''เลือกได้ดีหนิ ทั้งสวย ทั้งขาว ทั้งอวบ ไร้ญาติขาดมิตรอีกต่างหาก โดนเอาจนตายคาอกคงไม่มีใครรู้ หึๆ!!!''ภีมเอ่ยอย่างพอใจในขณะกำลังดูรูปถ่ายของแก้วใส
''ไอ้ภีม ไอ้บ้ากูไม่ได้เอาแก้วใสมาให้มึงทำระยำตำบอนพันนั้น เขาเป็นน้องกู ไอ้เวรนี้เอาคืนมาเลย!!!''พารัมดึงรูปแก้วใสคืนจากมือของภีมอย่างไม่สบอารมณื ที่เขาเอารูปเธอให้ดูเพียงแค่ต้องการบอกเพื่อนว่าเธอคือน้องสาวที่เขาเล่าให้ฟังว่าเจอที่สนามแข่งเท่านั้น
''ฮึๆ พารัมมึงนี้ขี้สงสารขี้ใจอ่อนฉิบหาย น้องสาว เพื่อนสาว กี่คนต่อกี่คนแล้วล่ะสุดท้ายพวกนั้นก็แค่หวังสุขสบาย หวังแค่เงินทองและชื่อเสียงจากมึง เผลอๆยัยเด็กนั้นอาจจะถูกส่งมาเพื่อทำลายมึงก็ได้ คนบ้าอะไรเจอกันวันเดียวรับกันเป็นพี่เป็นน้องแถมมึงยังพาเข้าบ้านอีก มึงโง่หรือมึงโง่เนี่ย!!!!'' พายุที่มองโลกในแง่ร้ายเสมอเอ่ยบอกเพื่อนที่มีตำแหน่งเป็นถึงรักษาการนายก แม้ตำแหน่งของพายุจะเล็กกว่าเพราะเขาเป็นเพียงรัฐมนตรีกลาโหมแต่ใครๆต่างรู้ว่ารัฐมนตรีกลาโหมคนนี้นั้นมีพรรคพวกหนุนหลังอยู่ไม่น้อย แถมยังมีอำนาจสั่งการกองทัพได้ด้วย แม่แต่รัฐมนตรีคนก่อนยังต้องเกรงบารมีเขา
''จะยังไงก็ช่าง นั้นมันเรื่องของฉัน พวกนายแค่รับรู้ไว้ว่าเธอคือน้องสาวคนใหม่ของฉันก็พอ''พารัมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วก้มลงเซ็นเอกสารสำคัญต่อ
''เห้อ ท่าทางคงไม่พ้นพี่น้องท้องติดกันอีกหรอกมึงอ่ะ เดียวพอถูกเด็กมันยั่วเข้าหนักๆก็จบที่อีหลอบเดิม'' พายุยังไม่เลิกขุดเรื่องเก่าขึ้นมาพูด แต่พารัมก็ไม่สนใจ
''ก็เรื่องของฉัน แล้วฉันก็มั่นใจว่าแก้วใสไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น แล้วก็ต่อไปนี้เลิกลากเด็กของพวกคุณไปกินในบ้านผมได้แล้วนะครับ น้องสาวผมเธอไร้เดียงสาไม่อยากให้มาได้เห็นได้ยินอะไรที่มันจะทำให้เธอตื่นกลัว'' พารัมกล่าวด้วยบริบทที่สุภาพทำเอาภีมกับพายุถึงกับมองหน้ากัน
''อ้าวไอ้นี้ อาการหนักจริงนะมึง เด็กนั้นแม่งเอาเรื่อว่ะ มันทำของใส่มึงป่ะเนี่ย!!!!'' พายุลุกขึ้นเท้าแขนที่โต๊ะทำงานของเพื่อนอย่างไม่ค่อยชอบใจ และที่เขาคาดไม่ถึงก็คือพารัมจะวางปากาและอดแว่นสายตาหนาเตอะออกยืนขึ้นประจันหน้ากับเขา
''ท่านรัฐมนตรีกลาโหม กรุณาใช้วาจาสุภาพในตอนกล่าวถึงน้องสาวผมด้วยนะครับ ต่อไปนี้ให้เรียกเธอว่าแก้วใส เธอไม่ใช่เด็กนั้น ไม่ใช่อีนั้นหรืออะไรทั้งนั้น เธอคือแก้ใสน้องสาวของผม เชิญพวกคุณสองคนออกไปได้แล้ว ส่วนดินเนอร์คืนนี้ก็อย่าลืมมาแล้วกัน ''พายุอึ้งกับคำพูดของเพื่อนที่ไม่รักษาหน้าตัวเอง ชายหนุ่มโกรธจนหน้าแดงแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ ถ้าเป็นนายกคนก่อนคงถูกเขาปล่อยหมัดอัดหน้าไปแล้วที่กล้าต่อต้านแต่คนตรงหน้านั้นต่างกัน เขาคือพารัมเพื่อนที่เขารักและเป็นคนที่เขาคิดเกินเพื่อนมาตลอด พายุกัดฟันกำหมัดแน่นก่อนจะหันหลังเดินหนีออกจากห้องไปเสียงประตูหน้าห้องถูกปิดด้วยแรงกระแทกของความโมโหอย่างดัง
''พารัมมึงพูดแรงไปไหมว่ะ แต่เอาเถอะยังไงก็เจอกันคืนนี้ กูจะไปดูมันก่อน''ภีมพูดจบก็รีบตามพายุออกไปอีกคน พารัมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะมองตามหลังเพื่อนรักออกไป
''สักวันพวกมึงจะเข้าใจ'' เขาเอ่ยพรึมพรัมเบาๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป
-เพล้ง!!!!!- แก้วหลายสิบใบถูกพาดลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์
''อย่าโมโหมันนักเลย มันก็เป็นแบบนี้แหละใช่ว่าเหตุการณ์นี้จะเคยเกิดขึ้นครั้งแรกซะที่ไหน''ภีมเอ่ยปล่อยเพื่อนรักเพื่อให้อารมณ์เย็นลง
''หึ แต่มันก็ไม่เคยกล้าเอาใครมาเชิดหน้าชูตาขนาดนี้ อีเด็กเวรนั้นกูสารบานเลยมันต้องย่อยยับด้วยมือกูแน่!!!!''พายุกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อาฆาต
''ไอ้ยุ กูขอล่ะมึงจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ได้นะ เราก็อายุเข้าเลขสามกันแล้วนะเว้ย มึงต้องปล่อยวางได้แล้ว ถ้าพารัมจะรักมึงตอบมันคงรักไปนานแล้ว หยุดทำแบบนี้เถอะ''ภีมที่รู้ดีถึงความรู้สึกที่พายุมีต่อพารัมเอ่ยเตือนสติ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักของเขา เขาไม่อยากจะเข้าข้างใคร และภีมเป็นเพียงคนเดียวที่พายุกล้าจะบอกทุกอย่างให้ได้รับรู้ คงเพราะทั้งคู่ชอบในศิลปะเหมือนกัน พายุชอบวาดภาพส่วนภีมชอบงานเครื่องปั้นดินเผา ส่วนพารัมไม่ชอบทั้งสองอย่าง เขาชอบความท้าทายความเร็วของรถคือสิ่งที่เขาโปรดปราณที่สุด แต่พารัมก็ยอมให้ทั้งภีมและพายุสามารถสร้างมุมศิลปะในบ้านของตนได้เพราะทั้งสามสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม และยังเป็นสามคนที่มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นมากอีกด้วย ในการที่พารัมได้ก้าวขึ้นมาเป็นรักษาการนายกก็ด้วยความช่วยเหลือและผลักดันของภีมและพายุทั้งสิ้น
คฤหาสน์พารัม รักษาการนายกรัฐมนตรี
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้น มีบุคคลสำคัญมาร่วมงานมากมายพายุยืนมุมหนึ่งภายในงานเงียบๆชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทหรูหราสีเปลือกมังคุดข้างๆกันมีภีมยืนอยู่ด้วย มีผู้คนมากมายแวะเวียนมาทักทายพวกเขา แต่พายุเอาแต่ดื่มไม่ค่อยจะสนใจสนธนากับใคร มีเพียงภีมเท่านั้นที่ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสตามประสาเขา
''เชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านทางด้านนี้เลยนะคะเดียวอีกสักครู่ท่านพารัมจะออกมาแล้วค่ะ'' เสียงพิธีก่อนพูดอยู่บนเวทีขนาดเล็กเหล่าแขกต่างไปยืนรวมกันที่น่าเวทีเพื่อรอต้อนรับรักษาการนายกและทุกคนอยากทราบว่าทำไมคืนนี้รักษาการนายกถึงจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นมายังไม่มีใครทราบเลยว่าเพราะเหตุใด รู้เพียงว่าได้รับเชิญมางานสุดหรูนี้เท่านั้น
''มึงดูเอาเถอะว่ามันอาการหนักขนาดไหน มึงเคยเห็นมันจัดงานแบบนี้ให้ใครไหมล่ะ !!!''พายุที่มีฤิทธิ์แอลกอฮอลในร่างกายเอ่ย เขาไม่ได้เมาเพราะตัวเขาดื่มเก่งอยู่แล้ว แต่แอลกอฮอลทำให้เลื่อดในกายเขาร้อน เขาอยากจะฉีกทึ่งผู้หญิงคนนั้นออกเป็นชิ้นๆ คนที่กล้ามาแบ่งเอาความรักของพารัมไปจากเขา
''ใจเย็นหน่อย หยุดดื่มได้แล้วเอาแก้วมานี้!!!!'' ภีมดึงแก้วไปจากมือของพายุก่อนจะจูงแขนเพื่อนให้เข้าไปร่มในงาน เพราะไม่อยากให้ตกเป็นขี้ปากใครว่าพวกเขากำลังมีปัญหาขุ่นเคืองกัน ผู้ร่วมงานต่างแหวกทางให้บุคคลสำคัญทั้งสองสามารถเดินไปอยู่ด้านหน้าเวทีได้สะดวก พายุและภีมยืนอยู่เกือบหน้าสุดของบรรดาแขกผู้มีเกียรติ
เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงขึ้นพร้อมกับพารันที่อยู่ในชุดทักซิโดสีน้ำเงินเข้มก้าวออกมาชายหนุ่มดูหล่อเหล่ามีราศีราวกับชนชั้นสูงและข้างๆเขานั้นมีหญิงสาวสวยในชุดสีขาวดูสะอาดตาควงคู่ออกมาจากหลังเวที มีทั้งเสียงปรบมือและเสียงซุบซิบพูดคุยกันดังไปทั่วบริเวรเพราะมีแต่คนอยากรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างรักษาการนายกเป็นใคร และเสียงองทุกคนก็เงียบลงอย่างมิได้นัดหมายเมื่อรักษาการหนุ่มเริ่มจับไมค์พูด
''สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน''พารัมกล่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
''ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติมาร่วมงานสำคัญของผมในครั้งนี้ ทุกท่านคงจะสงสัยสินะครับว่าสุภาพสตรีที่ยืนข้างผมคือใคร ที่ผมเชิญทุกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อจะบอกทุกท่านว่า สุภาพสตรีท่านนี้คือว่าที่คู่หมั่นของผม คุณเจนิ เจนิสา ประธานบริษัทเจกรุ๊ป'' สิ้นคำพูดของพารัมทุกคนในงานต่างตกตะลึง โดยเฉพาะเจนิสาเอง ตัวเธอแข็งทื่อราวกับถูกไฟช็อต นี้เธอถูกจับได้หรอ งัุ้นหมายควารมว่าเขารู้ทันเธอมาตลอด
''นะ นาย!!!!''
''ชู่วววว นิ่งไว้สิ ให้ความร่วมมือหน่อยคุณอัจฉริยะคุณตกอยู่ในวงล้อมคนของผมทั้งหมดเลยนะดูสิ!!!!''พารัมกระซิบบอกคนข้างๆที่จะปล่อยมือเขาชายหนุ่มดึงมือเธอไว้แน่น เจนิสากวาดสายตามองไปทั่วงาน งานนี้มีนักข่าวและคนสำคัญต่างๆมาร่วมงานมากมาย หญิงสาวกำหมัดแน่นไม่คิดเลยว่าเธอจะมาติดกับดักที่ตัวเองขุดไว้
''ผมกับคุณเจนิจะาประกาศข่าวดีให้ทราบเราสองคนกำลังจะหมั่นกันในเร็วๆนี้ และผมอยากมอบเซอไรนี้ให้แก่ทุกท่านใช่ไหมที่รักพูดอะไรหน่อยสิ'' พารัมเอ่ยบอกแก่เจนิสาที่ยืนอยู่ข้างๆ
''เอ่อ สะ สะ สวัสดีค่ะทุกท่าน ''เจนิสพูดได้เพียงเท่านั้นเธอก็เป็นลมล้มพับไปทันที นั้นเพราะหญิงสาวมีอาการแพนิคขั้นรุนแรงเธอกลัวแสงแฟลชและการต้องขึ้นเวทีแบบนี้ที่สุดเธอไม่ออกงานสังคมใดๆก็เพราะเหตุนี้ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นโฉมหน้าเธอ......