“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู”
หนิงเฟิ่งฟื้นคืนสติตอนที่ซูลี่แตะตัวของนาง นางเห็นสายตากังวลของสาวใช้คนสนิท ก่อนจะมองไปรอบกายที่เต็มไปด้วยผู้คนคึกคักอย่างมึนงงชั่วครู่
“คุณหนูไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ บ่าวเห็นคุณหนูยืนเหม่ออยู่หน้ารูปปั้นเทพมังกรสักพักแล้ว จนบ่าวต้องเรียกหลายครั้งเลยเจ้าค่ะ”
หนิงเฟิ่งหันกลับไปมองรูปปั้นมังกรที่ตอนนี้ดูเป็นรูปปั้นธรรมดา ดวงตาไม่ได้มีเงาสะท้อนของนางอีกอย่างครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า
“ข้าไม่เป็นไร” หนิงเฟิ่งลอบผ่อนลมหายใจ ถ้อยคำแปลกประหลาดที่นางได้ยิน นางคงจะเพียงหูแว่วไปเอง
“เอ๊ะ แผลที่แก้มของคุณหนู หายบวมแล้วนี่เจ้าคะ” ซูลี่ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น หนิงเฟิ่งจึงยกมือจับแก้มของตนเอง และพบว่าความเจ็บปวดหายไปแล้วจริงๆ
“ท่านเทพมังกรช่างศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน” ซูลี่หันไปคำนับรูปปั้นติดๆ กันหลายครั้ง หนิงเฟิ่งเองก็หันกลับไปสบตากับเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หนิงเฟิ่งก้มตัวลงช้าๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ สายลมแผ่วเบาพัดโชยผ่านแก้มของนางแสดงถึงการรับรู้ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่
หนิงเฟิ่งเงยหน้าขึ้นอีกครั้งด้วยดวงตาที่สดใสมากขึ้น ก่อนจะหันไปถามซูลี่เกี่ยวกับเรื่องที่นางให้อีกฝ่ายไปจัดการ
“เรื่องที่พักเป็นอย่างไรบ้างซูลี่”
คราวนี้คนฟังหน้าเสียทันที
“ตอนนี้ที่พักภายในวัดถูกจับจองหมดแล้วเจ้าค่ะ จะว่างอีกทีในห้าวันข้างหน้า” ซูลี่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าหนักใจ หนิงเฟิ่งที่ได้ยินคำตอบนั้นก็กังวลขึ้นมาเช่นกัน
“เช่นนั้นเราคงต้องหาโรงเตี๊ยมอยู่ก่อน” ถึงอย่างไรนางก็จะไม่ยอมกลับไปที่เรือนของฟู่เฉิงในเร็วนี้ หากเมื่อนางยังกลับบ้านเดิมไม่ได้ นางคงต้องพักอยู่แถวนี้ชั่วคราว
“คุณหนู ท่านกำลังหาบ้านพักอยู่ใช่หรือไม่เจ้าคะ” จู่ๆ ก็มีหญิงสูงวัยคนหนึ่งก้าวมาหาสองนายบ่าว “ท้ายวัดที่ติดกับชายป่ามีบ้านอยู่หลังหนึ่งนะเจ้าคะ แม้จะอยู่ห่างไกลผู้คนเสียหน่อย แต่ถ้าท่านต้องการความสงบ ที่นั่นย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีเจ้าค่ะ”
หนิงเฟิ่งรับฟังอย่างสนใจ หากซูลี่นึกแปลกใจขึ้นมาที่คนของทางวัดที่นางไปติดต่อไม่ได้บอกนางเรื่องนี้
“พอดีผู้ที่ถือศีลอยู่ในบ้านหลังนั้นเพิ่งย้ายออกไปเช้านี้เจ้าค่ะ คนที่แม่นางไปติดต่ออาจจะยังไม่ทราบเรื่อง หรือไม่เขาอาจจะเห็นว่าพวกท่านเป็นสตรีเลยไม่ได้บอกกับพวกท่านว่ามีบ้านหลังนี้ด้วย เพราะที่นั่นค่อนข้างห่างไกลผู้คน” สตรีสูงวัยกล่าวกับซูลี่โดยเฉพาะเพื่อตอบข้อสงสัยที่แสดงออกผ่านสีหน้าของบ่าวรับใช้ ซูลี่จึงมีท่าทีวางใจและกล่าวขอโทษที่นางแสดงสีหน้าไม่เหมาะสม
“ถ้าเช่นนั้น ท่านยายช่วยพาข้าไปดูบ้านหลังนั้นได้หรือไม่เจ้าคะ” หนิงเฟิ่งที่มีท่าทีสบายใจขึ้นเมื่อเห็นทางออกของปัญหาขอความช่วยเหลือจากหญิงชรา
“ได้เจ้าค่ะคุณหนู เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
หนิงเฟิ่งและซูลี่ก้าวตามหญิงชราที่เดินนำทั้งสองด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงผิดจากวัยของนาง ทั้งสามออกทางประตูด้านหลังของอาราม จนพ้นอาณาเขตของวัดจึงได้เจอกับบ้านพักขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ริมชายป่า
บ้านหลังนี้แม้จะไม่ใหญ่โตแต่ก็ดูสะอาดสะอ้าน ภายในมีของไม่มาก หากมีของจำเป็นครบครัน ภายนอกก็เงียบสงบจนได้ยินเสียงจิ้งหรีดเรไร ทั้งในสายตายังเห็นลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณหนู”
“ข้าชอบที่นี่มากเลยจ้ะท่านยาย ข้าตกลงจะอยู่ที่นี่” หนิงเฟิ่งตอบอย่างไม่ต้องคิดนาน ดวงตาที่เปล่งประกายของนางแสดงถึงความพึงพอใจเป็นอย่างมาก “ตอนนี้ข้าและคนของข้ายังไม่มีกำหนดกลับ คงต้องรบกวนท่านยายกับทางวัดด้วยนะจ๊ะ”
หนิงเฟิ่งฝากเนื้อฝากตัวกับหญิงชราที่นางและสาวใช้ต่างเข้าใจว่าเป็นคนที่ทางวัดส่งมา
“ยินดีเจ้าค่ะ เรื่องน้ำท่าพวกท่านสามารถไปตักที่ลำธารใช้ได้เลยนะเจ้าคะ ลำธารแห่งนี้ใสสะอาดมาก ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหาร จะมีคนจากทางวัดจัดส่งมาให้ตามเวลาเจ้าค่ะ”
“ดีจริง ขอบคุณท่านยายมากเจ้าค่ะ” หนิงเฟิ่งกับซูลี่ต่างพากันโค้งคำนับให้แก่หญิงสูงวัยอย่างขอบคุณในคำแนะนำและความเมตตาของอีกฝ่าย หญิงสูงวัยยิ้มรับ ก่อนจะกลับไปทางวัดหลังจากเสร็จธุระของตน
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้คนขนของมาที่นี่เลยนะเจ้าคะคุณหนู” ซูลี่เอ่ยกับหนิงเฟิ่ง ระหว่างที่รอสาวใช้จัดการเรื่องต่างๆ หนิงเฟิ่งจึงเดินเล่นชื่นชมความงามของธรรมชาติไปจนถึงลำธารที่มีน้ำใสสะอาดจนเห็นตัวปลา
“น้ำที่นี่สะอาดมากจริงๆ ด้วย” ความสดชื่นของสายน้ำทำให้หนิงเฟิ่งมีใบหน้าผ่อนคลาย นางยังสังเกตเห็นศาลาตั้งอยู่ในป่าที่อยู่อีกฟากของลำธาร จึงแลซ้ายแลขวาจนเจอสะพานไม้ที่ใช้ข้ามไปทางฝั่งนั้น
หนิงเฟิ่งก้าวไปตามสะพานไม้ที่เชื่อมต่อกับทางเดินที่มุ่งตรงไปทางศาลาโล่งกว้างที่มีแท่นบูชาตั้งอยู่ตรงกลาง เพียงแค่ก้าวเข้าไปในนั้น หนิงเฟิ่งสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังบางอย่างที่ช่วยชะล้างความหมองเศร้า นางตรงไปทางแท่นบูชา จึงเห็นภาพวาดของมังกรที่อยู่ในท่าทางเดียวกันกับรูปปั้นมังกรที่ตั้งอยู่ในวัด
คงจะเป็นผู้ที่มีศรัทธาในเทพมังกรมาสร้างศาลาตรงนี้เพิ่มเติม... หนิงเฟิ่งคาดเดาในใจ
นางก้มตัวลงสักการะเทพมังกรในรูปภาพ ทั้งยังสวดมนต์บูชาบทที่มารดาเคยสอนนางอย่างตั้งใจ สรรพสิ่งรอบข้างเงียบเสียงลงไปอีกครั้ง จนเมื่อหนิงเฟิ่งกล่าวคำสุดท้าย สิ่งมีชีวิตรอบกายของนางจึงกลับมามีชีวิตชีวา
หนิงเฟิ่งนั่งเล่นตรงมุมหนึ่งของศาลา ทอดสายตากลับไปที่ลำธารใสสะอาดอีกครั้ง
“เอ๊ะ” หนิงเฟิ่งยืดตัวนั่งตรง เมื่อสายตาของนางคล้ายกับเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ อีกทั้งนางยังมองเห็นภาพประหลาด ที่จู่ๆ หมู่ปลาพากันแหวกว่ายกระจายตัวไปตามแนวตลิ่งของลำธารทั้งสองด้าน หากเว้นพื้นที่ตรงกลางเป็นแนวยาวเอาไว้คล้ายกับเหลือพื้นที่ให้กับสิ่งมีชีวิตอื่น
หนิงเฟิ่งลุกขึ้นไปทางลำธารเพื่อดูภาพนั้นใกล้ๆ นางค่อยๆ ค้อมตัวลงต่ำ หรี่ตามองลงไปภายใต้ลำธารใส ตั้งใจมองหาสิ่งมีชีวิตอื่นหากก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
“คุณหนูเจ้าคะ”
เสียงเรียกของซูลี่ที่ดังมาจากอีกฟากทำให้หนิงเฟิ่งสะดุ้ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นมองไปทางที่มาของเสียง จึงเห็นว่าซูลี่กำลังก้าวมาหานาง
“พวกบ่าวขนของเสร็จแล้วนะเจ้าค่ะ บ่าวยังทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ทางวัดยังส่งสำรับมาให้แล้วด้วยนะเจ้าคะ” สาวใช้รายงาน หนิงเฟิ่งเหลือบตามองไปทางลำธารอีกครั้ง เมื่อเห็นฝูงปลากลับมาแหวกว่ายตามปกติก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” ซูลี่มองตามสายตาของผู้เป็นนาย หากนางไม่เห็นสิ่งผิดปกติจึงถามขึ้น หนิงเฟิ่งจ้องมองลำธารอยู่สักพักก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเช่นนั้นเรากลับบ้านพักกันเถิด” หนิงเฟิ่งตัดสินใจเก็บความสงสัยไว้กับตัว หรือบางทีนางอาจจะตาฝาด
สองนายบ่าวกลับไปยังที่พักแห่งใหม่ของตน พอคล้อยหลังของทั้งสอง ฝูงปลาที่ว่ายในน้ำก็แยกออกเป็นสองสายอีกครั้ง
ครั้งนี้ตรงผิวน้ำยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีเกล็ดสีเขียวเข้มปรากฏกายขึ้นมา หากเพียงไม่นานก็หายไป คล้ายกับไม่เคยมีอยู่จริง