อาทิตย์นั่งจิบเบียร์เย็นๆรอเพื่อนที่ห้องรับแขก สมองครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขาพบเจอมาเกี่ยวกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่นอนสลบอยู่กลางถนนไม่ได้สติ เด็กคนนั้นเป็นใคร มาจากไหนและใครที่ทำร้าย เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน น่าจะไม่ใช่คนแถวนี้ ท่าทางเด็กหนุ่มจะมีฐานะดีมากทีเดียว ดูจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หากถูกทำร้ายหวังชิงทรัพย์ทำไมนาฬิกาเรือนเจ็ดหลักถึงยังคงอยู่ ดูจากหน้าตาอายุอานามน่าจะยี่สิบต้นๆ
และคนที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ก็คงมีแต่ตัวของชายหนุ่มเองคงต้องรอให้ฟื้นขึ้นมาก่อน
“เป็นไงบ้างไอ้หมอ”
“ยังไม่ฟื้น โดยรวมตามร่างกายแค่แผลถลอกฟกช้ำบางส่วน ไม่มีส่วนไหนหัก นอกเหนือจากที่หัวแตก แต่กูฉีดยาแก้อักเสบให้แล้วส่วนยาก็จัดวางไว้ด้วย ” หมอหนุ่มบอกเพื่อนพลางทิ้งตัวลงข้างๆ อย่างเหนื่อยเพลีย
“สักแก้วไหม”
“แดกเป็นแค่มึงหรือไง ให้ไว” มือหนายื่นแก้วให้เพื่อนหนุ่มพลางระบายรอยยิ้มอย่างขบขัน กับท่าทีของอีกคนที่หน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก เพราะนี้เป็นเวลาพักผ่อนของเพื่อนหนุ่ม
"ว่าแต่มึง แน่ใจนะว่าจะไม่แจ้งความเราไม่รู้หัวนอนปลายตีนเขาเลยนะเว้ยไอ้หมอ”
"อืม"
ชายหนุ่มมองขึ้นไปชั้นบนที่เป็นห้องนอนของเขา เขาตัดสินใจแล้วที่จะไม่แจ้งตำรวจ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ความรู้สึกภายใต้จิตสำนึกคิดว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนไม่ดีแน่นอน กลัวว่าหากแจ้งความตอนนี้อาจได้รับอันตรายจากคนที่ปองร้ายเขาได้
“ตัดประเด็นชิงทรัพย์ออก หรือว่าชนแล้วหนีวะ”
“คงต้องรอถามเจ้าตัวตอนฟื้น”
“กว่าจะฟื้นคงอีกสักพักใหญ่ หรือไม่ก็คงเช้า ดีนะที่กะโหลกไม่มีส่วนไหนบุบหรือแตก ว่าแต่มึงพบหลักฐานอะไรตรงเกิดเหตุเพิ่มหรือเปล่า”
“ไม่มี”
อาทิตย์ส่ายหน้า ยกแก้วขึ้นดื่มเบียร์รวดเดียวจนหมดแก้ว คิ้วหนายังคงขมวดมุ่นคิดหาสาเหตุ หากคนอื่นเจอเด็กคนนี้เข้าไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร กลัวว่าจะโดนชิงทรัพย์ซ้ำอีกต่างหาก
“คงรอให้ฟื้นหรือว่ามีใครประกาศแจ้งคนหายนั่นแหละ” จากนั้นทั้งคู่ก็คุยสารทุกข์สุขดิบกันไปเรื่องอื่น สักพักหมอวินก็ขอตัวกลับ ทั้งคู่เดินออกมาหน้าคฤหาสน์หรู
“มึงน่าจะค้างที่นี่”
“ไม่เอามีหวังแม่กูฉีกอกพอดี ว่าแต่มึงนะอย่าไปทำอะไรน้องมันนะโว้ย เด็กมันหน้าตาดีซะด้วย” หมอวินแซวเพื่อนรัก
“จะกลับก็รีบ โน้นรถมึง”
“แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้ อย่างมึงน่าจะหาแฟนได้แล้วนะโว้ยรูปหล่อ รวย โปรไฟล์ดีขนาดนี้ จะทรมานสาวๆไปอีกนานแค่ไหน ขืนช้าไปเดี๋ยวได้ลูกไม่ทันใช้จะหาว่าหมอวินไม่เตือนนะครัชชชช ” ปลายเสียงลากยาวอย่างยียวน ก่อนจะหัวเราะชอบใจแล้วเดินไปที่รถ
“เรื่องของกู” อาทิตย์ทำหน้านิ่งเรียบก่อนจะใช้สายตาคมจ้องเพื่อนอย่างไม่พอใจ
ระหว่างทางเดินไปยังลานจอดรถหมอหนุ่มก็บ่นไปเดินไปเสียยืดยาวที่ต้องลากสังขารมาที่นี่ ทั้งที่ง่วงจนแทบขับรถไม่ไหว ไม่นานรถของเพื่อนก็แล่นออกไปลับตา
ชายหนุ่มยืนมองคนที่นอนบนเตียงหลับตานิ่งเงียบๆ ศีรษะมีผ้าพันแผล ใบหน้าหล่อยังคงซีดเผือด คงอีกนานกว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะฟื้น อาทิตย์เดินไปถอดเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำไม่นานชายหนุ่มก็ออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพันส่วนล่างไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงสั้นและเสื้อกล้ามที่เขาชอบสวมใส่เวลานอน เขาลากเก้าอี้มาเช็ดผมพลางมองใบหน้าหล่อของอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณา ยอมรับว่าหน้าตาดีมาก เครื่องหน้ารับกันไปหมดจมูกรั้นกับดวงตาเรียวที่ปิดสนิท ริมฝีปากเรียวบางยังคงซีด ใบหน้าเนียนสวยอย่างคนที่ดูแลตัวเองดีอยู่ตลอด เขาเผลอมองใบหน้าหล่ออย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะสะบัดหน้าไปมาแล้วก้าวขึ้นเตียงล้มลงนอนข้างๆอีกฝ่าย
ร่างที่นอนนิ่งขยับตัวเบาๆเปลือกตาสวยขยับเพียงนิดก่อนจะลืมตาตื่น กระพริบตาหลายครั้งมองไปรอบๆ เอียงหน้ามองคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัย พยายามเพ่งร่างข้างกายที่หลับสนิท ปากบางขยับขมุบขมิบเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา ตาคู่สวยค่อยๆปรือแล้วปิดสนิทลงอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา
อาทิตย์ขยับตัว ดวงตาคมยังคงหลับตา ชายหนุ่มรู้สึกเมื่อยขบตรงแขนข้างซ้าย สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นที่รดตรงหน้าอกแกร่ง ก่อนจะลืมตามองไปทั่วห้อง ร่างหนาหันไปมองคนที่นอนข้างๆอย่างเป็นห่วงทันที แต่ปรากฏว่าร่างคนที่นอนเจ็บหลับสนิททั้งคืน กลับนอนคุดคู้อยู่ตรงอกแกร่ง อีกทั้งใช้แขนของเขาหนุนนอนแทนหมอนอีกด้วย มิน่า เขาจึงรู้สึกเมื่อยขบไปหมด ไม่รู้ว่าอีกคนพลิกมานอนกกกอดเขาได้อย่างไร
ชายหนุ่มค่อยๆขยับแขนออกแล้วเอาหมอนหนุนศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ แล้วจับมือบางของคนที่หลับที่พาดผ่านเอวสอบออกแผ่วเบา เขาสังเกตแผลของอีกฝ่ายไม่มีเลือดซึมออกมาฝีมือการเย็บของเพื่อนเขาอันดันต้นๆของประเทศอยู่แล้ววางใจได้ ชายหนุ่มชะโงกหน้ามองหน้าคนเจ็บที่ตอนนี้มีใบหน้าเริ่มมีสีเลือดไม่ซีดเผือดเหมือนเมื่อคืนใกล้ๆจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายที่ดังออกมาสม่ำเสมอ
“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอวะ” อาทิตย์พึมพำแล้วยื่นมือไปแตะหน้าผากของชายหนุ่มอีกครั้ง
“ตัวรุมๆ”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเคลื่อนใบหน้าหล่อออกมา ร่างที่นอนหลับตานิ่งก็ค่อยๆลืมตาตื่น ก่อนจะกระพริบตาถี่ แล้วสบตากับเขาทันที ทั้งคู่ประสานสายตากันนิ่งอยู่นาน อาทิตย์แทบลืมหายใจไปชั่วขณะเมื่อได้สบตากลมโตคู่สวยอย่างไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าตอนหลับที่ว่าหล่อแล้ว แต่พอลืมตาตื่นยิ่งหล่อมากขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าของทั้งสองอยู่ชิดเพียงแค่ปลายจมูกกั้น
“จะ..จะทำอะไร”
ปากบางสวยยังคงซีดเซียว เอ่ยออกมาเมื่อคิดว่าอีกคนจะก้มลงจูบ เด็กหนุ่มรีบขยับตัวเร็วเพื่อเบี่ยงตัวหลบทำให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
"แล้วคิดว่าฉันจะทำอะไร"
“โอ้ย!! ปวดหัว”
“อย่าขยับตัวแรง นายมีแผลที่ศีรษะเพิ่งเย็บเมื่อคืน”
“อืม อะ”
เด็กหนุ่มครางในลำคอด้วยความเจ็บปวดตรงแผล มือบางเอื้อมขึ้นแตะบริเวณศีรษะที่พันผ้าไว้ แต่ยังจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ท่าทางดูเหมือนตื่นกลัวไม่ไว้ใจ
“อย่าเพิ่งลุกขึ้น”
อาทิตย์เอื้อมมือหนาไปกดไหล่ของคนร่างบางไว้ เมื่อเห็นว่าจะขยับตัวลุกขึ้น แต่อีกฝ่ายขืนตัวไม่ให้เขาแตะอย่างวางท่าที ท่าทางเย่อหยิ่ง คงเป็นนิสัยที่ทำจนเคยชิน อาทิตย์จึงผละมือตัวเองออก จ้องอีกคนนิ่ง สายตาเด็กหนุ่มยังดูเลื่อนลอย มึนงง นัยน์ตาดูยังคงสับสนอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มมองไปทั่วห้องก่อนจะมองไปบนเพดานแล้วหลับตาลง ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหมือนกำลังทบทวนหรือคิดอะไรบางอย่าง อาทิตย์มองอาการคนตรงหน้าอย่างสงสัย หรืออาจเป็นเพราะว่าเด็กหนุ่มเพิ่งจะรู้สึกตัวและมีอาการมึนงง
“เป็นไงบ้าง” ชายหนุ่มถามคนที่ค่อยลืมตาตื่นอีกครั้ง แต่แววตายังคงงุนงง
“ผม..เอ่อ..คุณเป็นใคร”
“ฉันเป็นคนที่ช่วยนายไว้และไม่ต้องทำท่าทางกลัวหรือว่ารังเกียจฉัน เมื่อคืนนายนอนสลบอยู่กลางถนน ว่าแต่นายไปนอนอยู่ตรงนั้นได้ยังไง”
“เอ่อ..คือผม..เออ”
คนเจ็บขมวดคิ้วอีกครั้งอย่างครุ่นคิด มองหน้าคนตัวโตที่ก้มจ้องหน้าเขาอย่างต้องการคำตอบ แต่ยังไม่ทันที่อีกคนจะพูดอะไรก็พลันปวดศีรษะอย่างแรงจนต้องกุมขมับตัวเองไว้อย่างทรมาน
“โอ้ย!! ผมปวดหัว”
“ฉันจะไม่ถามอะไรนายตอนนี้ พักผ่อนก่อนเดี๋ยวจะไปเอาข้าวต้มให้ นายจะได้กินข้าวกินยา”
ชายหนุ่มไม่อยากเซ้าซี้ตอนนี้เพราะดูเด็กหนุ่มตรงหน้ายังคงปวดศีรษะมาก สมองอาจถูกกระแทกคงเบลอๆบ้าง ต้องให้เวลาเด็กหนุ่มอีกสักหน่อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกออกจากเตียงห้องนอนก็ถูกเคาะขึ้นเสียก่อน
“เข้ามาได้”
“ขอโทษนะคะ คุณหนู ป้าเอาข้าวต้มหมูสับร้อนๆมาให้เด็กหนุ่มนะคะ คิดว่าน่าจะหิว”
ป้าอุ่นแม่บ้านที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก ร่างท้วมผิวขาวใจดียกถาดข้าวต้มร้อนหอมกรุ่นมาวางไว้ที่โต๊ะตรงหัวเตียงแล้วเดินมาหยุดมองคนเจ็บด้วยสีหน้าเป็นห่วงคนที่นั่งมึนงงอยู่บนที่นอน เด็กหนุ่มคนนี้ผิวพรรณดี หน้าดีจริงๆ
“ผมกำลังจะลงไปบอกป้าอยู่พอดี”
“มีอะไรก็เรียกป้าเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ครับ”
ป้าอุ่นยิ้มให้อ่อนโยนก่อนจะเดินออกไป ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆเตียงแล้วช้อนศีรษะอีกคนแล้วหยิบหมอนใบโตมาช้อนหนุนหลังให้คราวนี้อีกฝ่ายยอมอีกคนอย่างว่าง่ายไม่ขัดขืน มือหนาหยิบชามข้ามต้มร้อนๆขึ้นมาถือใช้ช้อนตักแล้วเป่าให้คลายร้อนก่อนจะยื่นช้อนไปจ่อที่ปากของเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“กินอะไรสักหน่อย จะได้มีแรง”
แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมอ้าปาก ดวงตายังคงเลื่อนลอยมองไปทั่วห้องจ้องเพดานก่อนจะเลื่อนมาจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยดวงตาว่างเปล่า
“นายเป็นใคร” อาทิตย์เริ่มสงสัยกับสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย ชายหนุ่มจึงถามคนตรงหน้าสีหน้าเรียบนิ่ง
“ฉันชื่ออาทิตย์” เขาแนะนำตัวเองไปก่อน สายตาคมจ้องร่างบางที่ทำตัวเป็นเจ้าของเตียงนอนของเขาสีหน้าเรียบนิ่ง
“แล้ว ผะ..ผมละ.”
“.........”
“ผะ..ผมชื่ออะไร”
เด็กหนุ่มย้อนถามคนตัวโตเสียงแผ่วทำสีหน้างุนงงอีกครั้ง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ยิ่งคิดเด็กหนุ่มก็ยิ่งปวดหัวหนักขึ้น มือบางยกขึ้นกุมขมับทำสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง
"กูว่าเด็กหนุ่มคนนี้ความจำเสื่อมวะ”
เสียงคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง หมอกวินทร์ หรือวินเพื่อนหนุ่มของเขา ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตว่ามายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะมัวแต่มองคนตรงหน้าแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และก็ตรงกันกับเพื่อนหมอที่เอ่ยออกมา