บทเรียนที่ 2 ทริปเที่ยวแถมไข้หวัด (2)

2878 Words
“โอ๊ะ ดูนี่สิ” ในระหว่างเลือกของใช้กับอาหารที่จะเอามาทำสำหรับวันนี้และวันถัดๆ ไป พาวินสับเท้าวิ่งตรงไปยังร้านของกระจุกกระจิกที่มีหมวกหูกระต่ายตั้งโชว์หน้าร้าน “รู้ไหม ตอนฉันมาที่นี่กับฟ้านะ เธอร้องอยาก....ได้...” สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที มือถือหมวกแล้วบีบมันเบาๆ ด้วยสีหน้าทรมาณ ภาพเก่าๆ เริ่มย้อนโผล่เข้ามาตีหัวเขาเรื่อยๆ ในวันที่ครั้งหนึ่งพาวินเคยมาเที่ยวที่นี่กับแฟนของเขาที่พึ่งเลิกรากันไป “.....อ่ะ!” และแล้วทุกอย่างมันก็หลุดหายออกไปจากสมองเมื่อเชนยื่นหน้าเข้ามาหาพร้อมกับสวมหมวกหูน้องหมาแล้วบีบสายมันให้หูกระดิกไปมามองหน้าอีกฝ่าย “อุบ! ฮ่า ฮ่า..” พาวินส่ายหน้าไปมาเพื่อกรบเกลื่อนความคิดเก่าๆ ออกจากหัว ก่อนยกมือขึ้นตีไหล่อีกฝ่ายเบาๆ กดท้องตัวเองที่สั่นระริกเพราะกลั้นขำ “อะไรของนาย อยากมุ้งมิ้งหรือไง? ฮ่า ฮ่า อ่ะ... เอ๊ะ? อึ๊ย อะไรเนี่ย จะเอามาใส่หัวทำไม?” หมวกกระต่ายถูกสวมลงไปบนหัวของเขาอย่างกะทันหัน พาวินแสดงสีหน้าบู้บี้ผละหัวออกจากหมวกอย่างพยายามแต่สุดท้ายเจ้าหมวกนั่นก็สวมมิดหัวเขาอยู่ดี “คุณเหมาะกับมันนะ” “.... บ้าบอ! อย่ามาบอกว่ามันเหมาะสิ มันเหมาะกับผู้หญิงน่ารักๆ ต่างหาก อย่างฉันต้องหมวกแบบนี้หรอก” มือเล็กชื่อไปยังหมวกแก๊ปแบบมีหางสีดำข้างๆ ที่ดูเข้ากับลุคของตัวเองด้วยท่าทางโวยวาย “แต่ผมเห็นว่ามันเหมาะกับคุณ... แสดงว่าคุณน่ารักใช่หรือเปล่าครับ?” “ห๊า? อ่ะ อึก...” ใบหน้าเริ่มแดงก่ำขึ้นมาก่อนจะรีบถอดหมวกนั่นเก็บเข้าที่ด้วยอาการลนลาน “อ..ไอ้บ้า เก็บไปเลยนะ เอามานี่!” มือตะปบคว้าหมวกอีกใบที่เชนสวมบนหัวกลับไปไว้ที่เดิมด้วยท่าทางเงอะงะอย่างปรับตัวไม่ทัน แล้วจ้องมาที่อีกฝ่ายแต่ใบหน้าของเขานั้นแดงก่ำจนดูออกง่ายว่ากำลังเขินจนหูแดงไปหมด “ก...กลับได้แล้ว เจ้าบ้า! เอาของออกมาจากรถเข็นด้วย!” ริมฝีปากขบกันพร้อมสีหน้าเลิ่กลั่กเดินนำออกไปก่อน ทิ้งให้เชนหยิบข้าวของที่ซื้อมาในรถเข็นแล้วเดินถือไปคนเดียวด้วยท่าทางจะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่เพราะของที่เยอะเทอะทะจนเกินไป ทั้งคู่เดินตรงมาเรื่อยๆ ตามทางเดินท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มบอกว่าพายุฝนใกล้เข้ามา “อ่ะ..เวรกรรม ฝนตกลงมาแล้วแฮะ” พาวินยื่นมือออกมารองฝนที่เริ่มตกลงมาปรอยๆ “ลืมซื้อร่มมาซะสนิทเลย แต่ช่างเถอะ เดินอีกนิดก็จะถึงบ้านแล้ว หื้ม?” เสื้อคลุมขนาดใหญ่ถูกถอดออกเพื่อสวมคลุมทับร่างข้างๆ ที่ไม่มีที่ให้หลบฝน “เอาคลุมหัวไว้ครับ คุณจะไม่สบายหนักกว่าเดิมนะครับ ก่อนมาได้ทานยาหรือเปล่าครับ? ” “ก...เอ่อ..กินสิ กินมา นายล่ะ? ไม่ใส่เสื้อคลุมเดี๋ยวก็เปียกหรอก” พาวินทำท่าทางอ้ำอึ้งมองปัดไปบ้างทั้งๆ ที่จริงๆ ตัวเองไม่ได้กินอะไรมาสักอย่าง “ผมเป็นเครื่องจักร ลองรับได้กับทุกสภาพอากาศในอุณหภูมิที่แตกต่างกันไป แค่นี้ไม่ทำอะไรหรอกครับ แต่คุณต้องดูแลตัวเอง การดูแลคุณเป็นหน้าที่สำคัญสำหรับผม” พาวินมองทึ่งกับคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินพลางใช้มือลูบหน้าตัวเอง “นายเนี่ยนะ... รู้หรือเปล่าว่าพูดคำนี้ใส่คนอื่นแล้วจะเป็นยังไง” “ (. .) ? ทำไมครับ? ร่างกายของคุณสำคัญสำหรับผม มันก็จริงไม่ใช่เหรอครับ? ” “นั่นแหละ มันจะทำให้คนที่ถูกพูดแบบนั้นรู้สึกหลง....อ่ะ ช่างเถอะ อย่าไปพูดให้ใครได้ยินล่ะ น่าอายจะตายไม่รู้สึกอายบ้างหรือไงน่ะ” “ว่าคุณสำคัญสำหรับผมน่ะเหรอ?” “เฮ้? นายนี่มัน! เหวอ!” ร่างถูกดึงเข้าไปกอดจนตัวหมุนขณะมีรถคันหนึ่งขับผ่านถนนใกล้ๆ เข้ามาอย่างรุนแรง ทำให้แอ่งน้ำข้างทางกระเด็นเข้ามาสาดทั้งคู่ในตอนที่ฝนเริ่มตกแรงขึ้นเรื่อยๆ เชนตัวเปียกโชกไปทั้งด้านหลังเพราะเขาเอาหลังตัวเองบังอีกฝ่ายไว้ไม่ให้โดนสาดเข้ามา ก่อนที่ทั้งคู่จะผละตัวออกจากกัน “เฮ้! ไอ้รถบ้า! ขับมาไม่มองคนเลยหรือไงวะ!” พาวินตะโกนออกไปเสียงดังลั่นชูนิ้วกลางอันเป็นมงคลลั่นใส่รถอย่างเดือดดาลพลางหันกลับมาหาเชนที่กำลังยืนแข็งทื่อ “เฮ้ ตัวนายเปียกหมดแล้ว เรารีบกลับบ้านก่อนฝนตกหนักกว่านี้เถอะ” “เสื้อคลุม คุณต้องคลุมมัน” “ช่างหัวมันเถอะน่า นายนั่นแหละ รีบกลับกันได้แล้ว เปียกเป็นลูกหมาแล้วเนี่ย” ทั้งคู่กลับมาที่บ้านด้วยสภาพเปียกปอนไปทั้งตัว ข้าวของถูกวางลงในห้องครัวขณะที่พาวินรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ตัวเองไม่ได้ใช้จากในห้องแล้วโยนให้อีกฝ่าย “เช็ดตัวเลย แล้วไปอาบน้ำ ใส่เสื้อนี่ซะด้วย ฉันซื้อมาผิดไซส์ ยังไม่เคยใส่มันหรอกเพราะงั้นมันยังใหม่อยู่” “ผมไม่จำเป็นต้องอาบ” “บอกให้อาบก็อาบเซ่ อยากตัวเหม็นหรือไง ฉันไม่ให้เข้าใกล้นะ” “เอ๊ะ...ค..ครับ (. .) ” ฝีเท้าเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำอย่างว่านอนสอนง่ายขณะเดียวกันที่พาวินฟุบตัวนั่งลงบนโซฟาเพื่อรออาบน้ำต่อจากอีกคน “..... อึก.. อ้า! เจ้าบ้านั่นพูดอะไรออกมาเนี่ย!” เขาขบเม้มปากเบาๆ เอามือขึ้นมากุมหน้าตัวเองแล้วถูไปมารัวๆ อย่างไม่เข้าใจ หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบๆ แปลกๆ มือคว้าหมอนอิงข้างๆ ขึ้นมากอดระหว่างคิดอะไรที่ชวนรู้สึกแปลก “...ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่เมื่อวานก็ชอบพูดจาไม่คิด... แถมวันนี้ยัง... ถ้าฉันเป็นผู้หญิงแล้วเจอเขาพูดแบบนั้นไปฉันต้องตกหลุมรักเขาไม่ก็เป็นบ้าแน่ๆ” ‘การดูแลของคุณเป็นหน้าที่สำคัญสำหรับผม’ “เหวอ~ เลิกเลย เลิกคิด เลิกคิด ออกไปจากหัวฉันซะ! ” ‘ร่างกายของคุณสำคัญสำหรับผม...’ “ออกไปจากหัวฉันนะ!” ‘คุณสำคัญสำหรับผม...คุณเหมาะมากเลย...’ “อ๊ากกกก ออกไป!” หน้าจุ่มลงไปกับหมอนอิงแล้วตะโกนโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง ในขณะที่ห้องน้ำนั้นมีแต่ความเงียบเชียบไร้เสียงใดๆ จากด้านในจนนึกว่าไม่มีใครอยู่ “เฮ้อ... ฉันต้องสมองไม่ดีแน่ๆ นี่! นายจะอาบน้ำยั้นพรุ่งนี้เลยไหม มันนานเกินไปแล้วนะ!” “.....” “หื้ม? เชน” เอ่ยเรียกไป แต่ด้านในกลับไร้เสียงโต้ตอบเลยแม้แต่น้อย ร่างเล็กพยุงตัวลุกขึ้นจากโซฟาเดินตรงไปยังหน้าประตูค่อยๆ เคาะเสียงเบา “เชน ตายยังน่ะ? เชน? อ่ะ ประตูไม่ได้ล็อกนี่” เมื่อลองหมุนลูกบิดดูแล้ว อีกฝ่ายดันไม่ได้ล็อกประตูเอาไว้ แต่ข้างในก็ยังเงียบเชียบอยู่ดี “เชน ฉันเปิดประตูเข้าไปนะ อย่ามายืนโป๊โชว์อานาจารใส่ฉันล่ะ ยังไม่อยากตากุ้งยิงตอนนี้” “กึกๆ ..” “ว๊าก!!! อะไรเนี่ย!!” ฟองสบู่ฟูฟ่องทะลักออกมานอกห้องน้ำจนเลอะเทอะพื้นออกมานอกห้อง ในขณะที่เชนกำลังนั่งสนุกกับการกดขวดแชมพูสระผมและขวดแชมพูอาบน้ำผสมรวมกัน กวักๆ น้ำแล้วฟองก็ฟูฟ่องออกมาเรื่อยๆ “....” ดูตาเปร่งประกายมองฟองสบู่ลอยเคว้งเต็มห้อง ต่างจากพาวินที่ตอนนี้กำลังเดือดจนหัวของเขาแทบลุกเป็นไฟแทบจะแผดเผาห้องน้ำให้ไหม้เกรียม “ไอ้บ้า!!! ใครใช้ให้เอาสบู่มาเล่นห้ะ!!!” “คุณพาวินครับ มันมีฟองขาวๆ ลอยออกมา...” “หยุดกดสบู่ออกมาได้แล้ว รู้ไหมราคามันเท่าไหร่!!!” พาวินแทบอยากจะเป็นบ้าตายในตอนนั้น เขาจ้องมองยังขวดสบู่เหลวอาบน้ำราคาแสนแพงที่เดือนนึงจะยอมกดใช้สักครั้งสองครั้งในวันพิเศษ แต่ตอนนี้มันไม่เหลือแม้แต่ซากให้ได้ดู แถมแชมพูสระผมกลิ่นโปรดที่มักใช้ในวันสำคัญเช่นกัน ตอนนี้มันหกเละเทะเกลื่อนพื้นจนดูไม่ได้ “เชน... เอ็งตายแน่” “ข..ขอโทษครับ (. .) ” “ขอโทษแล้วมันหายไหมเล่า! รู้ไหม แชมพูอาบน้ำฉันซื้อมาขวดราคาตั้งพันห้า! แชมพูกลิ่นโปรดราคาสองพันกว่า แล้วตอนนี้นายก็เอาไปเล่นยังกับขวดละยี่สิบสามสิบบาท” มือกุมหน้าแล้วถอนหายใจเฮือกโต “ให้ตายเถอะ ฉันอยากวิ่งไปกลางถนนให้รถชนตายแล้วเกิดใหม่ชะมัด” “ม..ไม่ได้นะครับ” “ไม่ได้จะออกไปวิ่งจริงๆ สักหน่อย ฉันแค่..พูดเฉยๆ ช่างมันเถอะ” พาวินกล่าวด้วยเสียงส่งๆ พลั้งกลับมามองห้องน้ำที่ตอนนี้เต็มไปด้วยฟองสบู่มหาศาลสลับมองเชนไปมาทั้งที่แทบจะแยกเขี้ยวออกมาใส่เต็มที “นายอาบน้ำหรือยัง?” “ยังครับ.. ผม.. ผมอาบไม่เป็น” “.....” พาวินถอนหายใจรัวเบะปากแล้วมองบนอย่างเหนื่อยหน่าย ‘ฉันจะต้องทนอยู่แบบนี้ไปจนตายเลยหรือเปล่าวะเนี่ย!!’ “นายไปนั่งในอ่างซะ เปิดน้ำที่อ่างเป็นใช่ไหม?” “ครับ” เชนพยักหน้าตอบรับก่อนลุกตัวพรวดพราดขึ้นมาไม่สนโลก “ว๊าก!! เฮ่ย อย่าลุกพรวดพราดได้ไหม ฉันยังไม่อยากเป็นตากุ้งยิงตอนนี้! เอานี่ไป!” มือคว้าผ้าขนหนูผืนยาวโยนเข้าไปทางที่เชนยืนอยู่ทั้งที่ตายังปิดสนิท ‘ให้ตายเถอะ ฉันยังไม่อยากเห็นงูของคนอื่นมาเพ่นพ่านในนี้นะ’ เชนก้มหยิบผ้าขนหนูที่หล่นพื้นขึ้นมาบังทั้งที่หน้านิ่งดูไม่รู้สึกรู้สาอะไร ฝีเท้าเดินหันหลังตรงไปยังอ่างอาบน้ำขณะที่พาวินหันกลับมาแล้วร้องอุทานอีกรอบ “ว้อย!! จะปิดก็ช่วยปิดทั้งข้างหน้าข้างหลังทีได้ไหม ฉันยังไม่อยากตาบอดตอนนี้นะ!” “ข...ขอโทษครับ ._.” พาวินยกมือกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ ‘เอาล่ะนะทีนี้ก็ต้องเครียกับเจ้าฟองพวกนี้’ เขากวาดตามองรอบๆ เพื่อหาอุปกรณ์ แต่ดูตอนนี้สิ่งที่จะขจัดฟองพวกนี้ออกไปได้คงเป็นสายฉีดก้นข้างๆ โถส้วม เขาคว้าสายขึ้นมาแล้วนั่งไล่ฉีดฟองตั้งแต่ใกล้ๆ ไปถึงหน้าประตู สายตาหันมองเชนที่กำลังรอให้น้ำเต็มอ่างก่อนออกคำสั่ง “นี่ น้ำแค่นั้นพอแล้ว แล้วก็ไปหยิบบาธบอมตรงนั้นมาลูกนึง หยิบมาลูกนึงนะเว้ยไม่ใช่ทั้งกล่อง แกะห่อแล้วก็เอาใส่น้ำตีๆ ให้ฟองมันฟู” “แบบนี้เหรอครับ” “จ๊อมๆ ผั่วๆ” น้ำกระเซ็นใส่หน้าอีกฝ่ายที่กำลังยุ่งอยู่กับการฉีดสายไล่น้ำจนสะดุ้งตกใจ “เชี่ย!” ใบหน้าหันขวับมองเชนที่กำลังตีน้ำที่ไม่ใช่การตีฟองน้ำบาธบอมให้ฟองฟูแต่กลับเอามือฟาดผิวน้ำผั่วๆ จนน้ำกระเซ็นเต็มพื้น “ไอ้เชน!!!!” ... “กินเสร็จแล้วล้างจานให้ด้วยนะ ฉันจะเข้านอนก่อน” “ครับ” ร่างลุกขึ้นยืนพลางเก็บเก้าอี้เข้าที่แล้วยกจานอาหารกลับเข้าไปล้างทำความสะอาดในครัว ขณะที่พาวินทำแบบแผนโครงร่างงานระหว่างรอจนเสร็จ “อึก... อ่า..” ภาพตรงหน้าเลือนรางก่อนมือเล็กจะค่อยๆ ใช้มืออิงค้ำตัวเองกับกำแพงห้อง “แย่แล้ว หวัดลงแน่เลย” นิ้วเรียวตบหน้าตัวเองเบาๆ เดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อหยิบยาที่เก็บไว้ “..โอ๊ย พาราหมดเหรอเนี่ย? ไว้ซื้อกินพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ฝันดีเชน” พาวินไม่ค่อยได้ใส่ใจอาการหวัดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย “ผมออกไปซื้อให้ไหมครับ? ” “จะดีเหรอ? ไม่ดีกว่า นายพึ่งทำอะไรเป็นเอง เดี๋ยวฉันค่อยออกไปซื้อพรุ่งนี้เช้าอีกทีก็ได้ ไม่ได้เป็นไข้หนักสักหน่อย เดี๋ยวก็หายเอง ส่วนนายก็..ทำเสร็จแล้วก็ไปพักเถอะ” “งั้น ราตรีสวัสดิ์ครับ” ร่างพยุงตัวเดินกลับเข้าห้องตัวเองด้วยแรงที่มีอยู่พลางกระโจนใส่เตียงเต็มแรงทันทีที่ถึง “อ้า~~ นอนๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย แค่..นอน..พักแปบๆ ...” ใบหน้าซุกลงบนหมอนรูปลูกเจี๊ยบอย่างหมดแรงก่อนผล็อยหลับไป “อึก... อ่ะ... หนาว... หนาวจัง...” เวลาผ่านไปได้หลายชั่วโมงจนกระทั่งลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด นาฬิกาบ่งบอกเวลาถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น แต่ร่างเล็กนั้นกลับนอนซมเหงื่อโชกด้วยอาการไข้จับ รู้สึกหนักหัวจนแทบเบลอ “บ้าเอ้ย... ไข้ขึ้นเลยเหรอเนี่ย... อ่ะ... เจลลดไข้?” มือทาบลงบนหน้าผาก แต่แล้วกลับมีแผ่นเจลลดไข้แปะไว้ที่หน้าผากร้อนๆ เพื่อบรรเทาอาการให้รู้สึกดีขึ้น ปลายสายตาค่อยๆ เหลือบจ้องไปยังเจ้าของร่างที่นั่งอยู่ข้างๆ เตียงพลางอ่านหนังสือไปด้วย “...นาย..อยู่เฝ้าฉันเหรอ?” “เห็นคุณท่าไม่ดีตั้งแต่ทานข้าวแล้วครับ ผมเลยตัดสินใจออกไปร้านสะดวกซื้อตอนคุณหลับแล้วซื้อยากับเจลลดไข้มาให้” “โอ๊ะ... เอาตังจากไหนไปซื้อล่ะ?” “ผมตั้งระบบเชื่อมบัญชีคุณไว้ เพราะงั้นมันจะไปหักกับเงินในบัญชีธนาคารของคุณ” “...เฮ้อะๆ เรื่องแบบนี้ฉลาดจังนะ” พาวินหัวเราะแห้งๆ ก่อนพลิกตัวหันกอดตุ๊กตาข้างๆ “ผมเช็ดตัวให้คุณไปแล้ว น่าจะรู้สึกดีขึ้นนะครับ” “เช็ดตัว.... เอาจริงดิ? เช็ดตรงไหนมั่ง อย่าบอกนะว่า...” “ทั้งตัวครับ” “เอ่อ... ฮ่า ฮ่า.... จบแล้วฉัน....” หน้าซุกลงบนตุ๊กตาตัวใหญ่อย่างหมดแรง “นี่... ขอมือหน่อยสิ” มือเล็กค่อยๆ ยื่นมือออกมานอกผ้าห่ม กางมือออกให้อีกฝ่ายยื่นมือมาหา “ครับ?” มือหนาหยาบเล็กน้อยวางมือของตัวเองลงบนมือที่ดูไร้เรี่ยวแรง พาวินค่อยๆ กำมืออีกฝ่ายไว้แล้วดึงมือเข้ามากอดไว้แนบแก้ม “ขอโทษนะ... มันติดนิสัย เวลาไม่สบายแล้วฉันชอบกอดมือแม่น่ะ... แต่ตอนนี้ฉันไม่มีใคร ขออนุญาตนายแล้วกันนะ..” “....ยินดีครับ” ร่างสูงเอ่ยสั้นๆ ขณะเริ่มกลับไปก้มหน้าก้มตาอ่านหลังสือเล่มหนาๆ ระหว่างเฝ้าไข้ให้อีกฝ่ายหลับอย่างสบายใจ เมื่อเวลาผ่านไปจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายนั้นหลับสนิทจริงแล้ว ฝ่ามือค่อยๆ ไล่ปิดปกหนังสืออย่างเรียบง่ายก่อนตบลงที่ปกหนังสือเบาๆ พลางปลายตาหันมองทีท่าหลับลึกนั่นอย่างพึงพอใจ “....คุณพาวินครับ ผมขออนุญาต...อะ” มือที่พยายามชักออกจากมือเล็กที่กำแล้วกอดเอาไว้แน่น แววตากระตุกเล็กน้อยค่อยๆ ชักมือออกแต่ดูท่าแล้วคงยาก “คุณ...พาวินครับ? ” มือนั้นกำไว้และไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย ร่างนอนบิดขี้เกียจเล็กน้อยเสียงครางงัวเงียไม่อาจที่จะลืมตาตื่นแม้จะส่งเสียงเรียกแผ่วเบา “ผมต้องไป...” “อึก..ฟ้า..” ร่างพลิกตัวกะทันหันไปยังอีกฝั่งอย่างไม่ตั้งตัว เชนที่ดูกำลังตื่นตกใจท่าทีนั่นก็แทบจะฟื้นสติไม่ทันแล้วล้มลงไปจนเกือบทับร่างตรงหน้า “คุณพาวิน ผม..” “อย่าไปเลย...” “....” เสียงแผ่วเบาลั่นออกมาจากปาก มันดูเหมือนพาวินกำลังเป็นทุกข์ สีหน้าขมวดคิ้วยังคงกอดแขนอีกฝ่ายไว้แน่นไม่ปล่อย “อย่าทิ้งฉันไปเลย” หลังสิ้นสุดเสียงนั่น สีหน้าที่ดูเศร้าโศกก็ค่อยๆ หายไป เชนยังคงมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบพลางวางหนังสือที่ตักลงช้าๆ ประคองร่างไม่ให้เผลอทับคนป่วยจนตื่น ปลายนิ้วเลื่อนขึ้นมาไล่สัมผัสเส้นผมที่ทอแสงตกกระทบจากพระจันทร์สีน้ำตาลอ่อนอย่างอ่อนโยนที่สุดราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะแตกสลายไปง่ายๆ หากไม่ระวัง “ผมจะไม่ไปไหน... สัญญาครับ” ... ‘อุ่นจัง’ ใบหน้าซุกลงบนอะไรสักอย่างที่ให้ความรู้สึกอุ่นแก่ร่างกายตัวเองก่อนปลือตาตื่นขึ้นมาในเวลาเช้า “... ยังปวดหัวอยู่เลยแฮะ...” แต่ถึงอย่างนั้น อาการไข้ก็ยังไม่หายดีมากเท่าไหร่ แต่อาการทุเลาลงเล็กน้อยคงอาจเกิดจากได้รับการพักผ่อนและดูแลเป็นอย่างดี “อรุณสวัสดิ์ครับ” “อืม....” “วันนี้วันอาทิตย์ เป็นวันหยุดพักผ่อน คุณควรพักผ่อนให้เต็มที่ อุณหภูมิยี่สิบแปดองศา วันนี้มีเมฆมากคาดว่าฝนจะตกนะครับ” “อืม... ว่าแต่ทำไม.. เสียงนายใกล้หูฉันจัง....อ้ะ! ...” ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสภาพที่กำลังถูกชายกอดไว้แน่นบนเตียงท่าทางกลมเกลียวเหมือนคู่รักที่กำลังนอนกอดก่ายกันบนเตียงในยามเช้า “เดี๋ยว อ..อะไรเนี่ย?!” ... [ความรู้เพิ่มขึ้น6% บางทีก็ควรห้ามเชื่อคำพูดของพาวิน]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD