เขาอ่อยหรือเปล่า

869 Words
หลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันก็พยายามไม่ไปวุ่นวายกับเขาจนเกินเรื่อง ไม่ดื้อจะไปไหนมาไหนกับเขา แต่ก็ยังวุ่นวายในชีวิตของเขาอยู่ดี และอาจเพราะว่ามันมอหกแล้ว โซ่ถึงยอมให้ฉันติวหนังสือให้ พาแก้ศูนย์ ร. มส. ให้เรียบร้อย จนถึงสอบเข้ามหาวิทยาลัย เคยคิดว่าอาจจะต้องยอมห่างจากเขาในที่สุด เก็บความรู้สึกตัวเองให้ลึกสุดใจ ปล่อยให้มันตกตะกอนไปตามกาลเวลา เพราะคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ อีกแล้ว ฉันสอบได้ตั้งแต่รอบแรกๆ เลย...ไม่คิดว่าคนที่รำคาญฉันนักหนาจะตามมาอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน แม้จะคนละสาขาก็เถอะ แบบนี้ฉันก็คิดได้ใช่ไหมว่าเขาตั้งใจตามมา ถึงจะรู้ว่าความจริงโซ่จะไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวเลยก็เถอะ แต่ว่าโอกาสมาถึงแล้ว อย่างน้อยๆ สี่ปีที่ได้เรียนด้วยกัน ก็ต้องพยายามหน่อย วันนี้ฉันลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า แล้วเดินไปปลุกคนป่วยที่ห้อง เผื่อได้ออกไปพร้อมเขาเลย เดินไปถึงหน้าห้องแล้วก็วิดีโอคอลหา “อะไร” เขายังงัวเงียแบบคนเพิ่งตื่น ผมยุ่งๆ ตาจะลืมไม่ขึ้น “นายบอกจะกลับแต่เช้าไม่ใช่เหรอ เลยมาปลุก” “อยากรีบไล่กลับขนาดนั้น” แน่ะ มาทำเป็นงอน แล้วโซ่ก็วางโทรศัพท์คว่ำบนเตียง ไม่ให้ฉันเห็นอะไรอีก ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับความดื้อของโซ่ จับลูกบิดประตูอย่างไม่รู้จะทำอะไร แต่ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อก ยืนแปลกใจอยู่แป๊บเดียวก็ยิ้มกว้าง แบบนี้ตั้งใจไม่ล็อกประตูให้ฉันเข้าไปหาได้ง่ายๆ หรือเปล่า เดินเข้าไปในห้องที่ค่อนข้างมืดในเวลาหกโมงเช้า พอไปถึงเตียงก็เห็นว่าเขานอนคว่ำ แบบที่ไม่ใส่เสื้อผ้า ผ้าห่มคลุมถึงแค่เอว...มานอนบ้านคนอื่นไม่ใส่เสื้อผ้าดีๆ แต่ก็แอบมอง มองเสี้ยวหน้าคนหลับที่เขาหันไปอีกฝั่ง เป็นท่านอนที่น่ารักและก็หล่อจัง เฮ้อ ฉันหลงโซ่ขนาดนี้แหละ “โซ่ ตื่นก่อนไหม นายจะไปเรียนไม่ทัน” กว่าจะกลับคอนโด กว่าเขาจะอาบน้ำแต่งตัว “อือ ยุ่ง รำคาญ” เฮ้อ รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำก็ได้ ฉันยังไม่ละความพยายามที่จะปลุกเขา แต่พอเอามือไปแตะตัวก็พบว่าตัวเขาอุ่นกว่าเมื่อวาน แม้จะไม่ร้อนจี๋ขนาดตอนแรก “ทำไมตัวร้อนล่ะ” “เป็นไข้ไง น้ำริน อย่าถามมากได้ไหม ปวดหัว จะนอน” ก็เลยเข้าใจอารมณ์คนป่วย “ตกลงไม่ไปเรียนใช่ไหม” “ไม่ ง่วง” “ก็ตามใจ แต่นายน่าจะเช็ดตัวหน่อยนะ” ซึ่งฉันก็ควรต้องเช็ดให้ใช่ไหม คิดได้แบบนั้นก็ยิ้มที่จะได้หาเรื่องลวนลามเขา ลุกไปหาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำมาสองสามผืน แตะลงบนใบหน้าเสี้ยวหนึ่งนั้น “อือ ยุ่งน่า” เขาบ่นโดยที่ยังหลับตาอยู่ แต่ก็เช็ดลงมาตามลำคอ แขน แผ่นหลัง ไม่ได้บังคับให้เขาพลิกตัวให้เช็ดทุกพื้นที่เหมือนเมื่อวาน แต่จู่ๆ เขาก็พลิกตัวนอนหงาย แขนข้างหนึ่งรองศีรษะ มองฉันด้วยสายที่ทำให้ทำตัวไม่ถูกเลย แต่ก็คิดว่าไหนๆ เขาก็นอนหงายแล้ว ควรเช็ดตัวด้านหน้าด้วย แต่มันต่างจากเมื่อคืนนะที่มือสั่นใจสั่นไปหมด เมื่อคนที่ไม่ป่วยมากเท่าเมื่อคืนนอนมองฉันในท่านี้ เมื่อคืนก็เห็นนะว่าเขาขาวแค่ไหน อกแน่นแค่ไหน หัวนมสีชมพูแค่ไหน กล้ามท้องเป็นลอนแค่ไหน แต่เมื่อคืนมันร้อนใจกับอาการป่วยเขามากกว่า เลยไม่ได้รู้สึกร้อนแก้มวูบวาบแบบนี้ เลยรีบๆ ถู รีบๆ เช็ดให้เสร็จ “กี่โมงแล้ว” คนที่บ่นง่วงนักง่วงหนาหาเรื่อง...คุยเฉยเงย แถมยังนอนท่าเดิมมองฉัน ท่านี้มันดูเขาตั้งใจอวดตัวเองยังไงไงไม่รู้ “หกโมงสิบนาที” “แล้วแต่งตัวอะไรแต่เช้า” “ก็คิดว่านายจะกลับแต่เช้าไง ลุงศรจะได้ไปส่งทีเดียว” “งั้นเหรอ” เขาทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก “งั้นฉันอาบน้ำแป๊บหนึ่ง” “ตกลงหายปวดหัวแล้วเหรอ” “อืม เธอเช็ดตัวให้แล้วมันเย็นๆ ดี” คำตอบนั้นทำให้เราเผลอมองตากันอยู่เสี้ยววินาทีหนึ่ง ฉันกะพริบตาไปสองสามทีถึงดึงสติตัวเองกลับมาได้ “พูดว่าขอบคุณน่ะ เป็นไหม” พอฉันทำเป็นทวงคำขอบคุณเขาก็ส่ายหน้าระอา “ไม่ได้ขอ วุ่นวายเอง” เขาสะบัดผ้าห่มออกแล้วลุกลงจากเตียงด้วยบ็อกซ์เซอร์ตัวเดียว ก้าวลงมาทางที่ฉันนั่งอยู่ด้วยจนต้องเสมองไปทางอื่น...ก็เขาเกือบจะโป๊อะ เฮ้อ ทำดีด้วยขนาดนี้เขายังหาว่าฉันวุ่นวาย...ปากไม่ดี แต่ตัวเขาอะดี อ่อยฉันให้หลงเขาอีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD