แค่เพื่อน...เขาก็คงไม่อยากเป็น

1562 Words
“เจอกันคาบต่อไปครับ” ทันทีที่อาจารย์เอ่ยจบคลาสฉันก็ขยับแว่นสอดส่องมองหาเขาด้วยความเคยชิน เห็นโซ่กับแก๊งเพื่อนๆ เขาลุกจากที่ก็รีบลุกตาม “อุ๊บอิ๊บ เจอกันพรุ่งนี้นะ” บอกลาเพื่อนแบบไม่หันไปมองสักนิด ซึ่งอีกฝ่ายคงชินกับอาการแบบนี้ของฉันแล้วละ ฉันรีบขยับออกจากโต๊ะเรียนแบบต่างระดับ และกึ่งเดินกึ่งวิ่งให้ทันเขา ไปทันตอนเดินพ้นประตูห้องพอดี เห็นกลุ่มเพื่อนๆ ของโซ่คุยกับเพื่อนผู้หญิงอีกกลุ่มอารมณ์ดีก็รีบเข้าไปเกาะแขนเขา “ไปกันเถอะ” ฉันยิ้มให้เขา และยิ้มให้เพื่อนๆ ของโซ่ที่ดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย แต่ทุกคนก็ยิ้มทักทายฉันตามมารยาท ขณะที่ตัวเองก็ฝืนยิ้มแบบใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าโซ่จะดึงแขนฉันออกไหม “อ้าว มีนัดแล้วเหรอ” เพื่อนผู้หญิงสาขาเดียวกันกับโซ่ถามเรา “อืม” ฉันตอบแบบขี้ตู่ เพราะความจริงไม่ได้นัดอะไรโซ่ไว้ทั้งนั้น “ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” ฉันยิ้มให้เพื่อนๆ ของเขาแล้วลากอีกฝ่ายแยกออกมาเลย กลัวว่าถ้ายังเดินไปพร้อมกันเป็นกลุ่มนานไปกว่านี้ โซ่จะไม่ยอมไปกับฉัน ผู้ชายตัวใหญ่สูงร้อยแปดสิบห้าไม่ได้ยอมให้ฉันบังคับเดินเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนแบบจริงจัง พอฉันมั่นใจว่าหลุดออกจากกลุ่มเพื่อนๆ เขาแล้วก็ถอนหายใจ รีบปล่อยเขา...ก่อนที่อีกฝ่ายจะกระชากแขนฉันออกแล้วบ่นหรือด่าสักคำ “โซ่ วันนี้ไปหาอะไรกินก่อนนะ แม่ไปงานเลี้ยง กลับบ้านดึก ฉันไม่อยากอยู่บ้านกับน้าเกมตามลำพัง” แม่ฉันแต่งงานใหม่ได้สองปีแล้ว กับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าแม่ถึงสิบสี่ปีและมากกว่าฉันแค่สิบสองปี ลำพังแค่คำว่าสามีใหม่แม่มันก็ไม่สนิทใจอยู่แล้ว แต่นี่ฉันยังรู้สึกว่าเขาแปลกๆ “ไม่ไป” คำปฏิเสธห้วนๆ แบบไร้เยื่อใยนั้นทำให้ฉันใจแป้ว “แล้วนายจะไปไหน” เขาไปไหนฉันก็ไปด้วยแหละนาทีนี้ เรื่องข้ออ้างนั้นก็ส่วนหนึ่ง อยากอยู่กับเขาด้วยก็ส่วนหนึ่ง เข้าปีหนึ่งมาเดือนเดียวโซ่ฮอตมาก ไม่อยากให้เขาคลาดสายตาบ่อยๆ ถ้าเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปก่อนคงเศร้ากว่านี้แน่ เราเรียนคณะเดียวกัน คนละสาขา เขาเรียนวิศวะโยธา ฉันเรียนไฟฟ้า และปีหนึ่งมันเรียนวิชาพื้นฐานเหมือนกันหลายๆ วิชา “กลับห้องไปนอน” “งั้นฉันกลับห้องกับนายด้วย” ฉันโพล่งออกไปแบบไม่คิด ไม่ต้องกลัวว่าไม่ปลอดภัยหรอก...ถ้าโซ่จะคิดอะไรอกุศลกับฉันสักนิดอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้ เขาไม่ได้ตกลงหรือปฏิเสธ แค่ถอนหายใจแรงๆ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขารำคาญและอึดอัดใจแค่ไหน โซ่ไม่ใช่คนพูดมาก แต่ทุกอารมณ์มันสื่อผ่านสายตาเหยี่ยวคู่นี้ที่ทำให้ฉันใจหวิวๆ ทุกครั้ง แม้จะเดาความรู้สึกยากแค่ไหน แต่ไอ้อารมณ์ที่เบื่อหน่ายหรือรำคาญฉันมันเดาได้ไม่ยากเลย ก็เลยพยายามไม่มองหน้าให้เห็นอารมณ์ในนั้นให้ตัวเองช้ำใจเล่น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โซ่เมินฉัน ไม่สนใจ ไม่อะไรทั้งนั้นแม้แต่คำว่าเพื่อนเขาก็คงไม่อยากนับ แต่ฉันก็หน้ามึนทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนที่สนิทกันนักหนา...ทั้งๆ ที่มันห่างกันออกไปเรื่อยๆ ฉันก้าวช้าลงเพราะเร่งเดินจนเหนื่อยใจ ทำให้คนขายาวที่ก้าวฉับๆ เดินห่างออกไปจนหลุดระยะโฟกัสที่แว่นสายตาฉันจะมองได้ชัด เหมือนกับว่า ถ้าฉันเหนื่อยมากกว่านี้อีกแค่อึดใจเดียว เขาก็คงหลุดลอยออกไปจากชีวิตจริงๆ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเห็นแผ่นหลังเขาชัดขึ้น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เร่ง จนเดินมาใกล้เขาอีกครั้งในที่สุด แค่อะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่คิดเข้าข้างตัวเองได้ก็ทำให้ฉันยิ้มออกด้วยหัวใจเบิกบาน แม้ว่าจริงๆ โซ่อาจจะแค่หยุดรอข้ามถนน ระหว่างที่กำลังเอาแต่มองหน้าเขาด้วยความชื่นใจ ข้อมือก็ถูกเขาดึงให้ข้ามถนนด้วยกัน มันไม่ทันตั้งตัวจนเหมือนจะตัวปลิวตาม ตกใจในเสี้ยววินาทีหนึ่งก็เอาแต่ยิ้ม จนข้ามมาอีกฝั่งด้วยกัน ยังยิ้มด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่นแม้โซ่จะปล่อยมือแล้วล้วงกระเป๋าก้าวยาวๆ ต่อ ไม่หันมามองมาคุยกันสักคำ คราวนี้เขาเดินเร็วมาก และฉันก็ไม่เหนื่อยที่จะเดินเร็วๆ ตาม จนถึงรถยนต์ของเขาที่จอดไว้ ฮือ ผู้ชายที่ทำให้ฉันเสียใจและดีใจกลับไปกลับมาได้ในเวลาไม่กี่วินาที เขากดรีโมตเปิดรถ ฉันก็รีบเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งก่อน กลัวว่าเขาจะออกรถโดยไม่รออะไรแบบนั้น “โซ่ เห็นว่านายได้เป็นตัวแทนประกวดเดือนคณะเหรอ” ฉันได้ยินผ่านๆ หูมาจากเพื่อนๆ ในสาขา ซึ่งพอถามแบบนั้นหน้าเขาก็ตึงขึ้นมาอีกขั้น “เป็นไปได้ไง นี่ว่าคณะเรามีคนหล่อกว่านายตั้งเยอะ อย่างไนซ์ เพื่อนสาขานายน่ะ ฉันว่าหล่อ” หาเรื่องชวนคุยไปเรื่อยเพราะรู้ว่าโซ่จะไม่โต้ตอบพูดคุยอะไรกับฉันมากมายหรอก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจอีกเฮือก ไม่รู้ว่าเพราะรำคาญที่ฉันพูดมาก หรือไม่พอใจที่ฉันบอกเขาไม่หล่อกันแน่ ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับฉันน่ะโซ่หล่อที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ให้ชมตรงๆ ก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เลยหาเรื่องกวนเขาไปงั้น “เธอสนใจอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ” แต่พอโซ่คุยโต้ตอบด้วยก็ทำให้ประหลาดใจจนคิดคำตอบไม่ทันไปชั่วขณะ “ทำไมเหรอ” แต่ก็ต้องพยายามหาคำพูดคุย นานๆ ทีจะชวนเขาคุยด้วยได้สักเรื่อง “เมื่อก่อนไม่เห็นสนใจประกวดอะไรพวกนี้” โซ่คงหมายถึงตอนเรียนมัธยม ที่ฉันไม่เคยไปสนใจเรื่องการประกวดดาวเดือนหรือไอดอลอะไรหรอก ยกเว้นว่าโซ่จะขึ้นแสดงดนตรีถึงจะไปดู “อืม มาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วรู้สึกเจอผู้ชายหล่อเยอะมั้ง” ก็อ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ ไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่เอาจริงๆ ฉันไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้เลย ใครจะหล่อจะฮอตไม่เคยเอาเข้าหู...เอาแค่โซ่เข้ามาในใจคนเดียว “กำลังคิดอยู่ว่าจะประกวดดีไหม” คำถามนั้นทำให้ฉันหูผึ่ง หมายความว่าโซ่ยังไม่ได้ตอบตกลงที่จะประกวด เลยรีบห้ามเขา “ไม่ต้องประกวดหรอก น่าเบื่อ” ใครจะอยากให้คนอื่นมาสนใจเขามากไปกว่านี้ แค่นี้ก็ได้ยินชื่อเขาผ่านหูเกือบทุกวัน “ฉันตอบตกลงพี่ๆ ดีกว่า” “เอ๊า” เหมือนเขาตั้งใจแกล้งฉันเลย “เอ๊าทำไม ก็เห็นเธอสนใจ” นี่ฉันกลายเป็นคนที่ทำให้เขาตัดสินประกวดอย่างนั้นเหรอ ฉันถอนหายใจอย่างเซ็งๆ งอนๆ แล้วหมดอารมณ์จะชวนโซ่คุยไปเลย เขาก็ไม่คุยไม่ง้อฉันแน่นอนอยู่แล้ว จนเรามาถึงคอนโดของโซ่ เราขึ้นลิฟต์มาด้วยกันจนถึงห้องโซ่ที่ฉันเคยมา ตั้งแต่ที่พาเขามาดูห้องกับพ่อเขาและแม่ฉัน และก็เนียนมาขอเล่นห้องเขาอีกสองสามครั้ง พอมาถึงห้องโซ่ฉันก็จองโซฟาตรงปลายเตียงเขาเลย ห้องโซ่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เปิดประตูมาก็เป็นพื้นที่ครัวเล็กๆ แล้วก็พื้นที่โล่งๆ มีเตียงขนาดคิงส์ไซซ์ตรงกลาง โซฟาตัวยาวปลายเตียงหน้าทีวีติดผัง ด้านข้างเป็นระเบียง โต๊ะกลมกับเก้าอี้ตรงนั้นหนึ่งตัว ส่วนอีกฝั่งถึงเป็นตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน ห้องน้ำ พูดง่ายๆ คือเป็นห้องที่เราสามารถมองเห็นเกือบทุกมุมของห้องไม่ว่าเราจะอยู่จุดไหน ยกเว้นตอนที่ฉันนั่งหันหลังให้เขา ไม่มองว่าโซ่จะทำอะไร จนรับรู้ว่าเขากระโดดขึ้นเตียง ผ่านไปสักพักถึงก็ทิ้งตัวนอนบ้าง อ่านนิยายในแอปโดยไม่เปิดทีวีเพราะรู้ว่าเขาชอบความมืดและเงียบ ถึงได้ติดม่านสีทึบ ถ้าไม่เปิดไฟหรือเปิดม่านห้องก็มืดเกือบสนิท “อือ...” ระหว่างกำลังอ่านนิยายเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงโซ่คราง เหมือนคนละเมอ แล้วก็ส่งเสียงไม่หยุด เลยลุกไปดู เปิดไฟหัวเตียงก็เห็นว่าเขาดูกระสับกระส่าย หน้านิ่วคิ้วขมวด ส่งเสียงที่ดูทรมานในลำคอ เลยเขย่าแขนจะปลุกเลยรู้ว่าตัวเขาร้อนจี๋เลย ร้อนจนน่าตกใจ ต้องรีบเขย่าปลุก “โซ่ โซ่ ตื่นก่อน ตัวร้อนจี๋เลย” ฉันถึงเพิ่งนึกออกว่าที่โซ่อยากรีบกลับห้องเขาอาจจะรู้สึกไม่สบาย เอาบทนำมาเสิร์ฟก่อนค่า ฝากเป็นกำลังใจให้น้ำรินด้วยน้าา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD