“คุณดื่มเหล้ามาเหรอคะ” สาริศาปรี่เข้าไปพยุงร่างสูงที่เดินเซไปเซมา ทว่ากลับโดนอีกฝ่ายผลักให้ออกห่างราวกับมองไม่เห็นว่าหญิงสาวทำไปด้วยความหวังดี
“อย่ามายุ่ง!” ดวงตาแดงก่ำมองหญิงสาวด้วยความเฉยชาก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพลางคลำกำแพงไปด้วยกันจะล้มไม่เป็นท่า เหตุที่ต้องรีบผลักไสสาริศาให้ออกห่างเพราะเขารู้จักตัวเองในตอนเมาดีว่าเขาไม่มีสติพอที่จะยั้งคิด ขนาดกับสุดาก็เกิดจากความผิดพลาดเพราะฤทธิ์เหล้าจนกระทั่งเลยเถิดกลายเป็นความใคร่อย่างเลี่ยงไม่ได้
“หนูทำกับข้าวไว้ให้ค่ะ คุณจะทานสักหน่อยไหมคะ” ร่างบางเดินตามมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ด้วยเสียดายเงินที่จ่ายไปกับค่าวัตถุดิบสาริศาจึงหวังให้เจ้านายได้กินสักสองสามคำก็ยังดี
“ฉัน ไม่ กิน!” ชนาการเว้นวรรคการตอบอย่าชัดถ้อยชัดคำ
แม้ว่าตอนนี้ชนาเดินหายเข้าไปในห้องนอนแล้ว ทว่าโสตประสาทของสาริศาก็ยังคงได้ยินเสียงของเจ้านายหนุ่มก้องคำพูดนั้นอยู่ซ้ำๆ
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ชีวิตเยี่ยงนรกกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่มันแทบจะไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย ความรักความหวังดีของเธอมันกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญเสมอและไม่เคยถูกมองเห็นคุณค่าเลยแม้แต่เพียงเศษเสี้ยววินาที
“หนูทำอะไรให้คุณไม่พอใจนักหนาเหรอคะ…”
สาริศาเก็บจานชามให้เข้าที่ ส่วนอาหารก็เก็บเอาไว้ในตู้เย็นเผื่อยามเช้าเธอจะได้อุ่นกินเพราะถ้าหากจะทิ้งก็นึกเสียดาย มือเล็กจับผ้าขี้ริ้วถูอย่างลวกๆ จนทำทุกอย่างเสร็จเวลาก็เกือบตีหนึ่งพอดิบพอดี ส่วนเจ้านายของเธอหลังจากที่หายเข้าไปในห้องก็เงียบกริบ สงสัยจะหลับเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แน่ๆ
ชนาตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ภาพเมื่อสามปีก่อนมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาซ้ำๆ ถึงแม้จะผ่านไปเนิ่นนานจนอาจจะจำได้ไม่หมด ทว่าสมองของเขายังคงเล่นตลกนำภาพนั้นมาฉายซ้ำๆ ในยามหลับใหล
รถยนต์คันแรกที่เป็นรถคู่ใจปะทะเข้ากับรถพ่วงขนาดใหญ่เข้าอย่างจัง ความรู้สึกเจ็บแสบยังคงชัดเจนแม้เป็นเพียงภาพฝัน รวมถึงความตั้งใจสุดท้ายก่อนที่เขาจะประสบอุบัติเหตุมันยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัว ความเจ็บปนทรมานแผ่ซ่านในความคิดจนร่างสูงบิดตัวไปมาราวกับเจ็บปวดในชีวิตจริง วินาทีที่ดวงตาหลับลงในความฝันก็เป็นวินาทีเดียวที่ชนาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาของปัจจุบัน
ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นพิงกับขอบเตียงก่อนจะหอบหายใจ ในตอนนี้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มเจือจางลงมากแล้ว จึงทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อสามปีก่อนที่เขารอดตายมาอย่างหวุดหวิด และสิ่งที่ยังคงฝังใจเขามากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการได้สารภาพความในใจกับผู้หญิงที่เขาแอบรักมาเนิ่นนาน ทว่าตอนนี้เขาไม่อาจจะพูดประโยคนั้นได้อีกตลอดกาล
“ดาริน” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา มือหนาปัดปอยผมที่ปรกใบหน้าออกก่อนจะดึงผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นจากเตียงนอน ร่างสูงเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานเพื่อหารูปถ่ายรูปสุดท้ายที่เขาพกติดกระเป๋าสตางค์เมื่อครั้งก่อน แต่เมื่อเพื่อนรักแต่งงานเขาจึงย้ายมันมาเก็บเอาไว้ในลิ้นชัก
หายไปไหน?
ชนาฉุกคิดว่าก่อนหน้านั้นเขาได้ย้ายมันไปไว้ที่อื่นหรืออย่างไรทำไมถึงได้หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ไม่ถึงสามวินาทีชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อสามวันก่อนที่ตนเมาเลยเผลอฉีกมันทิ้งแล้วโยนลงถังขยะ พอคิดได้อย่างนั้นร่างสูงก็รีบปรี่ไปยังถังขยะมุมห้องทันที แต่สิ่งที่เขาได้เจอเหลือแค่ถุงพลาสติกใบใหม่ที่ถูกสวมเอาไว้ และคนที่ทำก็มีอยู่คนเดียว…
“สาริศา เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!” หลังจากเดินมาถึงห้องของสาริศา มือหนาก็กระหน่ำเคาะประตูรัวๆ โดยไม่ได้นึกว่ายามนี้มันเป็นเวลานอนของใคร
“อื้ออ” เสียงเล็กของคนที่กำลังงัวเงียตื่นบ่งบอกถึงความง่วงอย่างไม่ปกปิดเพราะเธอยังคงนอนไม่เต็มอิ่ม แวบแรกสาริศาคิดว่าตัวเองตื่นสายจนเจ้านายต้องมาปลุก แต่พอดูนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตีสาม คิ้วบางจึงขมวดเข้ามาหากันด้วยความสงสัยว่าทำไมเจ้านายถึงเรียกใช้กลางดึกเช่นนี้
“ฉันบอกให้เปิดประตู!” ชนาตะคอกเสียงดัง
คราวนี้ร่างบางรีบเด้งออกจากเตียงอย่างรวดเร็วเมื่อโดนตวาดใส่ มือเล็กคลำหาสวิตช์ไฟในขณะที่คนข้างนอกก็แทบจะพังประตูเข้ามาอยู่รอมร่อ หลังจากเปิดไฟเสร็จสรรพสองขาเล็กก็รีบวิ่งไปหาประตูก่อนที่มันจะพังจริงๆ
“มีอะไรคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยอาการงัวเงีย
“ขยะในห้องฉันไปไหน?” ชนาถามเสียงดุ
“ขยะในห้อง...” สาริศาทวนคำพูดพลางนึกว่าขยะที่ว่านั่นคือขยะที่เธอเพิ่งเอาไปทิ้งเมื่อตอนบ่ายหรือไม่ “อ๋อ ขยะในห้องคุณน่ะเหรอคะ?”
“ใช่! มันอยู่ไหน?”
“หนูเอาไปทิ้งให้แล้วค่ะ เห็นว่ามันเต็มแล้วก็เลยเปลี่ยนถุงใหม่ให้ มีอะไรเหรอคะ?” ไม่ได้จะยียวนกวนประสาทแต่อย่างไร แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายต้องมาถามหาขยะกลางดึกเช่นนี้
“ทิ้งแล้วงั้นเหรอ!!” ไม่เพียงแต่ขึ้นเสียงชนายังเอื้อมมือไปดึงลำแขนเล็กแล้วดึงร่างบางเข้ามาใกล้กับเขาในระยะประชิด