างปัญหาให้เขามากมายนักหรอก…มั้ง?
“หนูดีใจจังเลยค่ะที่คุณมารับหนู”
“ดีใจทำไม ไม่รู้เหรอว่าเค้าฆ่าข่มขืนกันตรงนั้น ไม่กลัวบ้างรึไง?” ชนาพูดห้วนๆ พลางชำเลืองมองคนนั่งข้างๆ
“จริงเหรอคะ?” พอได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็ทำตาโตเป็นไข่ห่านในทันที สาริศามัวแต่หลับเลยไม่รู้เรื่องเลยว่าเมื่อคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น แถมตอนเช้าที่ตำรวจมา เธอเองก็ยังไม่ทันได้ตื่นเสียด้วยซ้ำ
“อือ ไม่ใช่เธอก็ดีแล้ว” ชนาเริ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คุณเป็นห่วงหนูเหรอคะ?” เสียงเล็กเอ่ยถามด้วยความรู้สึกอุ่นวาบในใจ
“เปล่า แค่รู้สึกผิด...”
“อ๋อ…อย่างงั้นเองเหรอคะ” เด็กสาวยิ้มเจื่อนๆ พอสังเกตดีๆ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอกำลังสวมชุดทำงาน หญิงสาวจึงถามต่อ “คุณกำลังจะไปทำงานเหรอคะ?”
“เออ จริงสิเอาไงดีวะเนี่ย!” พอเด็กสาวถามชนาจึงนึกขึ้นได้ว่าตอนแรกตัวเองกำลังรีบไปทำงาน ถ้าจะตรงไปทำงานเลยก็ติดว่ามีคนติดสอยห้อยตามมาด้วย เขาคงเอาเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้าไปทำงานด้วยไม่ได้ ถ้าจะไปส่งเธอเลยก็คงต้องทิ้งงานไปเต็มวันแล้วค่อยอ้างว่าป่วยแก้ต่างไปก่อน
“หนูทำให้คุณไปทำงานสายเหรอคะ?”
“เออ!” ด้วยความเครียดชนาจึงกระแทกเสียงใส่จนสาริศารีบก้มหน้าก้มตาด้วยความรู้สึกผิด
“หนูขอโทษนะคะ” แววตาเศร้าหมองของเด็กสาวทำเอาชนายิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม หากจะให้เขาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นก็คงไม่จำเป็น เพราะอย่างไรเธอกับเขาก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันเท่านั้น
พอขับรถมาถึงบ้าน ชนาก็เป็นฝ่ายเดินนำเด็กสาวที่เอาแต่มองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่ สาริศามาแต่ตัวโดยไม่มีสมบัติติดไม้ติดมือมาเลยสักชิ้น กรรมคงตกมาอยู่ที่ชนาที่ต้องจัดสรรหาทุกสิ่งอย่างมาให้