บทที่ 6 : เหลือความเป็นตัวเอง

1424 Words
หนึ่งเดือนผ่านไป ที่มีนาต้องใช้ชีวิตอยู่ในเพนท์เฮาส์อย่างโดดเดี่ยวลำพัง แม้จะมีคุณอมราคอยอยู่ใกล้ ๆ ทว่าอีกฝ่ายแทบไม่เคยสนทนากับเธอนอกเหนือจากการสอนให้เธอ เป็นพิมพ์นารา ชีวิตประจำวันของเธอจึงวนซ้ำอยู่แบบเดิม... ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าคุณอมราจะพึงพอใจ นี่สินะ… รสชาติของนกน้อยในกรงทอง ชีวิตของเธอขึ้นอยู่กับชายคนนั้น ผู้กุมลมหายใจของเธอกับมารดาไว้ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด และตั้งแต่วันที่เขาส่งลูกน้องมาส่งเธอที่นี่… เขาก็หายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่จริง “เบื่อจังเว้ยยยยยย!” เสียงของเธอดังก้องไปทั่วเพนท์เฮาส์ทันทีที่อยู่ตามลำพัง คุณอมราออกไปทำธุระ กว่าจะกลับก็คงเย็นค่ำ และนี่คือช่วงเวลาที่เธอมีอิสระมากที่สุด… ได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เงาของผู้หญิงคนนั้น มีนาทิ้งตัวลงบนโซฟาผ้าไหมสีครีมราคาแพง ความหรูหราของมันกลับทำให้เธอนั่งไม่สบายตัวแม้แต่น้อย เธอคิดถึงโซฟาไม้แข็ง ๆ รุ่นเก่าของป้ามากกว่า “โอ๊ย!” เธอบ่นพึมพำ พลางขยับตัวนั่งขัดสมาธิอย่างเคยชิน “นั่งดี ๆ ก็ไม่ได้…” ‘คุณหนูพิมพ์ต้องนั่งหลังตรง’ ‘คุณหนูพิมพ์ไม่นั่งขัดสมาธิ’ เธอเลียนเสียงราบเรียบของคุณอมราอย่างหงุดหงิด ‘คุณหนูพิมพ์ไม่เดินกระแทกส้น’ ‘คุณหนูพิมพ์ไม่ชอบสีฉูดฉาด’ หญิงสาวถอนหายใจแรง ๆ ราวกับอยากระบายทุกสิ่งออกมา “แล้วมีนาชอบอะไร… เคยมีใครถามบ้างไหม!” เธอตะโกนสุดเสียง ความอัดอั้นตลอดเดือนถาโถมเข้ามาจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หากไม่ใช่เพราะค่ายารักษามารดาที่สูงลิ่ว ต่อให้ตายเธอก็ไม่ยอมทำแบบนี้เด็ดขาด วันนี้เธออึดอัดจนแทบระเบิด ความรู้สึกโหยหาบางสิ่งบางอย่างสิ่งที่ทำให้เธอยังรู้สึกว่าเป็นตัวเอง ในตอนนี้การเป็นตัวแทน มันกัดกินอยู่ในอก ยิ่งมองไปรอบตัว เธอก็ยิ่งเหนื่อยใจ ทุกอย่างในเพนท์เฮาส์นี้เหมือนกำแพงที่กำลังบีบให้เธอหายใจไม่ออก “เบื่อเว้ยยยยยยย!!” มีนาลุกพรวด เดินกระแทกเท้าไปยังห้องครัว ก่อนหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าตู้เย็นบิวต์อินขนาดใหญ่ ตู้เย็นที่ตั้งแต่ย้ายเข้ามา… เธอยังไม่เคยเปิดมันด้วยตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว ใช่… ไม่เคยเลยจริง ๆ อยากดื่มน้ำ? ก็ต้องบอกคุณอมรา ทั้งที่ในห้องนอนก็มีตู้เย็นมินิแยกไว้ให้... เหมือนชีวิตในฝันของใครหลายคน เหอะ… สำหรับเธอ มันคือฝันร้ายที่ไร้อิสระสิ้นดี ทุกอย่างพร้อมสรรพจนชีวิตเธอแทบไม่เหลือทักษะการใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ต้องคิด ไม่ต้องลงมือทำแม้แต่น้ำแก้วเดียว ต้องรักษาภาพลักษณ์เหมือนกำลังประกวดนางงามทุกวินาที “จะบ้าตาย…” เธอบ่นอุบ แล้วคุณหนูพิมพ์นั่นทนอยู่ได้ยังไง? ชีวิตที่สมบูรณ์แบบแต่ไร้ชีวิตชีวาแบบนี้… “น้ำแร่อีกแล้วเหรอ…” เธอมองอย่างเอือมระอา “กินทุกวันก็เบื่อ อยากกินโค้กมากกว่า… เฮ้อ…” ยิ่งคิด ยิ่งเซ็ง ยิ่งรู้สึกว่าโลกใบนี้น่าเบื่อจนน่าขัน เธอกวาดตาดูของในตู้เย็น เผื่อจะมีของที่พอทำกินเองได้บ้าง แต่ของทุกอย่างในนั้นสวยหรูเหมือนอาหารโรงแรมห้าดาว ไม่มีอะไรที่เรียบง่ายพอให้นึกถึงบ้าน ข้าวไข่เจียว ไข่ดาว น้ำพริก ผัดพริกแกง อะไรก็ได้ที่ทำให้คิดถึงฝีมือของแม่ จนกระทั่งสายตาของเธอสะดุดเข้ากับกล่องพลาสติกเล็ก ๆ มุมล่างสุดของตู้เย็น เธอก้มลงแล้วเผลออุทานเสียงเบา “เฮ้ย…” ในนั้นมีพริกขี้หนูแดงสด กระเทียม ใบกะเพรา และหมูสับ สิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะมีอยู่ในที่แห่งนี้ “ใครเอามาไว้? คุณอมรา? ไม่มีทาง…” แม้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางไว้ แต่ตอนนี้มันคือสวรรค์ของเธอ ฉ่าาาาาาา! พริกกระเทียมสับหยาบกระทบน้ำมันร้อนจัด กลิ่นฉุนหอมพุ่งขึ้นแรงจนเธอไอค่อกแค่ก “อ่า… กลิ่นที่คิดถึง…” ควันสีขาวลอยคลุ้ง กลิ่นกะเพราหอมกรุ่นตลบอบอวลทั่วครัว กลิ่นที่เธอโหยหามาตลอดทั้งเดือน การกินอาหารหรูทุกวันมันอร่อยก็จริง แต่… ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีในตลอดทุกมื้อ เธอเทหมูสับลงไป เหยาะน้ำปลา กลิ่นเค็มหอมฟุ้งขึ้นทันที ก่อนจะโยนใบกะเพรากำใหญ่ลงไป ฟู่ม! ไข่ดาวขอบกรอบถูกโปะบนจานข้าวร้อน ๆ เธอยกมันขึ้นมานั่งบนเคาน์เตอร์หินอ่อน คำแรกเข้าปากรสเผ็ดร้อนเค็มนำและกลิ่นกะเพราหอมแรง น้ำตาเธอก็พรั่งพรูโดยไม่ทันตั้งตัว ปัง! ประตูเพนท์เฮาส์ก็ถูกผลักเปิดออกเสียงดังลั่น เธอสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นทันที ร่างสูงใหญ่ของเซบาสเตียนก้าวพรวดเข้ามา สายตาคมดุกวาดไปรอบครัวอย่างตกตะลึง “นี่มันกลิ่นบ้าอะไร!!!” เขาตวาดทันที ใบหน้าคมคายบิดเบี้ยวด้วยทั้งความตกใจและรังเกียจ “ทำไมมันเหม็นแบบนี้! ใครอนุญาตให้เธอเอาของพวกนี้เข้ามา!!!” มีนาสะดุ้งสุดตัว ช้อนในมือสั่น น้ำตาที่คลออยู่ไหลร่วงลงแก้มอีกครั้ง เธอสูดหายใจแรง ๆ แล้วสวนกลับทันควัน “มันไม่เหม็นค่ะ! นี่คือผัดกะเพราหมูสับ เมนูที่คนไทยโปรดปรานที่สุด!” เซบาสเตียนขมวดคิ้ว “อาหาร?!” เขามองจานของเธอราวกับมันเป็นวัตถุต้องสงสัย “สิ่งที่เธอกินอยู่นี่น่ะเหรอ... อาหาร? ไร้รสนิยมสิ้นดี!” “แล้วไงคะ! ฉันชอบแบบนี้! ฉันอยากกินแบบนี้!” เขาก้าวเข้ามาประชิดตัว เงาใหญ่ทับร่างเธอจนมิด “เธอไม่มีสิทธิ์ชอบ! ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง! เธอทำอะไรลงไปรู้ไหม? เธอกำลังทำลายภาพลักษณ์ของพิมพ์นาราอยู่!”เสียงของเขาดุดัน “ฉันไม่ได้เป็นเธอ! ฉันไม่ใช่พิมพ์นารา! ฉันคือมีนา!”มีนากำช้อนแน่นจนมือสั่น “เธอเป็น!” เขาตวาดกลับทันที “ตั้งแต่วันที่เธอเซ็นสัญญานั่น เธอก็ขายตัวเองให้ฉันแล้ว!” “ฉันเซ็นเพราะไม่มีทางเลือก!” เธอตะโกน น้ำตาไหลไม่หยุด “แม่ฉันจะตาย! คุณรู้! คุณบังคับฉัน!” คิ้วเข้มของเขากระตุก แต่เขายังสวนกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “อย่าเอาแม่เธอมาบังหน้า! เธอเลือกเอง! และอย่าลืม!!!ฉันช่วยชีวิตแม่เธอไว้!” “ใช่ค่ะ!” เธอหัวเราะทั้งน้ำตา เสียงเจ็บลึกในอกสั่นสะท้าน “แต่แลกด้วยการสูญเสียตัวเองทั้งชีวิต!” เธอทุบหน้าอกตัวเองปัง ดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด... ทว่าเธอก็ไม่ยอมแพ้ “คุณเห็นฉันบ้างไหม… ผู้หญิงคนนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า คุณเคยมองเห็นฉันไหม?” “ฉันเห็น…” เขาตอบต่ำ ๆ ฝืนเสียงราวกับกำลังกลืนบางอย่างลงคอ “ในแบบที่เธอควรจะเป็น” “ไม่ใช่ค่ะ!” มีนาตวาดเสียงแตก “คุณเห็นแค่เงาของผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ฉัน!” เธอรวบแรงทั้งหมด ผลักเขาออกหนึ่งก้าว ดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “ฉันไม่ได้ขอมาก… ฉันแค่อยากกินข้าวจานนี้ ที่ทำให้มีนาคนนี้ยังรู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ฉันทำตามสัญญาทุกอย่าง แต่ขอแค่อย่างเดียว ขอให้ฉันเหลือความเป็นตัวเองบ้าง แม้แค่ไม่กี่นาที” เธอตัวสั่นสะท้าน สูดหายใจลึก และพูดช้า ๆ “ฉันมีแม่… มีป้า… มีบ้านที่รอฉันอยู่ ฉันต้องเก็บส่วนหนึ่งของตัวเองไว้ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะไม่เหลืออะไรเลย” เซบาสเตียนยืนนิ่งงัน ร่างแข็งทื่อราวกับถูกตรึงอยู่กับพื้น สายตาคมดุที่เคยมั่นคงกลับสั่นไหวเพียงวูบเดียว เขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนเผชิญหน้าด้วยความจริงแบบนี้ ไม่เคยถูกตะคอกใส่ ไม่เคยถูกมองด้วยสายตาที่เจ็บปวดจนบาดลึกถึงหัวใจ เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงเดินผ่านเธอไปอย่างเงียบงัน ก้าวช้า ๆ ราวกับกำลังแบกบางอย่างที่ไม่เคยยอมรับมาก่อน แล้วหายลับเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ความเงียบตกลงคลุมครัวหรูอย่างอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD