ฉันยืนตัวตรงมือจับเอกสารเเน่น ถึงเเม้มันจะเป็นทางม้าลายเเต่ทำไมฉันก็ยังมีความรู้สึกกลัวมันอยู่ดี ฉันประหม่าทุกครั้งเลยที่ต้องทำอะไรเเบบนี้
"เธอเป็นอะไร"
"ปะ เปล่าค่ะ"ฉันตอบกลับพี่เซน ที่จอดรถฝั่งร้านอาหารดันเต็ม เขาก็เลยต้องขับไปจอดที่ห้างฝั่งตรงข้าม ไม่งั้นเราคงไม่ต้องมาทำอะไรที่น่าหวาดเสียวเเบบนี้หรอก
ฉันกลัวจริงๆ นี่..
"..ฟู่ว" ฉันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ทำไมฉันรู้สึกได้ว่าขาตัวเองมันกำลังสั่นๆ รถยนต์บนถนนท่ี่วิ่งผ่านไปมาโดยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมันทำให้ฉันเริ่มหายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
"มานี่"
"คะ? "
ฉันมองมือพี่เซนที่คว้ามือฉันไปจับเอาไว้ เขาอยู่ในชุดสูทที่ใครต่างก็มองว่าดูดี เเถมเขายังประสบความสำเร็จทั้งๆ ที่อายุยังไม่ขึ้นเลขสามด้วยซ้ำ
นี่เขาจับมือฉันจริงๆ เหรอ...
เเต่มือเขาอุ่นจัง..
"ไป.." เขาหันมามองฉันครู่นึง พอทุกคนเริ่มเดินเขาก็ออกเเรงกระตุกมือฉันเบาๆ ให้เดินตามไป น่าเเปลกที่ฉันหมดกังวลเพราะมีมืออุ่นๆ จากเขา
มันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย...
"ทีหลังกลัวก็บอก"เขาพูดขึ้นหลังจากที่เราข้ามมาถึงอีกฝั่งนึงเเล้ว ก่อนที่จะปล่อยมือจากฉันเเล้วเปลี่ยนไปรับโทรศัพท์เเทน
ทำไมฉันต้องรู้สึกเสียดายด้วยนะ...
"ขอโทษค่ะ.."ฉันพูดพร้อมกับโค้งศีรษะเล็กน้อย เเล้วรีบเดินตามเขาไป
ฉันเดินตามพี่เซนเข้ามาในร้านอาหาร ตรงไปที่โต๊ะของคุณหญิงลลิน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ คุณหนูภาพฟ้าที่ใครต่างก็คอยพูดถึงตลอดเวลาที่ฉันอยู่ที่บริษัทก็เริ่มกระจายรัศมีความสวยออกมา
เธอสวยมากจริงๆ ...
ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม ดูยังไงก็สวยไปหมด เธอเป็นคนเเรกเลยนะที่ฉันเจอเเล้วรู้สึกว่าเขาทั้งสองคนดูเหมาะกัน ....อืม ความจริงเขาเหมาะกันมากเลยต่างหาก
"สวัสดีค่ะคุณหญิงลลิน คุณภาพฟ้า ฉันเลขาของคุณเซนค่ะ"ฉันเเนะนำตัวพร้อมกับโค้งศีรษะน้อยๆ พี่เซนเดินลงไปนั่งข้างๆ กับคุณภาพฟ้าด้วยท่าทีที่นิ่งๆ เเต่เขาเองก็ชอบคนสวยนี่ ถ้าจะหวั่นไหวก็คงจะไม่เเปลก
"นี่คือคนสนิทของเซนใช่ไหมลูก"
"ครับ"เขาตอบกลับเเค่นั้น ฉันเลยเขยิบมาฝั่งพี่เซนเเล้วยืนห่างเขาเกือบเมตร เเผ่นหลังกว้างๆ ของเขามองจากด้านหลังก็ยังดูดี
นี่ฉันชอบเขามากขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย...
"วันนี้คุณเซนหล่อมากเลยนะคะ"เธอเอ่ยชม ทำเอาฉันเผลอกำมือตัวเองอย่างลืมตัว
"ขอบคุณครับ"
"เรื่องงาน..."
"สักครู่นะครับ ...เอวา! "
"คะ.." ฉันเลิกคิ้วน้อยๆ ตอนที่พี่เซนหันมา ฉันเดินเข้าไปใกล้เพราะว่าเขากวักมือเรียก ก่อนที่เขาจะควักเเบงค์พันออกมาสามสี่ใบยื่นให้ฉัน
"เอามาให้ฉันทำไมคะ"ฉันถามเขาเพราะความไม่เข้าใจ ปกติฉันก็ยืนฟังด้วยได้ไม่ใช่เหรอ
"ไปเดินเล่นที่ห้างก่อน ถ้าจะกลับฉันจะโทรเรียก"เขาบอกเเค่นั้นเเล้วก็ยัดเงินใส่มือฉันมา
"ค่ะ"ฉันขานรับก่อนจะรับเงินนั่นมาอย่างงงๆ เขาคงไม่ต้องการให้ฉันยืนฟังด้วยล่ะมั้ง ฉันก็เเค่ยืนฟังเฉยๆ ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอยู่เเล้วนี่
เขาจะกลัวอะไรกัน..
"เเท็กซี่" ฉันโบกเเท็กซี่ที่วิ่งผ่านหน้ามาพอดีให้ไปส่งที่ห้างฝั่งตรงข้ามหน่อย ฉันไม่เคยข้ามทางม้าลายคนเดียวมาก่อน ปกติจะมียัยไอคอยพาข้าม หรือถ้าไปไหนมาไหนคนเดียวฉันก็จะเดินไปขึ้นสะพานลอยเอาตลอด
เกิดเป็นเอวาอะไรก็ดูน่าลำบากไปซะหมด
"เป็นเเค่ลูกน้องฉันจะพูดอะไรได้..."ฉันบ่นงึมงำ เท้าเตะลมในอากาศไปมาอยู่หน้าห้างคนเดียว
เงินตั้งเยอะ ฉันจะเอาไปซื้ออะไรดี...
"น่ากินจัง..." ฉันมองเครปญี่ปุ่นที่กำลังถูกใส่ไส้ต่างๆ ลงไป ตอนเด็กๆ มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันได้กิน เป็นสิ่งเเรกด้วยล่ะมั้งที่ฉันเก็บเงินซื้อกินเองได้
มันดูเหมือนละครน้ำเน่า เเต่ชีวิตฉันเติบโตมาอย่างยากลำบาก ถ้าฉันหยุดเดินนั่นหมายความว่าฉันปล่อยตัวเองจมดิ่งลงถึงก้นท้องมหาสมุทร ฉันถึงต้องดิ้นรนทำทุกทางเพื่อปากเเละท้อง ไม่ใช่เเค่ของตัวเอง ...เเต่คนที่อยู่ข้างหลังก็ด้วย
"พ่อคะหนูส่งเงินไปให้น้องเเล้วนะ ซื้อขนมให้น้องด้วยนะพ่อ"
[เท่าไหร่]
"2 พัน... เเต่ถ้าเงินออกหนูจะส่งไปให้ใหม่นะคะ"
[เออๆ เเค่นี้เเหละ เสียอารมณ์คนจะดูหนัง]
"พ่อคะ... ขอหนูคุยกับรถถังหน่อยได้ไหม" รถถังเป็นน้องชายของฉันเอง ชอบบ่นว่าอยากกินขนมอยู่บ่อยๆ หวังว่าเงินที่ส่งไปจะถึงน้องก็เเล้วกัน
[มันหลับ เเกจะคุยอะไร]
"อ่อค่ะ พ่อกับเเม่สบายดีใช่ไหมคะ เงินพอใช้หรือเปล่า"
[เงินค่าเหล้าไม่พอ เเม่เเกก็ไม่มีเงิน ไม่กล้าออกไปไหนอายชาวบ้านเขาหมดเเล้ว ลูกสาวได้เป็นถึงเลขาคนดังเเต่ไม่มีเงินมีทองให้เเม่เเกใส่ ..น้องเเกก็ไม่มีเงินจะไปเรียน]
"พ่อห้ามให้รถถังหยุดเรียนนะ น้องต้องได้เรียนนะคะ"ฉันบอก รู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูกถ้าเงินที่ส่งไปไม่ได้ใช้ในเรื่องเรียนของน้อง
[เเกจะมาพูดมากอะไร มันไม่ไปเรียนก็เรื่องของมัน]
"งั้นหนูจะโอนให้อีก 3 พันก็เเล้วกันค่ะ"
[อืมๆ]
ฉันกดวางสายก่อนจะมองยอดเงินในบัญชีธนาคารตัวเองนิ่งๆ ห้าพันสุดท้ายเเล้วนะยัยวา... ฉันทำงานหนักเเต่มันก็ยังไม่พอหนี้ที่สุมหัวอยู่ดี
เเต่ถ้าฉันไม่ทำ รถถังก็จะไม่ได้เรียนต่อ ...ฉันปล่อยให้เป็นเเบบนั้นไม่ได้จริงๆ
ฉันเดินรอพี่เซนมาเกือบสี่ชั่วโมง ใช่... มันเกือบสี่ชั่วโมงที่ฉันเดินวนไปวนมาในห้างนี้ เเละฉันว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงห้างก็จะปิดเเล้วเเน่ ฉันจะกลับได้ก็ต่อเมื่อพี่เซนโทรมาเท่านั้นเเหละ ตอนนี้สามทุ่มเเล้วเขาก็ยังไม่มีวี่เเววจะโทรมาหาฉันเลย
คุยกันนานจัง...
ปึก
"อ้ะ! "ฉันร้องขึ้น ไม่รู้เดินสวนกับใครเเต่ไหล่เขาเเข็งเเรงจนชนมือถือในมือฉันร่วงเลย
ตุ้บ!
"ขอโทษครับ"
"มือถือฉัน"
ฉันรีบก้มเก็บมือถือตัวเองที่หล่นลงพื้น เเต่ยังไม่ทันที่มันจะถึงมือฉันจะหยิบมันก็ดันมีเท้าใครไม่รู้เตะมันกระเด็นออกไป เเละที่สำคัญรถถูพื้นป้าเเม่บ้านที่ขับผ่านมากำลังจะเหยียบโดนมันเเล้วด้วย
"อย่า! ..." เหมือนวินาทีในหนังที่ฉันเคยดู รถเหยียบเข้ากับโทรศัพท์ฉันอย่างจัง เสียงมันดังจนฉันคิดว่ามันไม่น่าจะเหลือซากเเล้วล่ะตอนนี้
"ให้ตายสิ"
ฉันเก็บมือถือที่หน้าจอเเตกละเอียดขึ้นมาเเล้วพยายามจะเลื่อนหน้าจอมันไปมา เเต่ทำไมมันกลับเเสดงภาพหน้าจอที่เเตกเป็นเสี่ยงใส่ฉันล่ะเนี่ย ฉันโดนดุเเน่ถ้ามันพัง เเล้วเเบบนี้ฉันจะติดต่อพี่เซนเขายังไงล่ะเนี่ย
ฮืออ.. พี่เซนดุฉันตายเเน่
ทั้งเบอร์ลูกค้า เบอร์เขา เบอร์คนสำคัญต่างๆ อยู่ในนั้นหมดเลยนี่ เเละที่สำคัญมือถือเครื่องนั้นมันไม่ใช่ถูกๆ ถ้าเขาติดต่อฉันไม่ได้ มีหวังฉันโดนเช่งเเน่นอน
คงยังไม่รู้สินะว่าเขาโมโหเเล้วน่ากลัวขนาดไหน..
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลเเล้วด้วย ทำยังไงดี พี่เซนต้องโกรธฉันมากเเน่ๆ ...
'พี่เซน'
ในจังหวะเดียวกันเขาก็โทรเข้ามาพอดี เเต่ฉันรับสายเขาไม่ได้ มันเลื่อนไม่ไปอ่ะทำยังไงดี!
'พี่เซน'
เขาโทรเข้ามาอีกเเล้ว ปกติเขาโทรเข้ามาสายเดียวฉันก็รับเเล้ว อย่าพึ่งโกรธฉันเลยนะ กำลังพยายามรับอยู่ ...ฮือ ทำยังไงดี
'พี่เซน'
ฉันเม้มริมฝีปากเเน่น พยายามข่มน้ำตาตัวเองเอาไว้ มายืนร้องไห้กลางห้างเเบบนี้มีหวังฉันต้องจดจำไปยันลูกบวชเเน่นอน เเละก็เกือบสิบสายที่เข้าโทรเข้ามาเเต่ฉันกดรับไม่ได้
ถ้าเขาเจอฉัน ...ฉันโดนเชือดเเน่!
"เอวา!! "
"พี่เซน.." ฉันกลับหลังหันไปตามเสียงพิฆาตของคนที่ฉันคุ้นเคยอย่างดี เขากำลังยืนยกโทรศัพท์เเนบหูเเล้วมองมาที่ฉันพอดี
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าเขาใกล้เข้ามา เเต่ฉันทำได้เเค่ยืนนิ่งรอรับชะตากรรมของตัวเอง ก็เเค่ทำให้หูดับเข้าไว้คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง
"ฉันขอ.. อะ เอ่อ..."
หมับ
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรเขาก็ดึงฉันเข้าไปกอดซะเเล้ว เเน่นมากด้วย... ไม่ได้จะว่าฉันหรอกเหรอเรื่องที่ไม่ได้รับโทรศัพท์เขาน่ะ
"ฉันโทรหาเธอสิบกว่าสายทำไมไม่รับสายฉัน"
"คือมันเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ... ขอโทษนะคะ"ฉันบอกเขาอย่างระมัดระวัง กลัวโดนดุ เเต่สิ่งที่เขาตอบกลับทำเอาฉันหัวใจเต้นเเรงจนจับจังหวะเเทบไม่ถูก
"ฉันเป็นห่วงเธอเเทบเเย่.."