แหวนนี้...จองเป็นเจ้าสาว

1146 Words
“ใช่ไหม อยู่ใครอยู่มันไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันก็ไม่เป็นไรเนอะ” “อืม ชีวิตใครชีวิตมัน” ฉันยิ้มขอบคุณโซ่ การที่เขามีประสบการณ์มาก่อนคงเข้าใจอะไรตรงนี้ได้ดีกว่า พ่อแม่เราเป็นแก๊งเพื่อนสนิทกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย คบกันตั้งแต่สมัยเรียน เรียนจบก็แต่งงานกัน...แต่ก็เลิกรากันตั้งแต่เรายังเด็กๆ ทั้งคู่ คู่ของพ่อแม่โซ่แม้จะเลิกกันแล้วแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ และทั้งคู่ก็แต่งงานใหม่แล้ว แต่คู่ของพ่อแม่ฉันเหมือนจะเกลียดกันไปเลยเพราะพ่อมีชู้...แล้วก็ไม่ค่อยมาสนใจอะไรฉันด้วย แม่เลยเหมือนเลี้ยงฉันมาคนเดียวตั้งแต่สามขวบ “โซ่ ขอเดินดูอะไรแป๊บหนึ่งได้ไหม กลับทุ่มครึ่งดึกไปไหม” ฉันถามหลังจากที่พากันออกมาร้านชาบูแล้ว “อืม” เขาตอบรับง่ายๆ ฉันก็พาเขาลงลิฟต์ไปชั้นใต้ดิน เดินดูร้านต่างๆ จนมาถึงร้านประดับทำมืออาร์ตๆ สวยๆ ก็แวะ เพราะชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว “น้ำรินที่เธอบอกว่าฉันเคยให้แหวนเธอ จองเธอเป็นเจ้าสาวตอนปอสองน่ะเรื่องจริงเหรอ” จู่ๆ เขาก็ถามสิ่งที่เคยเกิดขึ้นตอนฉันไปเที่ยวภูเก็ตตอนปอสองที่เจ้าตัวบอกว่าจำไม่ได้ “จะโกหกทำไมล่ะ” “ก็ไม่เห็นใส่แหวน” “ปอสอง เจ็ดขวบ ตอนนี้สิบห้า แหวนมันจะใส่ได้ยังไง” “เหรอ แล้วเก็บไว้มั้ย” “อืม ไม่แน่ใจ” ถึงมันจะเป็นความทรงจำที่น่ารัก แต่ฉันในวัยเด็กก็คงจะไม่ได้มีความสามารถในการเก็บรักษาแหวนวงเล็กๆ ขนาดนั้น “วงนี้กี่บาทครับ” แล้วเขาก็หยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาพร้อมถามเจ้าของร้าน “เป็นงานพลอยนะคะ วงนี้สามพันหนึ่งร้อยยี่สิบเก้าบาทค่ะ เป็นพลอยนำโชคเรื่องความรัก” “ลองสวมดูหน่อย” เขาหันมาบอก แต่ฉันยังยืนอึ้งอยู่ โซ่ก็เลยจับมือฉันขึ้นมาดู ตอนแรกเขาสวมนิ้วนางข้างซ้ายแต่เหมือนมันจะหลวมนิดๆ เลยเปลี่ยนเป็นนิ้วกลางแทน “พอดี เอาวงนี้แหละครับ สแกนนะครับ” แล้วเขาก็หยิบมือถือมาสแกนจ่ายเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก แบบที่ฉันยังจับต้นชนปลายไม่ถูก “ซื้ออะไรอีกไหม” พอเขาถามก็ส่ายหน้า ลืมไปเลยว่าตัวเองอยากซื้ออะไร เดินตัวลอยใจลอยให้เขาจูงออกจากร้าน กว่าจะตั้งสติได้ “โซ่ ที่ซื้อแหวนให้นี่ตั้งใจจองเป็นเจ้าสาวจริงจังใช่ไหม” แซวคนข้างๆ มองแหวนพลอยรูปดอกไม้บนนิ้วตัวเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เพ้อเจ้อ” แต่คำตอบแบบเอือมระอานั้นก็ทำให้หุบยิ้มแทบไม่ทัน หันไปมองแรงใส่คนข้างๆ ที่ยังเดินเชิดคอมองตรงไม่คิดจะหันมาคุยกันให้รู้เรื่อง “แล้วซื้อแหวนให้ทำไมอะ” “ก็เธอพูดบ่อยเรื่องแหวนเลยนึกได้ ก็เลยซื้อให้” คำอธิบายนั้นทำให้ฉันเข้าใจว่าโซ่คงซื้อให้เฉยๆ เพราะนึกถึงเรื่องราวตอนเด็กๆ นั่นแหละ มันไม่มีอะไรจริงจังตั้งแต่แรก นึกขึ้นได้ก็ซื้อให้ไปงั้นๆ จะให้เขามาจองเป็นเจ้าสาวเหมือนในนิยายมันก็ไม่ใช่สไตล์โซ่จริงๆ นั่นแหละ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ชอบฉันด้วย...แล้วฉันชอบเขาเหรอ ฉันยังไปไหนมาไหนกับโซ่หรือกลุ่มเพื่อนโซ่อยู่เรื่อยๆ กว่าฉันจะเจอเพื่อนกลุ่มตัวเองที่ไปไหนมาไหนด้วยกันก็ท้ายเทอมหนึ่งเลย เราเลยห่างๆ กันบ้าง เพราะแก๊งเพื่อนผู้ชายของโซ่ก็จะมีความเกเรของพวกเขา โดดเรียนบ้าง แอบไปดื่มเบียร์ดื่มเหล้าบ้าง ที่เขาก็ไม่ได้อยากให้พวกฉันที่ไม่ได้ชอบเรื่องแบบนั้นไปยุ่งด้วย เราก็จะคุยกันแค่ในห้องเรียน หรือเวลากินข้าวเที่ยง หรือหลังเลิกเรียนนานๆ ครั้ง จนช่วงมอห้าที่น้าแซมขอให้ฉันช่วยควบคุมพฤติกรรมโซ่ให้หน่อย เพราะเกรดเขาตกอย่างหนัก ติดศูนย์ ร. มส.อีกหลายตัว เปิดเทอมมาก็นั่งติวให้เขาหลังเลิกเรียนเพราะโรงเรียนเปิดโอกาสให้แก้ตัวแค่หนึ่งเดือน โซ่ต้องแก้ให้ผ่านอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้นอาจจะต้องกลับไปเรียนมอสี่ใหม่ “ไม่ต้องติวแล้ว หัวจะระเบิดแล้วเนี่ย” เขาปิดชีทวิชาคณิตศาสตร์ที่ฉันกำลังนั่งติวให้ตั้งแต่บทแรกๆ เพราะในหัวโซ่ไม่มีอะไรเลย “อย่าเวอร์น่า เพิ่งทำไปสามข้อเอง” ฉันสวนกลับ คือตั้งแต่ที่เป็นเพื่อนกันมาหนึ่งปีเต็มๆ เพิ่งมาทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้แหละ ปกติโซ่ตามใจฉันทุกอย่าง เป็นคนเงียบๆ อะไรก็ได้ ไม่เคยมีเรื่องให้เถียงกัน “สามข้อเธอมันข้อละหนึ่งหน้ากระดาษ” “วิชาคำนวณก็แบบนี้แหละ มีฟิสิกส์ กับเคมีอีกนะ” เทอมสองโซ่ติดเกือบทุกวิชาเลย บางวิชาครูให้ทำงานส่ง ฉันก็รับปากน้าแซมว่าจะช่วย แต่บางวิชาก็ต้องสอบซ่อมให้ผ่าน คือโซ่เขาหัวดี แต่เขาไม่เรียนไง มันก็ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะบอกว่าไม่รู้เรื่อง “เธออย่าพูดไปไกลขนาดนั้น แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว” “งั้นสอบคณิตกับอังกฤษให้ผ่าน ส่วนวิชาอื่นๆ ฉันช่วยทำงาน ให้มันได้ครึ่งหนึ่งของที่ติดก่อน” เขาถอนหายใจแรงๆ หยุดเถียงให้ฉันอธิบายโจทย์ข้อนี้จนจบ “อะ นายลองทำแบบฝึกสามข้อนี้ ถ้าทำได้วันนี้เราพอ” ซึ่งเจ้าตัวก็ลองทำ แบบที่ฉันก็นั่งดูทุกขั้นตอน “เห็นไหม นายหัวไวจะตาย งั้นเอาอีกเรื่อง สุดท้ายจริงๆ ละ” พอฉันบอกแบบนั้นเขาก็หันมามองแรงใส่ ฉันทำหน้ามึนๆ เปิดชีทเรื่องต่อไป แต่ยังไม่ถึงไหนโซ่ก็ดึงแว่นฉันออก “ได้ข่าวว่าเพิ่งตัดแว่นใหม่ ไหนดูซิ ใส่เข้าไปได้ยังไงเนี่ย” เขาหยิบแว่นฉันไปใส่เฉยเลย “โซ่ เอามา มันมองไม่ชัด” ค่าสายตาฉันเพิ่มอีกแล้ว แบบที่ไม่สามารถจะสอนเขาแบบไม่ใส่แว่นได้เลย “มองไม่ชัดก็ไม่ต้องสอนแล้ว กลับ” ฉันก็หงุดหงิดที่โดนแกล้ง พยายามแย่งแว่นคืนแต่เขาก็ลุกหนี ดึงแว่นไว้สูงๆ ให้ฉันแย่งไม่ได้ ฉันก็ปัดๆ ป้ายๆ ไป แล้วทำยังไงไม่รู้โซ่ก็ทำแว่นฉันตก จังหวะที่ฉันผลักเขาไปเหยียบ ได้ยินแต่เสียง แกร๊บ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD