เสียงในหัวของโซ่

1049 Words
“อะไรของมึง” “มึงไปพูดอะไรแบบนั้นเขาเสียหายนะเว้ย” “กูก็พูดแค่กับมึง” “กับใครมึงก็ห้ามพูด” “เออๆ ว่าแต่มึงจะช่วยให้กูจีบน้ำรินได้ไหม” “ไม่ ไม่มีทาง” ผมตอบแล้วก็มองหน้ามันแบบไม่หลบ มันจะไม่รู้ได้เหรอว่าผมหวงน้ำรินแค่ไหน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชื่อที่โชว์หน้าจออย่างถูกจังหวะทำให้ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ “โทรมาอะไรตอนนี้” เพราะโมโหไอ้ยูโรอยู่แล้วเลยพาลเธอด้วย ปกติผมไม่ค่อยได้เปิดประโยคสนทนาเวลาคุยโทรศัพท์หรอก “นอนแล้วเหรอ” เหมือนจะเสียงอ่อยๆ ให้ผมเย็นลงได้อีกนิด “มีอะไรก็ว่ามา” “แล้วนายอยู่ไหน” “ตกลงมีอะไรจะพูดก็พูด” “แอบไปเที่ยวอีกล่ะสิ” เพราะห้องไอ้ยูโรเปิดดนตรีอีดีเอ็ม น้ำรินจะเข้าใจว่าผมไปเที่ยวก็ไม่แปลก “น้ำรินเหรอวะ กูคุยด้วยหน่อยสิ” พอไอ้ยูโรสอดเข้ามาแบบนั้นผมเลยรีบตัดสายด้วยความหัวเสีย แล้วลุกออกจากห้อง รอว่าน้ำรินจะโทรกลับแล้วค่อยคุยดีๆ แต่เธอเงียบผิดปกติ จนผมต้องโทรหาเอง ยิ่งผิดปกติจนร้อนใจที่โทรไปกี่สายก็ไม่รับ ผมไม่ได้คิดว่าเธองอนด้วยเรื่องแค่นี้ แต่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอมากกว่า เลยโทรไปหาน้าฝนซึ่งก็ไม่รับเหมือนกันยิ่งร้อนใจ ผมเลยทั้งโทรทั้งพิมพ์ข้อความหาอย่างไม่รู้จะทำอะไร ก่อนจะรีบออกจากบ้าน ขึ้นรถตัวเองได้ก็รีบบึ่งออกไปเลย ออกมาแล้วยังคิดไม่ตกว่าต้องขับไปไหน แต่น่าจะต้องไปบ้านเธอก่อนในเวลานี้ จนขับรถมาจอดหน้าบ้าน น้าฝนก็โทรกลับมาหา “สวัสดีครับน้าฝน” “โทรหาน้ามีอะไรหรือเปล่าลูก” “เอ่อ ผมจะโทรถามว่าน้ำรินกลับบ้านหรือยังน่ะครับ พอดีเมื่อกี้คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วสายตัด โทรกลับยังไงก็ไม่รับ” ไม่กล้าบอกว่าตัวเองตัดสายเธอทิ้งต่างหาก “กลับตั้งแต่หกโมงเย็นแล้วนะ สงสัยหลับมั้ง” คำตอบนั้นทำให้โล่งใจได้เปราะหนึ่ง แต่มันก็ยังไม่วางใจ น้ำรินไม่เคยเป็นแบบนี้ เธอไม่น่าจะหลับจากการวางสายแค่ไม่ถึงนาทีด้วย หากจะขอให้น้าฝนไปดูในห้องนอนให้แน่ใจก็ดูจะไม่ควร คืนนั้นผมก็เลยไม่เป็นอันนอน เฝ้ารอแต่โทรศัพท์ว่าเธอจะตอบกลับหรือโทรกลับตอนไหน จนเธอโทรหาในตอนเช้านั่นแหละถึงเพิ่งโล่ง เพิ่งจะนอนหลับได้ในตอนเช้าและไม่ตื่นไปเรียน น้ำรินไม่รู้ด้วยว่าผมเกเรเพราะวันนี้ไม่มีเรียนด้วยกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้ผมรู้ว่าไม่ชอบบรรยากาศที่เธอหายไปแบบนี้เลย ไม่ชอบความรู้สึกที่ผมอาจจะเสียเธอไปให้ใครที่มันพร่ำเพ้อว่าชอบเธอนักหนา แต่ถึงจะชัดเจนในความรู้สึกขนาดนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องจัดการยังไง จนเกิดสถานการณ์เมื่อคืน...และเมื่อเช้า แฟนปลอมๆ ...ก็เจ็บดีเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ ผมก็ยังมีน้ำรินไปอีกสี่ปี ที่เราอาจจะเป็นแฟนกันจริงๆ ได้ ผมมองคนที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกจากห้องน้ำ แล้วมาเอาเสื้อผ้าที่เหลืออีกชุดกลับเข้าไปใหม่ไม่วางตา ส่ายหน้าเบาๆ กับสายตาระแวงและค้อนแรงเหลือเกิน ยังไม่หายงอนผมอีกเหรอ จนเธอออกมาจากห้องน้ำอีกรอบ ถึงรู้สาเหตุของสายตาแรงๆ นั้น “โซ่ นายทำคอฉันเป็นรอยหมด ฉันจะกล้าไปเจอแม่ได้ยังไง” “เหรอ” ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ต้นคอเธอเป็นรอยแดงๆ อยู่หลายจุด เพราะเมื่อคืนผมก็ดูดไปหลายที เมื่อเช้าก็ดูดซ้ำอีก...มันหวงอะ ต้องอยากแสดงตัวนิดๆ หน่อยๆ “น้าฝนรู้อยู่แล้วน่า ไม่ต้องอายหรอก” “นายไม่ได้มีรอยแบบฉันก็พูดได้นี่” “อะ ให้กัดคืน จะเอากี่รอยก็เอา” ผมยื่นหน้ายื่นคอไปให้เธอกัด แน่นอนว่าไม่โดนกัดโดนดูดแต่โดนหยิกแขนทน “ออ หยิกแขนก็ได้น้ำริน หยิกเยอะๆ จะได้เหมือนกับว่าเมื่อคืนเราร้อนแรงแค่ไหน” “โซ่” น้ำรินตวาดผมด้วยอาการโมโหสุดๆ เหมือนกัน “ไม่ต้องพูดได้ไหม เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรแบบนั้นเสียหน่อย” “แน่ใจได้ยังไง ขนาดฉันยังไม่มั่นใจตัวเองเลย” จริงๆ ผมมั่นใจว่าไม่ได้ล่วงเกินอะไรเธอมากกว่าดูดคอจนเป็นรอย...ก็ผมไม่ได้เมาขนาดนั้น ที่ทำก็ตั้งใจนั่นแหละ ความเมามันแค่ทำให้มีข้ออ้าง “ก็ฉันหลับ” “ฉันอาจจะลักหลับเธอก็ได้” พอผมพูดแบบนี้น้ำรินก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมา “โซ่ ฉันต้องกินยาคุมฉุกเฉินไหม” “ไม่ต้องหรอก ไม่ได้ถึงขั้นนั้น” ผมก็เลยต้องเลิกแกล้งเธอ ให้น้ำรินสบายใจ ไม่ต้องไปหายาคุมมากิน เธอเอียงคอมองผมอย่างสงสัย และผมก็ดันหัวไว ปากไว “ทำไม สงสัยเหรอว่าถึงขั้นไหน ก็...” “ไม่ต้อง ไม่ต้องพูดแล้ว” เธอถอนหายใจแรงๆ หันไปมองตัวเองในกระจก ส่องคอตัวเองแล้วพยายามเอาแป้งพัฟฟ์ตบ...แต่มันก็ยังเห็นเป็นรอย “มันปิดไม่ได้เหรอ” ผมถาม “ฮื่อ ปกติน่าจะต้องใช้รองพื้น คอนซิลเลอร์อะไรแบบนั้น แต่ฉันไม่เคยใช้” “แต่ก็ได้อยู่นะ ไม่เห็นชัดเท่าไหร่แล้ว” ผมพยายามปลอบใจเธอ น้ำรินก็เอียงๆ คอ ส่องกระจกไปมา แล้วก็ถอนหายใจอย่างปลงๆ “ฉันอาบน้ำแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวไปบ้านเธอกัน” ผมรู้สึกกระตือรือร้นที่จะไปสารภาพความผิดและรับโทษกับน้าฝนอย่างเป็นทางการจัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD