ตอนที่ 17 ขอให้ช่วย
@เช้าวันถัดมา
เพราะเห็นว่าพิมพ์ลดายังหลับอยู่ชายหนุ่มก็เลยไม่อยากกวน ปล่อยให้เธอได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่เพราะช่วงบ่ายจะพาเธอกลับบ้าน แต่อัคคีก็ไม่ลืมตื่นเช็ดตัวให้คนตัวเล็กตั้งแต่เช้าๆ เหตุผลที่ทำไปทั้งหมดเพราะยังไม่อยากให้พิมพ์ลดาตายตอนนี้ อีกอย่างที่นี่ก็เป็นบ้านของเธอ ต้องดูแลลูกสาวเจ้าของบ้านให้ดีหน่อย
“อ่าวอัคคี มาตั้งแต่เมื่อไหร่” เกรียงไกรที่กำลังจะตื่นไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าร้องทักเมื่อเห็นอัคคีเดินออกมาจากห้องของพิมพ์ลดา
“เมื่อคืนครับ” เขาตอบโดยไม่สบตากับอีกฝ่าย
“ตอนแรกก็คิดว่าหนูพิมพ์กับคุณอัคคีมีปัญหากันซะอีก”
“ผมกับพิมพ์ลดาไม่ได้มีปัญหาอะไรกันครับ น้องพิมพ์บอกว่าวันนี้จะกลับมานอนบ้าน พอเสร็จธุระผมก็รีบตามมาเลย”
“ดีแล้วที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรผิดใจกัน ว่าแต่ คุณอัคคีรู้หรือเปล่าว่าหนูพิมพ์เป็นไข้”
“รู้สิครับ เมื่อคืนผมทั้งเช็ดตัว ทั้งป้อนยาให้ ตอนนี้น้องพิมพ์อาการดีขึ้นแล้วครับ” ยาที่ว่าไม่ใช่ยาลดไข้ แต่เป็นยาจากเขาเอง
“ขอบคุณที่ดูแลลูกสาวผมนะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้คนรับใช้ได้เลยนะ ที่นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากบ้านของคุณอัคคีหรอก”
“ครับ” อัคคีปรายตามองรอบๆบ้านอย่างสนใจ “บ้านน่าอยู่ดีนะครับ”
“ความจริงบ้านหลังนี้แม่ของหนูพิมพ์เป็นคนออกแบบเอง เธอเป็นมัณฑนากรฝีมือดี แต่โชคร้ายที่ไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกสาว” เมื่อพูดถึงภรรยาสุดที่รัก ดวงตาของเกรียงไกรก็เริ่มอ่อนลงเหลือไว้เพียงความเศร้า บ้านหลังนี้ภรรยาของเขารักมาก เพราะเธอเป็นคนออกแบบเอง ควบคุมเองทุกอย่าง ทำมันออกมาด้วยใจส่งผลให้บ้านหลังนี้ดูน่าอยู่จนใครๆเข้ามาถึงกับออกปากชม ทุกพื้นที่ของบ้านมีแต่ความรักที่ภรรยามอบให้ ถึงตัวไม่ได้อยู่แล้ว แต่หนึ่งสิ่งที่ยังคงอยู่นั่นก็คือความรัก ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงไม่อยากเสียคฤหาสน์หลังนี้ไปเพราะทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากความรักของภรรยาที่มีต่อเขา
“ไม่ต่างกันหรอกครับ ผมเองก็โชคร้ายเหมือนกัน”
“ผมเสียใจด้วยนะครับ หนูพิมพ์เคยเล่าให้ฟังว่าคุณอัคคีเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่เด็ก”
“ครับ ท่านทั้งสองเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิต” อัคคีกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หากไม่ติดว่าต้องยึดบ้านหลังนี้คงชกหน้ามันไปแล้ว “แต่คนที่ทำให้พ่อกับแม่ของผมตาย....ยังลอยนวล”
“แล้วตำรวจทำอะไรไม่ได้เลยหรอครับ”
“มันเป็นพวกมีอำนาจ ใช้เงินปิดคดี ก็ไม่แปลกที่ทุกวันนี้คดีจะเงียบ” อัคคีตวัดตามอง ทำเอาเกรียงไกรถึงกับสะอึก เพราะสายตาคู่นี้มีความอาฆาตแค้นซ่อนอยู่
ทุกครั้งที่เขาสบตากับอัคคี เหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ สายตามที่ใช้มองเหมือนไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเขากับอัคคีไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เขาพยายามเตือนลูกสาวแล้วว่าสายตาของผู้ชายคนนี้ไม่น่าไว้ใจแต่พิมพ์ลดาก็ไม่ยอมฟัง จนกระทั่งทั้งสองแต่งงานกัน
ความจริงอัคคีอาจจะไม่ได้มีอะไรแต่เขาดันคิดไปเอง
“พวกนี้มีเยอะแยะโดยเฉพาะในเมืองไทย ผมเชื่อว่าสักวันกรรมจะตามทันคนพวกนั้นเอง”
“ครับ อีกไม่นานเกินรอหรอก พวกมันได้กระอักเลือดตายแน่ๆ” เขาทนรอวันนั้นแทบไม่ไหวแล้ว แต่ก็ต้องใจเย็นเข้าไว้ เพราะเขาจะทำให้มันทรมานที่สุดโดยการทำลายหัวใจของมัน!
“แต่เจอคุณอัคคีก็ดีเหมือนกัน ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา”
“เรื่องอะไรหรอครับ”
“ก็เรื่องบริษัทนี่แหละครับ ตอนนี้บริษัทของผมกำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก เมื่อวานหนูพิมพ์ขอไฟล์ข้อมูลของบริษัทเก่าที่เคยเข้ามาเทคโอเวอร์ แต่ผมคิดว่ามันคงเหลือบ่ากว่าแรงของหนูพิมพ์ จะเป็นไรไหม หากผมจะขอให้คุณช่วยอีกครั้ง” หลังรู้ถึงปัญหาหนี้สิน เกรียงไกรถึงกับนอนไม่หลับ ต้องพึ่งยานอนหลับแทบทุกคืน ตอนนี้ยอมรับว่าเครียดมากแต่เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวรู้ว่าหนี้สินกำลังรัดกุม กลัวพิมพ์ลดาไม่สบายใจ
อัคคีกระตุกยิ้มมุมปาก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นสีหน้าเครียดๆของอีกฝ่ายก็ยิ่งสะใจ มันจะรู้หรือเปล่าว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากคนที่ทำลายบริษัทของมันเอง
“จะให้ผมช่วยอะไรหรอครับ”
“ตอนนี้คุณโอนบริษัทกลับมาเป็นชื่อพิมพ์ลดาแล้ว จะเป็นอะไรไหมหากผมจะขอให้คุณโอนกลับไปเป็นชื่อคุณเหมือนเดิม”
“แต่บริษัทกำลังขาดทุนนะครับ แบบนี้ก็เท่ากับว่าผมต้องมาใช้หนี้ให้บริษัทของคุณหรอ”
“มันก็ใช่ครับ ตะ...แต่เรื่องหนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน ผมหาได้ แต่ผมไม่อยากให้ลูกสาวรู้ กลัวหนูพิมพ์ไม่สบายใจ”
“คุณก็มีลูกสาว แถมยังโตพอที่จะช่วยครอบครัวได้แล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมไม่ลองให้พิมพ์ลดาบริหารดูล่ะ”
“มันก็ใช่ครับ ตะ...แต่ผมแค่ไม่อยากให้หนูพิมพ์เครียด เธอไม่เหมือนคนทั่วไปครับ ยังไงก็....กลับมาช่วยบริษัทของเราอีกสักครั้งนะครับ ในอนาคตยังไงคุณกับหนูพิมพ์ก็ต้องเขามาบริหารแทนผมอยู่แล้ว”
“บริษัทที่ขาดทุนมานานขนาดนี้ ผมบอกตรงๆเลยนะ....ไม่มีใครเขาอยากได้หรอก เพราะถึงยังไงในอนาคตมันก็ต้องเจ๊งอยู่ดี” อัคคีพ่นลมหายใจออกทางจมูก ทำสีหน้าเคร่งเครียดให้สมกับที่แสดงละครมานานสองนาน “แต่ในเมื่อคุณขอร้องให้ช่วย ผมก็จะช่วย”
“ขอบคุณคุณอัคคีมากๆนะครับ” เกรียงไกรยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ถึงชายหนุ่มจะทำตัวเหมือนมีระยะห่างตลอดเวลา แต่อัคคีเป็นคนเก่ง คงพาบริษัทกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ “เมื่อคืนผมส่งไฟล์ข้อมูลของบริษัทที่เคยเข้ามาเทคโอเวอร์ให้หนูพิมพ์แล้ว ยังไงก็ฝากคุณอัคคีช่วยดูหน่อยนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไม่น่าเชื่อนะครับว่าพิมพ์ลดาจะกล้าเล่นแบบนี้”
“ผมถึงขอร้องให้คุณช่วยไงครับ หนูพิมพ์ไม่ได้จบด้านบริหารมา ผมกลัวว่าลูกสาวจะเหนื่อยเปล่าๆ”
“พิมพ์ลดาเป็นภรรยาของผม ยังไงผมก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”
“หนูพิมพ์คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่เลือกคุณมาเป็นคู่ชีวิต แต่ผมขออะไรสักอย่างได้ไหม…” อัคคีหันหน้ามาสบตากับเกรียงไกร อยากรู้ว่ามันจะพล่ามอะไรต่อ “หากวันหนึ่งผมไม่ได้อยู่แล้ว ฝากดูแลหนูพิมพ์แทนผมด้วยนะ เธอไม่มีใครแล้วนอกจากคุณ หลักจากนี้....คุณคงเป็นโลกทั้งใบของลูกสาวผม”
อัคคีสะอึก!
โลกทั้งใบงั้นหรอ? น่าตลกที่สุด!
เขาไม่สามารถเป็นโลกทั้งใบให้พิมพ์ลดาได้หรอก ฟ้ากำหนดไว้อย่างไรก็คงเป็นไปอย่างนั้น สุดท้ายแล้วเขากับเธอก็ต้องจากกันอยู่ดี ถ้าคิดจะฝากผีฝากไข้ไว้กับเขาล่ะก็ บอกเลยว่าคิดผิด
ภายหลังที่เกรียงไกรเดินออกไปเขาก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาใครบางคน
“เร่งรัดหนี้สินของไอ้เกรียงไกรซะ!”