ปุริมหาได้สนใจสาวเจ้าตรงหน้าอีกต่อไป เขามองไปที่ห้องรับรองแขกทันที ชายหนุ่มเห็นผู้ชายร่างใหญ่ดูท้วมเล็กน้อย อายุน่าจะมากกว่าคุณภามประธานบริษัทหลายสิบปี นั่งยิ้มคุยกับพิมพ์กานต์อย่างสนิทสนม ดูท่าชายคนนั้นจะเป็นพ่อเลี้ยงกำพล
ทำไมพิมพ์กานต์ต้องไปนั่งยิ้มหวานพูดคุยกับไอ้พ่อเลี้ยงนั่นอยู่ได้ เขาจับจ้องทั้งสองนั้นอย่างหมั่นไส้ ไอ้พ่อเลี้ยงนั่นส่งสายตาหื่นกามไปทางพิมพ์กานต์อย่างเห็นได้ซัด จนปุริมที่สังเกตการณ์อยู่ได้แต่กัดฟันกรอด
"อ้าว น้ำหมดแล้ว"
พิมพ์กานต์ที่กำลังคุยอยู่กับพ่อเลี้ยงที่เธอถือเป็นคุณอาคนหนึ่งสังเกตเห็นว่าน้ำที่เด็กในบริษัทเอามาเสิร์ฟแก่แขกนั้นลดไปจนเกือบหมด
"อา... ขอโทษนะ พอดีก่อนเข้ามาอากาศร้อนไปหน่อย ผมก็เลยดื่มไปซะเยอะ" เขาบอกทั้งๆ ที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ร่างของสาวรุ่นหลาน ลูกสาวของเจ้าสัวภูริเดช เพื่อนรุ่นพี่ของเขาทำไมถึงได้สวยอย่างนี้นะ เห็นแล้วหัวใจมันตุ้มๆ ต่อมๆ จนแทบทนไม่ไหว
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพิมพ์ไปเอามาให้ใหม่นะคะ"
พิมพ์กานต์ลุกขึ้นเดินไปรินน้ำเย็นๆ ในเหยือกใส่แก้วจนพอดี ก่อนจะเดินกลับมาหาพ่อเลี้ยงกำพล พ่อเลี้ยงเห็นช่องทางโอกาสได้ทีลุกขึ้นรับแก้ว แต่แกล้งมือสั่นทำน้ำเย็นๆนั่นหกใส่หน้าอกของหญิงสาวเต็มไปหมด พิมพ์กานต์ตกใจรีบวางแก้วลงทันทีเมื่อเห็นว่าชุดเธอเปียก ปุริมที่มองอยู่ถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าไอ้พ่อเลี้ยงนั่นมันจงใจทำน้ำหกชัดๆ
"ขอโทษนะหนูพิมพ์...ผมซุ่มซ่ามจริงๆ"
ไม่พูดเปล่ามือหนาของคนร่างท้วมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาลูบๆ บริเวณเลอะน้ำเย็น ได้โอกาสสัมผัสหน้าอกนุ่มนิ่มภายใต้ชุดที่เปียกขึ้นนั้นด้วย พิมพ์กานต์ถอยหนีเมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายส่งสายตาลวนลามมาให้ แต่เธอก็ต้องเก็บอาการไม่พอใจไว้เพราะเขาถือเป็นผู้ร่วมหุ้นคนสำคัญคนหนึ่ง
แต่สำหรับปุริมแล้ว เขาทนยืนมองต่อไปไม่ไหว!
"ขอโทษนะครับ! เป็นอะไรรึเปล่าพิมพ์"
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในห้องรับรองแขก ดึงคนตัวเล็กให้ออกห่างจากร่างท้วมที่เตี้ยกว่าเขาไปหลายเซนติเมตรนั่นอย่างถือวิสาสะ พ่อเลี้ยงกำพลตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่ามีบุคคลที่สามเข้ามาแทรก และไม่นานก็ตามทมาด้วยกชกรลูกสาวของเขาเองที่เดิมตามร่างหนาของคนแปลกหน้านั่นเข้ามา
พิมพ์กานต์รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด อย่างน้อยก็ทำให้สถานการณ์ที่แสนอึดอัดขณะที่เธอต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงกำพลตามลำพังนี่คลี่คลายลงบ้าง แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เธอเกลียดก็เถอะ!
"เกิดอะไรขึ้นคะคุณพ่อ" กชกรถามหน้าตาตื่นเพราะดูสถานการณ์ช่างน่าตึงเครียดอย่างผิดปกติ
"หนูพิมพ์ชุดเปียก พ่อก็เลยจะช่วย" ร่างท้วมแถหน้าตายนั่นทำเอาคนที่ฟังอยู่รู้สึกเดือดปุดเขาบอกเสียงรอดไรฟัน
"ไม่เป็นไรครับ... ผู้หญิงของผม เดี๋ยวผมดูแลต่อเอง"
คนฟังทั้งพิมพ์กานต์ พ่อเลี้ยงกำพล และกชกรถึงกับขมวดคิ้ว โดยเฉพาะบุคคลที่ถูกกล่าวหา สาวเจ้ามองหน้าปุริมอย่างไม่เชื่อหู เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไรว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขา...
"อะไรนะ? นี่หนูพิมพ์มีแฟนแล้วเหรอ ทำไมผมไม่รู้เลย"
คนที่ดูจะโวยวายกลายเป็นพ่อเลี้ยงกำพลเสียมากกว่า ชัดเจนว่าไอ้พ่อเลี้ยงนี่มันคิดไม่ซื่อกับพิมพ์กานต์อย่างแน่นอน แบบนี้เขายิ่งไม่อยากปล่อยพิมพ์กานต์เอาไว้กับพ่อเลี้ยงบ้ากาม
"คือว่าพิมพ์..." ร่างบางกำลังจะอ้าปากอธิบายว่าเรื่องที่เขาพูดไม่เป็นความจริง แต่ปุริมหันมามองหน้าด้วยสายตาจริงจังและรีบตัดบททันที
"พ่อเลี้ยงกำพลครับ จริงๆ เรามีนัดเช็กคุณภาพไหมกันตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วแล้วนะครับ ผมว่านักธุรกิจที่ดีควรจะตรงต่อเวลานะ ว่าไหม"
คนถูกด่าอ้อมๆ เม้มปากอย่างเสียหน้า เขาถูกไอ้เด็กเมื่อวานซืนคาบสาวสวยตัดหน้าแถมยังโดนด่าว่าไม่มีมารยาทเรื่องการตรงต่อเวลาอีก งานนี้ถือว่าพลาดสุดๆ
"ผมขอโทษ แต่วันนี้ไม่สะดวกแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อนเอาไว้ผมจะนัดตรวจคุณภาพอีกที" พูดจบก็เดินออกไปไม่รอให้สองหนุ่มสาวต้องพูดอะไรต่อ กชกรเองก็หน้าเหวอทำอะไรต่อไปไม่ถูก พ่อเธอกลับแล้วเธอเองก็คงต้องกลับเหมือนกัน
“งั้นแก้มก็คงต้องกลับก่อนนะคะ หวังว่าคงได้เจอกันอีกนะคะคุณปุริม" สาวเจ้าโบกมือก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้พิมพ์กานต์จ้องหน้าชายหนุ่มอย่างขุ่นเคืองไม่น้อยก่อนจะเดินหนีมุ่งไปยังห้องทำงานของเธอ ปุริมถอนหายใจรีบสาวเท้าเดินตามไปทันที
เมื่อร่างหนาของเขาเข้ามายังห้องทำงานของเธอแล้วชายหนุ่มก็ล็อกประตูอย่างเงียบเชียบโดยไม่ให้เจ้าของห้องรู้ตัวก่อนจะเดินตรงรี่ไปทางร่างบาง
"อย่าพูดแบบนั้นอีก ฉันไม่ชอบ" พิมพ์กานต์พูดเสียงเรียบ ไม่ค่อยพอใจนักกับการแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในตัวเธอทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์แล้วของชายหนุ่ม
"ทำไม ไม่เห็นเหรอว่าพ่อเลี้ยงนั่นมันมองพิมพ์ด้วยสายตาแบบไหน แถมยังแอบลวนลามแกล้งทำน้ำหกใส่พิมพ์อีกชอบนักรึไง!?" เขาเองก็โกรธไม่น้อยที่เธอปล่อยให้ผู้ชายรุ่นพ่อลวนลามขนาดนั้น นี่เธอไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้างเลยหรือยังไง
พิมพ์กานต์เม้มริมฝีปากเข้าหากัน ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าที่ผ่านพ่อเลี้ยงกำพลคิดอย่างไรกับเธอ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมหุ้นของบิดาเธอมาตั้งแต่สมัยเธอยังเป็นเด็ก ชายคนนี้ถือเป็นหนึ่งในแขกคนสำคัญของบริษัทเอกชัยภักดีไหมไทยไปแล้ว หากจะให้เรื่องเพียงแค่นี้มาตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อเลี้ยงกำพลและเจ้าสัวภูริเดช เธอคงทำให้บิดาไม่สบายใจไม่ได้จริงๆ
"เรียกฉันว่าพิมพ์กานต์... ส่วนเรื่องที่ว่าชอบหรือไม่ชอบนั่นมันก็เรื่องของฉัน!"
คำตอบที่ได้กลับมาจากหญิงสาวนั้นทำให้เขาโกรธมากขึ้นกว่าเดิม มือหนาดึงร่างบอบบางให้เข้ามาปะทะกับอกแกร่ง พิมพ์กานต์ตกใจพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของเขาแต่ก็ไม่อาจเอาชนะพละกำลังของชายหนุ่มได้ ยามนี้เธอใกล้เขามากเกินไปแล้ว ใกล้จนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัว
"ป้องไม่คิดเลยนะว่าพิมพ์จะเปลี่ยนไปขนาดนี้ นี่คงไม่เลือกหน้า เลือกความเหมาะสมอีกแล้วใช่ไหม... ดี งั้นสำหรับป้อง อดีตคนเคยๆ กันแล้วแบบนี้ พิมพ์ก็คงไม่รังเกียจหรอกใช่ไหม"
พูดจบคนตัวใหญ่ก็ประกบจูบลงไปที่ริมฝีปากสวยของหญิงสาว คนถูกจูบโดยไม่ทันตั้งตัวได้แต่ครางอู้อี้ขัดขืน เขายังคงจูบเก่งเหมือนเดิม ลิ้นหนาพยายามรุกเร้าโลมเลียริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อน จนร่างเล็กเผลอเผยอริมฝีปากเปิดโอกาสให้อีกคนสอดลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากหวาน ลิ้นหนาของเขาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเธออย่างคุ้นเคย เธอยังคงหอมหวานเหมือนเคยไม่มีเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้ร่างบางเริ่มอ่อนระทวยไปกับรสสัมผัสที่เธอได้รับเสียแล้ว เธอเริ่มหมดแรงจนทรงตัวไม่อยู่ ปุริมอุ้มร่างพิมพ์กานต์ขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังประกบจูบอยู่ เขาวางเธอลงบนโต๊ะทำงานในท่านั่ง มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งเขาสอดมือลงไปใต้เสื้อผ้าลื่นที่เธอสวมใส่อย่างง่ายดาย มือหนาสัมผัสเข้ากับเต้าอวบอิ่มที่อัดกันอยู่ภายใต้เสื้อชั้นในราคาแพง เขาลูบไล้เนินอกนุ่มๆ ของเธออย่างเบามือ แต่นั่นทำให้คนตัวเล็กถึงกับควบคุมตัวเองไม่อยู่แอ่นอกไปข้างหน้าอย่างเสียวซ่าน พยายามกลั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดลอดออกมา
"หวานจังเลย พิมพ์จ๋า..." ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากร้อนๆ ลงมาตามซอกคอพร้อมกับครางงึมงำอย่างแผ่วเบามัวเมาอยู่กับความหอมหวานที่แสนคิดถึง พิมพ์กานต์พยายามตั้งสติแม้ว่าจะเลือนรางเหลือเกิน
"อื้อ... ป้อง ปล่อยเรานะ" ดูเหมือนเขายังไม่อยากหยุดมือหนาทำท่าว่าจะปลดตะขอชุดชั้นในของหญิงสาวออกเพื่อเชยชมบัวตูมคู่งามตระการตานั่น แต่แล้วระหว่างที่ทั้งสองกำลังเพลินเพลิดกระเจิดกระเจิงกันไปตามอารมณ์นั้นเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ปะ...ปล่อย!"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นผลให้ปุริมต้องผละออกจากเรือนร่างงามตรงหน้าด้วยความเสียดาย พิมพ์กานต์หัวใจแทบวายเช่นเดียวกับปุริมที่พยายามควบคุมสติของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ ดีนะที่เขาล็อกห้อง เพราะถ้าเกิดเปิดประตูโผล่พรวดพราดเข้ามาเห็นเขาและพิมพ์กานต์ในสภาพนั้น เขาไม่อยากจะนึกถึงเหตุการณ์ต่อไป...
ใครกันหนอ ช่างขัดจังหวะคนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม พิมพ์กานต์รีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ใบหน้าของเธอแดงก่ำหัวใจเต้นระรัว หญิงสาวตั้งสติให้กลับมาเป็นคนเดิม ก่อนจะเดินไปเปิดประตู พิมพ์กานต์พบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกำลังอุ้มลูกชายพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้เธอ โดยมีภรรยายืนอยู่ข้างๆ ด้วยกัน
"เฮียภาม!" พี่ชายของพิมพ์กานต์นั่นเอง