ล้าหลังยังไง ลองพูดมาสิ”

1094 Words
“ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบางครั้งพวกเราต้องกำจัดโอเมก้าทิ้ง เพื่อรักษาจำนวนของอัลฟ่าและความสงบสุขของสังคมเอาไว้ ต่อให้การกระทำนั้นมันโหดร้ายไปหน่อยก็ต้องทำ” พอได้ยินศาสตราจารย์อธิบายต่ออย่างนั้น คนที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอดก็ผินหน้าหนี ยกแขนขึ้นเท้าคาง ทำหูทวนลมด้วยความระอา รักษาความสงบสุขของสังคมงั้นเหรอ... ตั้งแต่เกิดมาเห็นจะมีแต่อัลฟ่านี่แหละที่รังแกโอเมก้า ไม่เคยเห็นโอเมก้าคนไหนก่อความวุ่นวายเลย ดูอย่างตอนนี้สิ มีแต่โอเมก้าที่ถูกรังแก ไหนว่าเป็นตัวปัญหาไง ย้อนแย้งชะมัด แนวความคิดทุเรศจนไม่อยากจะได้ยินได้ฟังอีก หากแต่ปฏิเสธไปก็เท่านั้นเมื่อผู้สอนเห็นว่าลูกศิษย์ในคลาสคนหนึ่งออกอาการเมินต่างจากคนอื่นๆ ที่ตื่นเต้นกันจนเนื้อตัวสั่น “ตั้งใจฟังหน่อยคุณเมอร์ซี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่คลาสของผมจะพาโอเมก้าตัวเป็นๆ มาให้พวกคุณศึกษาอย่างใกล้ชิดได้” คนถูกเรียกว่าเมอร์ซี หรือชื่อเต็มๆ เจเรมี เมอร์ซี เหลือบสายตากลับไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่กลางห้อง คำพูดนั้นทำให้เขาต้องแสยะยิ้มออกมา “ก็คุณไม่พาเขาออกมาจากห้องนอนของคุณ แล้วผมจะศึกษาอย่างใกล้ชิดได้ไงล่ะศาสตราจารย์ วันหลังก็รู้จักพาเขาออกจากห้องบ้าง ไม่ใช่ให้อยู่แต่บนเตียง” คนถูกย้อนหน้าม้าน จริงอยู่ที่โอเมก้าซึ่งใช้เป็นตัวอย่างในการศึกษาเป็น ‘คนของเขา’ แต่จะเป็นไปเพื่ออะไรนั้นก็ไม่เห็นต้องพูดออกมาเลยนี่ รู้กันอยู่แก่ใจแล้ว การพูดออกมาโต้งๆ แบบนี้มันไร้มารยาทชะมัด “ระวังคำพูดด้วย สำหรับผม เขาก็แค่เพื่อการศึกษา” “ระวังอย่าหักโหมก็แล้วกันครับ คุณอายุมากแล้ว” เจเรมียังคงยอกย้อน ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่ได้สอน ชายหนุ่มคนนี้มักแสดงท่าทีกระด้างกระเดื่องออกมาเสมอ ต่างจากอัลฟ่าคนอื่นๆ ที่เห็นดีเห็นงามด้วย และไม่ใช่แค่กับเขาคนเดียว กับผู้สอนคนอื่นๆ ก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน หากคิดถึงตรงนี้ก็ไม่แปลกใจนักเมื่อตระหนักได้ว่าคนคนนี้มาจากตระกูล ‘เมอร์ซี’ ...ตระกูลหนึ่งในสี่ของกลุ่มผู้มีอำนาจในการปกครองมหานครแห่งนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ ของสภา ถึงจะเป็นพวกชอบค้านกันตั้งแต่ต้นตระกูลยันรุ่นลูกหลาน กระนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เจเรมีจะมาอวดเบ่งในคลาสเรียนของเขาอย่างนี้ ก่อนศาสตราจารย์จะยกมือขึ้นกอดอก พูดอย่างจริงจัง “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณไม่ชอบหน้าผมเพราะอะไร แต่อยากจะขอแนะนำว่าคุณควรตั้งใจให้มากกว่านี้ ต่อให้เหม็นขี้หน้าหรือหัวข้อประวัติศาสตร์การปกครองของผมจะน่าเบื่อ มันก็เป็นสิ่งที่อัลฟ่าต้องเรียนรู้ไว้โดยเฉพาะคนที่มาจากตระกูลนักปกครองอย่างคุณ” ใจก็แค่อยากจะเตือนให้อีกฝ่ายตระหนักถึงหน้าที่ของตน หากแต่เจเรมีไม่ได้สนใจสักนิด ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มพราย “การสอนของคุณก็ใช่ว่ามันจะห่วยแตกหรอกนะ แต่ผมคิดว่าแนวความคิดการปกครองอะไรนั่นมันฟังดูล้าหลังไปหน่อย” ถูกปรามาสไม่พอ ยังโดนลูบคม คนฟังถึงกับหน้าตึง สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงแล้วถามออกมา “ล้าหลังยังไง ลองพูดมาสิ” อยากจะแลกเปลี่ยนความคิดงั้นเหรอ ก็ได้ เขาจะลองรับฟังดูสักหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่เอาแต่ต่อต้านไปเสียทุกเรื่องจะพูดอะไรได้บ้าง ในเมื่อเปิดโอกาสให้แล้ว เจเรมีก็ยืดตัวขึ้น ว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ผมคิดว่าไอ้ความคิดเรื่องโอเมก้าต้องถูกกำจัดถ้ามีปริมาณเยอะขึ้นมันทุเรศน่ะ เอาจริงๆ พวกนั้นมันก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเราใช่ไหมล่ะ ทำไมถึงถูกกำหนดให้เป็นเหยื่อ ในเมื่อเลือกเกิดไม่ได้ เลือกเพศก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็น่าจะมีสิทธิ์เลือกวิถีชีวิตตัวเองสิจริงไหม ผมว่าจริงๆ แล้วตัวปัญหาของสังคมอะไรที่คุณพูดนั่นไม่น่าจะใช่โอเมก้าด้วยซ้ำไปนะ แต่เป็นพวกอัลฟ่าอย่างคุณกับผมนี่แหละ” เอาอีกแล้ว... ศาสตราจารย์รำพึงในใจขึ้นมาทันที สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องที่เจเรมีมักพูดบ่อยๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มคนนั้นถามอะไรทำนองนี้ และไม่ใช่กับเขาคนเดียวด้วย เจเรมีมักจะมีแนวความคิดต่อต้านสังคมแบบนี้เสมอ ตั้งแต่เข้ามาศึกษาในสถาบันแห่งนี้ก็ไม่เคยมีผู้สอนคนไหนรอดพ้นไปจากคำถามท้าทายเชิงต่อต้านสังคมเลยสักคน แรกๆ ก็ตกใจ ผ่านไปสักพักก็รู้สึกว่าท้าทาย หากหลังๆ ชักกลายเป็นความน่ารำคาญ เขาเองก็ไม่อยากจะตอบสักเท่าไหร่นักด้วยรู้ว่าถ้าตอบไปแล้ว คำถามอื่นๆ ต้องตามมาแน่จึงได้แต่เบนความสนใจไปเป็นการตักเตือน “ความคิดต่อต้านสิ่งที่เป็นบรรทัดฐานของสังคมนี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะคุณเมอร์ซี” “จะบอกว่าผมไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถามต่ออะไรก็แล้วแต่ที่สังคมบอกว่าดีงั้นสิ” เจเรมีเลิกคิ้วสูง สีหน้ากวนประสาทปรากฏออกมาให้เห็นชัดเจน “น่าเสียดาย นึกว่าคุณจะมีความสามารถพอที่จะตอบคำถามผมซะอีก” คนมองต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากทีเดียวที่จะไม่หัวเสียกับคำพูดท้าทายของชายหนุ่มรุ่นลูกก่อนอธิบายออกไป “ผมก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่สิ่งที่คนรุ่นก่อนคิดและวางแบบแผนให้มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว คุณไม่ต้องนึกสงสัยหรอก ถ้ามันไม่ดีจริงคงจะไม่ยึดถือปฏิบัติกันมาหลายทศวรรษ” การเลี่ยงที่จะตอบคำถามแบบขอไปทีทำให้เจเรมีพูดขึ้นมาลอยๆ “คิดกันไปเองว่าดีล่ะสิไม่ว่า” พูดแล้วก็จับจ้องยังใบหน้าของชายวัยกลางคนตรงหน้า คนอาวุโสกว่าไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขามากนัก ต่อปากต่อคำไปก็รังแต่จะเสียเวลา ซ้ำยังทำให้อารมณ์เสีย ตอนนี้บรรยากาศในคลาสเรียนก็เริ่มกร่อยแล้วด้วย ตัดบทไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเลยจะดีกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD