4 ความสุขที่อยู่ใต้น้ำ

1360 Words
สำรับอาหารที่ทางวัดจัดมาให้ล้วนแต่มีอาหารเลิศรสจนหนิงเฟิ่งทั้งประหลาดใจและชอบใจ นางจำได้เลือนรางว่าความเป็นอยู่ที่นี่เป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่เคยมีการดูแลเช่นนี้มาก่อน คนที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่ต้องไปโรงครัวตามเวลาอาหารที่ทางวัดกำหนดให้เท่านั้น การต้อนรับจากทางวัดที่นางได้รับในครั้งนี้จึงดีกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้มาก แม้จะอยู่ห่างไกลจากผู้คนเสียหน่อย แต่นั่นเป็นสิ่งที่นางต้องการ ตอนบ่าย นางจึงตั้งใจจะไปกล่าวขอบคุณผู้ดูแลสถาณปฏิบัติธรรมแห่งนี้และหญิงชราที่นางได้พบ หากผู้ดูแลติดภารกิจสำคัญจึงไม่อาจต้อนรับนางได้ ส่วนคุณยายท่านนั้นเป็นที่น่าประหลาดใจว่าคนในวัดต่างกล่าวไปในทางเดียวกันว่าวัดแห่งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่มีลักษณะตรงกับท่านยายผู้นั้นแม้เพียงสักคน “บ่าวว่าเรื่องนี้แปลกๆ แล้วนะเจ้าคะคุณหนู” ซูลี่กลับมากังวลอีกครั้ง หากหนิงเฟิ่งกลับไม่อยากคิดให้มากความเมื่อหญิงชราแปลกหน้าเป็นผู้ช่วยให้นางได้พบกับที่พึ่งพิงในยามยาก “ไม่มีอะไรหรอกซูลี่ บางทีท่านยายอาจจะเป็นผู้มาทำบุญไม่ต่างจากเราและเคยพักบ้านหลังนั้นจึงให้คำแนะนำแก่เราได้” หนิงเฟิ่งคิดไปอีกด้านหนึ่ง ซูลี่ที่คล้อยตามผู้เป็นนายจึงไม่ติดใจในเรื่องนี้อีกครั้ง เมื่อไม่ได้พบกับคนที่อยากพบ ทั้งสองจึงสวดมนต์และเดินทางกลับบ้านพัก หนิงเฟิ่งแทบไม่ได้นอนในตลอดทั้งคืนที่มา ทั้งยังต้องออกเดินทางแต่เช้า ทำให้วันนี้นางตั้งใจจะเข้านอนเร็วกว่าทุกวัน เพื่อที่วันพรุ่งนี้นางจะได้มีแรงมาปฏิบัติธรรมและนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบร่มเย็น ตอนที่กลับไปถึงบ้านพัก หนิงเฟิ่งและซูลี่พบว่ามีอาหารถูกนำมาส่งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อาหารในมื้อเย็นยังคงมีแต่ของเลิศรสเช่นเคย หนิงเฟิ่งจึงรอกล่าวขอบคุณเด็กสาวท่าทางนอบน้อมที่เป็นคนมารับภาชนะที่ว่างเปล่ากลับไป เด็กสาวคนนั้นส่งยิ้มบางๆ กลับมาให้ แต่ไม่ยอมกล่าวอะไรแม้เพียงสักคำราวกับเด็กใบ้ และทันทีที่เก็บภาชนะเรียบร้อยเด็กสาวก็จากไปทันที หนิงเฟิ่งอาบน้ำที่ซูลี่เตรียมให้แล้วจึงเข้านอนแต่หัวค่ำตามที่ตั้งใจ นางคล้อยหลับไปอย่างง่ายดายหลังจากซูลี่ดับไฟในห้องเพียงไม่นาน เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วยาม หนิงเฟิ่งที่หลับสนิทลืมตาขึ้นมาอีกครั้งตอนที่นางได้ยินเสียงสายน้ำ นางมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจเมื่อพบว่าตนเองได้มานอนอยู่ในศาลาริมลำธารที่นางเคยมานั่งเล่นเมื่อตอนกลางวัน “เอ๊ะ เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้” หนิงเฟิ่งพึมพำอย่างแปลกใจที่ตนเองมาอยู่ที่นี่ทั้งๆ ที่ควรจะนอนอยู่ในบ้านพัก นางมองไปรอบข้างอย่างระแวดระวัง หากก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ จ๋อม เสียงปลากระโดดขึ้นมาเหนือน้ำดึงดูดความสนใจของหนิงเฟิ่ง นางมองไปทางลำธารใสแล้วเบิกตากว้าง เมื่อเห็นแสงสว่างคล้ายกับสีเปลือกมุกเปล่งประกายขึ้นมาจากในลำธาร สุกสกาวอร่ามงดงามจนนางตื่นตะลึง “สวยจริง เหตุใดจึงสวยเยี่ยงนี้” หนิงเฟิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์ เท้าเล็กเปลือยเปล่าก้าวตรงไปทางลำธารที่ทอประกายเรืองรองท่ามกลางความมืด ไอเย็นจากสายน้ำกระทบผิวจนนางรู้สึกชื่นบาน ทำให้นางนึกสนุกอยากลงน้ำแช่ตัวในลำธารแห่งนี้ หนิงเฟิ่งยื่นเท้าเปลือยแตะลงบนผิวน้ำ ฉับพลันราวกับมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้นางสลัดความลังเลทิ้งไป หนิงเฟิ่งค่อยๆ ถอดชุดนอนตัวบางของตน รวมถึงเอี๊ยมตัวใน ร่างกายอวบอิ่มงดงามอวดโฉมท่ามกลางแสงจันทร์ที่โลมไล้ ลำธารใสสะท้อนเงาของหญิงงามที่ใครเห็นก็ต้องตกตะลึง ทั้งหน้าอกที่มีขนาดพอเหมาะประดับด้วยยอดถันสีสวยสด เอวเล็กคอดกิ่ว หน้าท้องที่แบนราบ มาจนถึงสะโพกกลมกลึงน่าบีบเคล้น ผิวพรรณของหนิงเฟิ่งขาวผ่องเนียนตา ไร้ซึ่งรอยตำหนิ ยิ่งต้องกับแสงจันทร์และแสงในผืนน้ำทำให้ราวกับว่าร่างกายของนางกำลังเปล่งแสงขึ้นมาท่ามกลางความมืด หนิงเฟิ่งค่อยๆ ก้าวลงน้ำอย่างเชื่องช้า ก่อนจะแหวกว่ายอยู่ในธาราอย่างสุขใจ นางสังเกตเห็นโขดหินใต้น้ำอยู่มุมหนึ่ง จึงว่ายน้ำไปนั่งพักตรงโขดหินนั้น เอนกายพิงโขดหินที่อยู่ริมฝั่งด้านหลัง และหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย สายน้ำวนก่อตัวขึ้นมาไม่ไกลจากหญิงสาวหากหนิงเฟิ่งไม่ทันสังเกตเห็น มันค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาร่างงดงาม ก่อนที่หนิงเฟิ่งจะเริ่มรับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่แหวกว่ายพาดผ่านต้นขาของนางจนนางขนลุกชัน “อื้ม...” หนิงเฟิ่งกัดริมฝีปาก นางหลับตาพริ้มจมดิ่งลงไปในห้วงอารมณ์วาบหวามที่พลุ่งพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แรงเสียดสีที่ต้นขาทำให้หนิงเฟิ่งเผลออ้าขาออกช้าๆ เพื่อให้เจ้าสิ่งนั้นที่กำลังว่ายวนอยู่ใต้น้ำเสียดสีร่างกายของนางได้อย่างถนัดและปัดป่ายไปทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะบริเวณต้นขาด้านในของนางที่ถูกเสียดสีไปมาด้วยสิ่งที่ทั้งใหญ่ ทั้งยาวและเปียกลื่น บนผิวเปียกนั้นยังมีสัมผัสขรุขระที่คล้ายกับเกล็ดของปลาตัวใหญ่ที่อาจจะทำให้นางบาดเจ็บได้ แต่เจ้าสิ่งนั้นเคลื่อนไหวอย่างนิ่มนวลเชื่องช้า จนเกล็ดหนาไม่ระคายผิวงาม คล้ายกับต้องการรุกเร้าร่างของนางให้เกิดความกระสันเท่านั้น “อ๊ะ อ๋า” หนิงเฟิ่งเริ่มเปล่งเสียงครวญอย่างกลั้นไม่ไหวเมื่อเม็ดทับทิมที่บวมไปด้วยพิษใคร่ของนางเริ่มถูกรุกราน มีบางสิ่งที่เปียกชื้นและเรียวเล็กปัดป่ายลงบนยอดของมัน ก่อนที่สิ่งนั้นจะสะบัดพลิ้วไปมาบนติ่งกระสัน จนร่างของหนิงเฟิ่งสะท้านเฮือก “อ๋า อื้ออออ” หนิงเฟิ่งเนื้อตัวบิดเร่า สิ่งมีชีวิตตัวยาวเกี่ยวขาของนางให้อ้าออกมากกว่าเก่า “อ่ะ...ย่ะ...อย่า อื้ออออ” หนิงเฟิ่งห้ามเสียงหลงเมื่อโพรงคับแคบที่ไม่เคยมีสิ่งใดรุกล้ำมาก่อนเริ่มถูกรุกราน สิ่งนั้นทั้งนุ่ม ทั้งร้อน ทั้งร้ายกาจ มันหมุนวนในร่างของหนิงเฟิ่งจนโดนจุดกระสันของนางที่ซ่อนอยู่ภายใน “อ๊ะ อ๋า อ๋า” หนิงเฟิ่งกระตุกตัวเป็นจังหวะ ความซ่านสยิวทำให้นางส่งเสียงครางกระเซ่าลั่นป่าอย่างไม่หลงเหลือความอับอาย “อื้อ มันลึก ไม่ อ๋า อย่าแตะตรงนั้น อื้อออ” สติของหนิงเฟิ่งลอยคว้างมากขึ้นเรื่อยๆ เนื้อตัวของนางหดเกร็งไปทั่งร่าง หากนางไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ตามใจ คล้ายกับถูกมนต์สะกดไม่ให้เคลื่อนหนี ซึ่งนั่นยิ่งทำให้นางทรมาน “ไม่นะ...ข้า...ข้า...กรี๊ดดดดด” ร่างของหนิงเฟิ่งกระตุกอย่างแรก น้ำรักของนางแตกพร่าง เสียงหวานกรีดร้องลากยาวแสดงถึงความอิ่มเอมที่ทะลักทะลาย ‘ดีหรือไม่ เฟิ่งเอ๋อ’ หนิงเฟิ่งขมวดคิ้วตาปรือ นางรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังพูดกับนางอยู่ หากสติที่ยังไม่ครบถ้วนทำให้นางจับคำพูดของเขาไม่ได้ ยามนี้สิ่งเดียวหนิงเฟิ่งรับรู้คือโลกของนางที่หมุนคว้าง หลังจากที่นางได้เรียนรู้ความสุขสมที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตแห่งความสาว ‘ปล่อยใจไปกับข้า แล้วเจ้าจะมีความสุข ทั้งวัน ทั้งคืน’ เสียงของใครบางคนลอบมากระทบหูหนิงเฟิ่งอีกครั้ง หนิงเฟิ่งเผยยิ้มบางเบา ก่อนจะหมดสติลงไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD