เฮือกกก
หนิงเฟิ่งผวาตื่นขึ้นมาบนเตียงนอน เหงื่อกายชุ่มโชกร่างบอบบาง ตรงหว่างขาของนางฉ่ำแฉะและเต็มไปด้วยน้ำเปียกลื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แค่ฝัน...เพียงฝันเท่านั้นหรือ
หนิงเฟิ่งเนื้อตัวแดงซ่านเมื่อคิดถึงความเสมือนจริงของความฝันที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งราคะ แม้ฟู่เฉิงจะไม่เคยแตะต้องนาง หากก่อนแต่งงานนางมีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องชายหญิงอยู่บ้าง จึงพอจะรู้ว่าความสุขที่นางได้รับเกิดจากการได้ปลดเปลื้องความปรารถนาแห่งความใคร่
เหตุใดจู่ๆ นางถึงได้ฝันเช่นนี้ขึ้นมาได้ แม้ก่อนแต่งงานนางจะเคยคิดถึงการได้ร่วมหอกับชายที่ตนรักอย่างฟู่เฉิง หากนางก็ไม่เคยเก็บมาคิดจริงจังเท่านี้ แม้การสัมผัสด้วยตนเองนางยังไม่ลิ้มลองสักครั้ง
ยิ่งในเวลาเช่นนี้ เวลาที่นางพบกับทุกข์มหันต์จนต้องหลบมาพักใจ เหตุใดจึงได้กลายเป็นว่านางกลับใฝ่ฝันถึงเรื่องที่ทำให้ใจของนางสั่นแม้จะตื่นขึ้นมาแล้วก็ตาม
หนิงเฟิ่งเผลอเสียดสีต้นขาอ่อนเข้าหากัน ดินแดนเร้นลับที่นางเพิ่งก้าวเข้าไปในความฝันนั้น ช่างตื่นตาตื่นใจและเร่าร้อนจนนางไม่อาจสลัดความคิดที่ว่าอยากจะได้สัมผัสความสุขเช่นนั้นอีก
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู”
เสียงงัวเงียของซูลี่ทำให้หนิงเฟิ่งหยุดการเคลื่อนไหวของตนเองทันที นางรีบควบคุมจังหวะการหายใจของตนให้เป็นปกติก่อนจะส่งเสียงกลับไป
“อืม คงจะแปลกที่น่ะ”
ซูลี่ลุกขึ้นมาจุดตะเกียงเพราะท้องฟ้าภายนอกยังสว่างไม่เต็มที่นัก ก่อนจะกลับมาหาคุณหนูของตนเพื่อปรนนิบัติในยามเช้า
“ใบหน้าของคุณหนูดูแดงๆ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ” ซูลี่ที่มองเห็นหนิงเฟิ่งชัดขึ้นถามอย่างห่วงใย หนิงเฟิ่งหลบตาสาวใช้ รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ข้าไม่เป็นไร ไปเตรียมน้ำล้างหน้าให้ข้าเถิด และขอน้ำอาบให้ข้าด้วย พอดีข้ารู้สึกเหนียวตัว” หนิงเฟิ่งเอ่ยท้ายประโยคอย่างไม่เต็มปากนัก ซูลี่ตอบรับผู้เป็นนายแม้จะนึกแปลกใจในคำขอนั้น เนื่องจากค่ำคืนที่ผ่านมามีอากาศเย็นสบายจนออกจะเย็นเกินไปในบางเวลาด้วยซ้ำ
หลังจากที่ซูลี่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย หนิงเฟิ่งจึงขออยู่ตามลำพังเพื่อดูแลตนเองโดยไม่ต้องการปรนนิบัติจากอีกฝ่าย หนิงเฟิ่งใบหน้าเห่อร้อน ยามที่ถอดผ้าแล้วเห็นคราบน้ำหวานจากตัวนางที่แปดเปื้อนบนนั้น ทั้งยังกลีบกายสาวของนางยังคงหลงเหลือความเปียกชื้นด้วย
นางรีบลงไปแช่น้ำในถัง ใช้น้ำใสสะอาดชำระผิวกาย นิ้วเรียวเล็กสัมผัสจุดบอบบางของตนเพื่อขัดล้าง หากการสัมผัสนั้นทำให้ชั่ววูบหนึ่งนางนึกถึงความฝันขึ้นมา คล้ายกับว่าลึกๆ แล้วอารมณ์กำหนัดของนางยังถูกปลดเปลื้องไม่หมด
หนิงเฟิ่งเม้มปากเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เสียดสีเม็ดทับทิมด้วยปลายนิ้วของตนคล้ายกับในความฝัน แม้การสัมผัสด้วยตนเองจะให้ความรู้สึกซาบซ่านไม่เท่ากับสัมผัสหยาบลื่นของเจ้าสิ่งนั้น หากก็ทำให้ลมหายใจของนางหอบกระชั้น ร่างเย้ายวนเอนตัวพิงขอบถัง ใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้มแหงนเงย
“อ่า...” ริมฝีปากบางเผยอขึ้น ร่างของหนิงเฟิ่งเริ่มบิดเร่าจากการกระทำของตน
‘ลองใช้นิ้วบี้เคล้นปลายถันของเจ้าด้วยสิ’
เสียงทุ้มนุ่มที่คล้ายกับมนต์สะกดแว่วมาเข้าหู หนิงเฟิ่งจึงใช้มืออีกข้างที่ว่างทำตามคำสั่งนั้น แล้วตัวของนางก็ยิ่งสั่นเทาไปกับความเสียวซ่านที่รุนแรงขึ้นกว่าเก่า
“อ๊ะ อ๋า...” หนิงเฟิ่งเร่งจังหวะปลายนิ้วของตนยามที่รู้สึกคล้ายกับว่านางกำลังไต่ขึ้นที่สูง ยิ่งสูงเท่าไหร่ นางก็ยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น จนน้ำในอ่างกระเพื่อมออกมายังภายนอก
“อื้ม อ๋า...” นางต้องการมากกว่านี้ เร็วขึ้นอีกนิด อีกนิด... หนิงเฟิ่งบอกกับตนเองที่กำลังจิกเกร็งไปทั้งร่าง
“อ๊ะ อ๊ะ อ๋าาาา” หนิงเฟิ่งกรีดร้องเสียงหลง เมื่อในที่สุดนางก็ระเบิดพร่างออกมาเพราะปลายนิ้วของตน ตัวของนางสั่นกระตุกโดยเฉพาะช่วงล่าง ปากถ้ำของนางขมิบถี่จนนิ้วของนางที่ยังวางบนเนินเนื้อสาวยังรู้สึก
‘โพรงรักของเจ้าขมิบแรงจนข้าอยากมุดเข้าไปเสียแต่ตอนนี้’
เสียงปริศนาในยามนี้สั่นพร่า บ่งบอกถึงความปรารถนาที่มากล้นของผู้พูดเช่นกัน
หนิงเฟิ่งหอบหายใจอยู่ในถังน้ำอีกพักใหญ่ หลังจากค้นพบวิธีการบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง
“คุณหนูเจ้าคะ สำรับเช้ามาแล้วนะเจ้าคะ”
เสียงของซูลี่ทำให้หนิงเฟิ่งสะดุ้งเฮือก นางรีบชำระร่างกายโดยเฉพาะจุดเร้นลับที่เปียกลื่น แล้วรีบหาผ้ามาพันกายออกไปหาซูลี่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายผิดสังเกตที่นางอาบน้ำนานกว่าปกติ
พอลับร่างของหนิงเฟิ่ง น้ำในถังก็กระเพื่อมไหว คล้ายกับมีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายใน อีกทั้งยังมีเสียงหัวเราะนุ่มลึกในลำคอของใครบางคนดังขึ้นมาภายในห้องว่างเปล่า คล้ายกับว่าเขากำลังนึกเอ็นดูท่าทีลนลานของหญิงสาวที่เพิ่งก้าวออกจากห้องนี้ไป
“หมายความว่ายังไงที่ฮูหยินหายตัวไป” ฟู่เฉิงตวาดใส่หัวหน้าแม่บ้านที่มารายงานเรื่องนี้กับเขาถึงห้องหอตั้งแต่เช้าตรู่ เสื้อผ้าของเขายังคงหลุดลุ่ยหลังจากที่นอนกกกอดเด็กสาวในปกครองของภรรยามาตลอดสองคืนติดๆ กันจนไม่ยอมรับรู้เรื่องราวของโลกภายนอก
“ขบวนรถม้าที่เดินทางมาพร้อมกับคุณหนูจากไปตั้งแต่รุ่งสางของเมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ รวมทั้งรถม้าของฮูหยิน ทั้งฮูหยินและสาวใช้คนสนิทต่างไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
ปัง!!
“ตั้งแต่เมื่อวานแต่เจ้าเพิ่งมารายงานข้าเนี่ยนะ” ฟู่เฉิงทุบมือลงบนกำแพงเรือนอย่างแรง เขาโกรธหัวหน้าแม่บ้านที่เอาแต่ยืนตัวสั่นและทำงานไม่ได้ความ ทั้งยังพาลโกรธหนิงเฟิ่งที่ลุกขึ้นต่อต้านเขาโดยการหนีหายออกจากบ้าน ทั้งๆ ที่นางเคยทำตัวว่าง่ายมาเสมอ
หากลึกๆ ฟู่เฉิงก็รู้สึกใจหายขึ้นมาเช่นกัน ราวกับมีลางสังหรณ์ว่าการหายตัวไปในครั้งนี้ของหนิงเฟิ่ง อาจจะทำให้นางหลุดลอยไปจากชีวิตของเขาอย่างไม่มีวันหวนกลับ
“อาเฉิง เด็กมารายงานแม่ว่าหนิงเฟิ่งหายตัวไปเช่นนั้นหรือ” วั่งซูที่รู้เรื่องจากบ่าวรีบมาหาบุตรชายทันที “เฮ้อ…สะใภ้คนนี้นี่แย่จริงๆ เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ นี่คงจะงอนจนหนีกลับบ้านเดิมของนางไปนั่นแหละ คงหวังให้เจ้าไปง้องอนล่ะสิ”
วั่งซูตำหนิลูกสะใภ้อย่างไม่พอใจอีกครั้ง ฟู่เฉิงที่ได้ฟังคำนั้นจึงรู้สึกได้ใจขึ้นมาอีก ว่าหนิงเฟิ่งคงต้องการแค่ให้เขาตามไปง้องอนจริงๆ เขาคงจะเลอะเลือนไปแล้วที่คิดว่าหนิงเฟิ่งจะทอดทิ้งเขาไป
นางรักเขามาเพียงไหนเหตุใดเขาจะไม่รับรู้ นี่คือ อีกเหตุผลที่ทำให้เขายอมแต่งงานกับนาง
แม้เขาจะไม่ได้รักหนิงเฟิ่งในเชิงชู้สาว หากเขาก็รู้สึกวางใจและสบายใจยามที่ได้อยู่ใกล้นาง จนไม่อยากสูญเสียสตรีที่พร้อมจะทุ่มเทให้เขาทุกอย่าง หนิงเฟิ่งเองก็เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ความรู้และฐานะ เขาจึงยิ่งไม่อยากเสียนางไปให้ใครเลยผูกรั้งนางไว้ด้วยพิธีวิวาห์
หึ...ชีวิตของนางมีเพียงเขาเท่านั้น แม้จะยังไม่ได้ร่วมหอกัน หากเขาก็เชื่อว่าหนิงเฟิ่งไม่มีทางตัดใจจากเขาได้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าจะทำยังไงต่อไป” วั่งซูถามบุตรชาย
“เหอะ นางอยากทำอะไรก็เรื่องของนาง ข้าจะไม่ยอมเดินตามแผนนางเด็ดขาด” ฟู่เฉิงกล่าวอย่างไว้ตัว คนอย่างเขาไม่เคยง้องอนใครก่อน ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ดีๆ เจ้าเป็นบุรุษ ไม่ควรอ่อนให้ภรรยาจนนางมามีอำนาจเหนือเจ้า” วั่งซูฉีกยิ้มเออออกับบุตรชาย นางยังคงเข้าข้างฟู่เฉิงอย่างเต็มเปี่ยมเช่นเคย “ถ้าเช่นนั้นแม่ไปก่อนล่ะ แม่เพิ่งหาคนที่สามารถซ่อมแซมหยกหิมะได้ จึงจะไปพูดคุยกับเขาก่อน”
หญิงเฒ่ายังคงหมกหมุ่นอยู่กับของหายาก พอพ้นร่างของวั่งซูและคนอื่นๆ ไป๋ฮวาจึงรีบเข้ามาโอบกอดร่างของฟู่เฉิงพร้อมกับบีบน้ำตาทันที
“เป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะนายท่าน” ไป๋ฮวาแกล้งสะอื้น ทั้งๆ ที่ในใจกำลังลิงโลดที่นางอาจจะมีโอกาสได้ก้าวขึ้นไปเป็นฮูหยินใหญ่ของเรือนแห่งนี้หากไม่มีหนิงเฟิ่ง
“ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอก เป็นความผิดของหนิงเฟิ่งต่างหากที่ทำตัวว่ายาก” ฟู่เฉิงโอบกอดไป๋ฮวาอย่างไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมอีกฝ่าย ไป๋ฮวาช้อนสายตามองฟู่เฉิงอย่างน่าสงสาร เพื่อให้เขาลุ่มหลงในตัวนางมากขึ้นไปอีก
ไป๋ฮวาแกล้งทำตัวสั่นเทิ้มจนผ้าคลุมกายหลุดลุ่ย ดอกบัวขาวชูช่อเปิดเผย วิธีการเช่นนี้เองที่นางใช้ยั่วยวนฟู่เฉิงในคราแรกจนทำให้เขาและนางได้ร่วมรักกัน
และฟู่เฉิงก็ตกลงไปในหลุมของไป๋ฮวาอีกครั้ง เมื่อเขารีบรวบร่างของนาง มุ่งไปทางเตียงนอนในห้องหออย่างไม่สนใจสิ่งใด