คิรากรเดินลิ่วเข้ามาหาไออุ่นในห้องพยาบาลของโรงเรียนโดยมีอลีนาวิ่งตามหลังมาติดๆ วินาทีแรกที่ชายหนุ่มเห็นลูกสาวตัวน้อยนอนหมดแรงอยู่บนเตียงก็ใจหายวาบ เมื่อครู่นี้เธอยังวิ่งเล่นกับเพื่อนอย่างร่าเริงได้อยู่เลย ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
“เป็นยังไงบ้างคะไออุ่น” ชายหนุ่มนั่งลงที่ขอบเตียงแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าเล็กที่แดงก่ำเพราะพิษไข้ “คุณพ่อจะพาหนูไปหาคุณลุงหมอนะ”
“ไม่ไปค่ะ ไออุ่นไม่ไปหาคุณลุงหมอ” เด็กหญิงถอยหนีพร้อมร้องไห้จ้าเมื่อคนเป็นพ่อยื่นมือเข้าใกล้เพื่อจะอุ้มเธอไปหาหมอ ครูพยาบาลเข้ามาช่วยปลอบ แต่เธอก็ยังร้องไห้งอแงอยู่ “ลุงหมอฉีดยาเจ็บ ไออุ่นไม่อยากฉีดยา”
“ถ้าไออุ่นไม่ฉีดยาไออุ่นก็จะไม่หาย แล้วก็จะไม่ได้มาเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนนะ” คิรากรเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น
“ไออุ่น...ไม่ไป...ไออุ่น...ไม่ฉีดยา” ไออุ่นร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำเสียงสั่นเครือขาดห้วงโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังคุณพ่อของเธอ
อลีนามองการเจรจาของสองพ่อลูกอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงอีกด้านแล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยรอยน้ำตาออกจากแก้มของเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเล็กมนที่ร้อนผ่าว
“ไม่ร้องนะคะคนเก่ง ไปหาหมอ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย”
น้ำเสียงอบอุ่นของใครบางคนทำให้ไออุ่นชะงักไปนิดหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนพูด “คุณแม่...”
อลีนายิ้มรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นพร้อมอ้าแขนรับเด็กหญิงตัวน้อยที่โผเข้ามากอดเธอไว้แน่น
“คุณแม่มาหาไออุ่นแล้ว” เด็กน้อยร้องไห้ด้วยความดีใจจนแทบจะลืมอาการเจ็บป่วยของตัวเอง
“แม่มาหาหนูแล้วลูก แม่จะไม่ทิ้งหนูไปไหนแล้วนะคะ” คนที่สวมรอยเป็นแม่กระชับวงแขนกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มไว้แนบอกเพื่อจะส่งผ่านความรักไปถึงเธอให้มากที่สุด นึกแล้วเธอก็แปลกใจว่าทำไมอันนาถึงได้ทิ้งลูกสาวที่น่ารักขนาดนี้ได้ลงคอ
“คุณแม่จะไม่ทิ้งไออุ่นไปจริงๆ นะคะ”
“จริงค่ะ แม่เอิงสัญญา” เมื่อเห็นเด็กน้อยดีใจมากขนาดนี้ อลีนาจึงยังไม่กล้าบอกความจริงว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่แม่ตัวจริง “แต่ตอนนี้ไออุ่นต้องไปหาคุณลุงหมอก่อนนะคะ หนูตัวร้อนมาก”
“ไออุ่นไม่อยากไป” เด็กหญิงตอบเสียงเบาพลางซบหน้ากับอกแม่อย่างออดอ้อน
“ไปเถอะนะ พอไออุ่นหายแล้วเราจะได้ไปเที่ยวกันไงคะ”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิคะ ไออุ่นอยากไปเที่ยวไหนคะ แม่จะพาไปทุกที่เลย”
“ไออุ่นอยากไปทะเลค่ะ”
“ตกลงค่ะ งั้นพอไออุ่นหายแล้วเราจะไปทะเลกันนะคะ”
“คุณพ่อไปด้วยนะคะ” ไออุ่นหันไปบอกคุณพ่อของเธอ
“ไออุ่นไปไหน คุณพ่อก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว” คิรากรยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มลูกสาวที่แนบซบอยู่กับอกของอลีนา นอกจากเขาจะได้กลิ่นแป้งเด็กที่ไออุ่นใช้เป็นประจำแล้วยังมีกลิ่นหอมละมุนจากเนื้อตัวของหญิงสาวที่ลอยคลุ้งปะปนออกมาด้วย และมันก็ทำให้เขารู้สึกร้อนวูบวาบจนต้องรีบถอยห่างออกมา
“คุณอุ้มลูกไปขึ้นรถเร็ว” อลีนาบอกเมื่อเด็กหญิงยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
คิรากรอุ้มไออุ่นมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าโรงเรียน ส่วนอลีนาเดินจับมือไออุ่นเดินเคียงกันมาไม่ห่าง ชายหนุ่มจัดให้หญิงสาวนั่งที่เบาะหลังกับลูกสาวจากนั้นรีบวิ่งขึ้นรถแล้วขับออกไป ระหว่างที่ขับรถก็คอยมองผ่านกระจกส่องหลังเพื่อเช็กอาการของลูกเป็นระยะ การพาไออุ่นไปโรงพยาบาลครั้งนี้ถือว่าราบรื่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมามาก
วันนี้เด็กหญิงนอนหนุนตักอลีนาอย่างสงบ ไม่ร้องไห้ ไม่งอแง อีกทั้งท่าทีของอลีนาที่มีต่อไออุ่นก็ทำให้เขาเบาใจ เขากลัวมาตลอดว่าผู้หญิงคนนี้จะกลับเข้ามาทำให้ลูกสาวของเขาต้องเสียใจอีกครั้ง แต่เท่าที่เห็นจากมือที่กุมมือเล็กของไออุ่นไว้ตลอดเวลาก็ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอน่าจะเป็นห่วงไออุ่นไม่น้อยกว่าเขา
“นี่คุณเมื่อไหร่จะถึง ไออุ่นตัวร้อนจี๋เลย” อลีนาถามอย่างร้อนรนเนื่องจากอุณหภูมิในร่างกายของเด็กหญิงสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนน่าตกใจ
“จะถึงแล้ว” ชายหนุ่มตอบพลางเลี้ยวรถเข้าซอย ขับตรงมาอีกราวสองร้อยเมตรเจอประตูทางเข้าโรงพยาบาล
“คุณไม่รู้เหรอว่าลูกไม่สบาย ทำไมยังให้แกมาโรงเรียนอีก”
“ก่อนออกจากบ้านแกยังไม่เป็นไรเลย” เมื่อตอบออกไปแล้วคิรากรถึงนึกได้ว่า น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนนี้เขาพาไออุ่นไปงานแซยิดของมารดา กว่าจะกลับก็ดึก แถมเด็กหญิงยังร้องไห้ทั้งคืน เพราะคนที่ส่งสายตาตำหนิเขามาจากเบาะหลัง “ไม่ต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้น ไออุ่นเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ”
“ฉันเกี่ยวอะไรด้วย”
“หลังจากเจอคุณเมื่อคืน ไออุ่นก็ร้องไห้จะหาแม่ไม่หยุด ร้องอยู่เกือบสามชั่วโมงจนหลับไปทั้งน้ำตา”
อลีนาใจชาวาบเมื่อได้ยินดังนั้น เธอละสายตาจากชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่แล้วก้มลงมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของเด็กหญิงที่กำลังนอนหลับเพราะพิษไข้อยู่ที่ตักด้วยความสงสารจับใจ หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้คิรากรต้องเหยียบเบรกจนหัวทิ่ม
“ฉันขอเอาไออุ่นไปเลี้ยงเองนะ”
“ฝันไปเถอะว่าผมจะยอมให้ไออุ่นไปอยู่กับแม่แบบคุณ เท่าที่ผมยอมให้คุณเข้าใกล้แกอยู่ตอนนี้ก็มากเกินไปแล้ว” ชายหนุ่มบอกเสียงขุ่นก่อนจะก้าวลงจากรถมาเปิดประตูด้านหลัง แล้วอุ้มเด็กหญิงที่นอนหลับออกจากตักของอลีนา “คุณกลับไปได้แล้ว”
“ฉันไม่กลับ” หญิงสาวก้าวลงจากรถพลางสวนกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวพอๆ กับน้ำเสียงที่เขาออกคำสั่งกับเธอ “คุณก็น่าจะรู้ว่าถ้าไออุ่นตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอฉันจะเป็นยังไง”
“ผมรับมือกับไออุ่นได้”
เขารับมือกับลูกได้ก็จริง แต่จะทนเห็นลูกเสียใจได้แค่ไหน!
ระหว่างที่อลีนาและคิรากรกำลังเถียงกันอยู่ เพื่อนร่วมงานของหญิงสาวก็โทร. มาตามให้เข้าออฟฟิศด่วน เพราะงานมีปัญหา ทำให้เธอจำใจต้องทิ้งไออุ่นไว้กับคุณลุงหน้าดุชั่วคราว
“ออฟฟิศตามตัวด่วน ฉันต้องรีบไป เสร็จงานแล้วฉันจะรีบมาหาไออุ่น” อลีนาบอกแล้วรีบวิ่งออกไป แต่ยังไปไม่ถึงไหนก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาหาคิรากรอีกครั้ง “คุณๆ เดี๋ยวก่อน”
“อะไรของคุณอีก ผมจะรีบพาลูกเข้าไปหาหมอ” ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวอย่างรวดเร็วเพื่อพาไออุ่นเข้าไปพบหมอแล้วหันมาพูดอย่างหงุดหงิด
“ขอเบอร์คุณหน่อย ฉันจะโทร. มาถามอาการไออุ่นเป็นระยะ” อลีนายื่นสมาร์ตโฟนของตัวเองให้เขากดเบอร์ให้ ตอนแรกเขาทำท่าเหมือนไม่อยากให้เท่าไร แต่เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้เสียเวลาจึงยอมกดเบอร์ให้อย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อได้เบอร์โทรศัพท์ของเขามาแล้ว อลีนาก็ยิงเบอร์ของตัวเองเข้าเครื่องเขาทันที “เมมเบอร์ฉันไว้ด้วย มีอะไรก็โทร. มาได้ตลอดเวลา แต่เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับไออุ่นเท่านั้นนะ เรื่องอื่นไม่ต้องโทร. มา ฉันไม่อยากคุยกับคุณลุงหน้าเหวี่ยงแบบคุณถ้าไม่จำเป็น”
“พูดอย่างกับผมอยากคุยกับคุณนักนี่” คิรากรสวนกลับเสียงดุแล้วรีบอุ้มไออุ่นเข้าไปด้านใน
อลีนารีบวิ่งออกไปขึ้นรถแท็กซี่ที่มาจอดส่งผู้โดยสารที่หน้าตึกพอดี จากนั้นจึงกดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของคิรากรลงในหน่วยความจำของเครื่องในชื่อ ‘คุณลุงร็อตไวเลอร์' โดยหารู้ไม่ว่า อีกฝ่ายก็บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเธอเอาไว้ด้วยชื่อที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลยคือ ‘Devil Mom’
อลีนาก้าวลงจากรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดเทียบบริเวณหน้าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ในย่านธุรกิจซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนและโรงพยาบาลที่ไออุ่นรักษาตัวอยู่ การเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนช่วงเช้าที่รถติดค่อนข้างมากแบบนี้ก็ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งในชุดทำงานแบบกางเกงเข้ารูปสีดำเข้าคู่กับเสื้อเชิ้ตสีเดียวกัน สวมทับด้วยเสื้อสูทสีเทาควันบุหรี่สไตล์แคชชวลที่พับแขนขึ้นครึ่งศอก รีบซอยเท้าเข้าไปในอาคาร และด้วยรองเท้าส้นแหลมสูงสองนิ้วครึ่งทำให้ลีลาการสับขาของเธอดูราวกับเดินอยู่บนรันเวย์ระดับโลก
หญิงสาวยิ้มทักทายพนักงานหน้าลิฟต์อย่างคุ้นเคยก่อนจะกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นยี่สิบแปด ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานกองบรรณาธิการ VOW MAGAZINE ซึ่งเป็นนิตยสารแฟชั่นหัวนอกที่มีการตีพิมพ์และจัดจำหน่ายในยี่สิบกว่าประเทศทั่วโลก โดยอลีนารับตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการฝ่ายแฟชั่น งานที่เธอรับผิดชอบครอบคลุมถึงเนื้อหาคอลัมน์ทั้งในหนังสือเล่มและในเว็บไซต์
“มีเรื่องอะไรเจอร์รี่ ทำไมไม่ยอมบอกทางโทรศัพท์” อลีนาถามผู้ช่วยซึ่งเป็นเกย์ก้ามปูของเธอทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของฝ่ายแฟชั่น “ปกติพี่เข้าออฟฟิศสิบโมง นี่เพิ่งเก้าโมงครึ่ง โทร. ตามอยู่ได้ ถ้าเป็นเรื่องไม่สำคัญนะ แกตายแน่”
“คุณทีน่าให้ตามพี่ไปพบด่วน ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร” เจอร์รี่บอกด้วยสีหน้าหวั่นวิตกมากถึงมากที่สุด เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ามาทินาดุและเฉียบขาดมากแค่ไหน ลงว่าเรียกพบด่วนแบบนี้ต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแน่นอน
มาทินาเป็นบรรณาธิการอำนวยการหรือที่ทุกคนชอบเรียกกันว่า Managing Editor เธอเป็นสาวใหญ่วัยสี่สิบหกปี เป็นอดีตนางงามที่ผันตัวมาเป็นนางแบบที่โลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่นมานานกว่ายี่สิบปี จนกระทั่งแต่งงานและมีลูกจึงหยุดอาชีพนางแบบและมาทำงานให้แก่นิตยสารชื่อดังแห่งนี้
“น่าจะเกี่ยวกับคุณแพรวพราวนะ เจ๊เห็นเขามาหาคุณทีน่าแต่เช้า พอเข้าห้องคุณทีน่าไม่ถึงห้านาที เลขาฯ คุณทีน่าก็โทร. มาหาเอิงที่แผนก จนเจอร์รี่ต้องรีบตามเอิงมานี่แหละ” ปุยฝ้ายผู้มีอายุมากกว่าอลีนาหลายปีและรั้งตำแหน่งสไตลิสต์วางมือจากการแปะภาพ reference แฟชั่นปกเซตใหม่ลงบนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดแล้วเงยหน้าขึ้นมาบอก
“คุณแพรวพราว?” อลีนาทวนชื่อที่ไม่คุ้นหูด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“เซเลบคนดัง ลูกสาวคุณพิชัยเจ้าของโรงแรมโกลเดนวิวไง คนนี้มีข่าวว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณคิม คิรากร ด้วยนะ เห็นว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจากันอยู่”
“คิม คิรากร?” ใบหน้าของชายหนุ่มรูปหล่อ พ่อของไออุ่นลอยเข้ามาในห้วงความคิดของอลีนาทันที
“คุณคิมที่เพิ่งเปิดห้างใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยานั่นไง วันงานนี่เชิญดาราคนดังทั่วทั้งฮอลลีวูดและเอเชียมาร่วมงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อลังการ หนังสือเรายังได้รับเชิญให้ไปทำข่าวอยู่เลย” ปุยฝ้ายบอกพลางส่ายหน้าแบบไม่ได้ดั่งใจที่หัวหน้าเธอไม่ค่อยรู้จักเซเลบทั้งที่ทำงานอยู่ในวงการนี้แท้ๆ “เซเลบพวกนี้ดังจะตาย เอิงไม่รู้จักได้ไง โดยเฉพาะคุณคิม สุดหล่อของเจ๊ ถึงจะมีลูกแล้วแต่ก็ยังหล่อล่ำน่าหม่ำสุดๆ ถ้าได้สักครั้งเจ๊จะไม่ลืมพระคุณเลย”
อลีนาได้แต่ทำหน้าเบ้เมื่อถึงคุณลุงหน้าดุ เรื่องความหล่อเธอไม่เถียง แต่ความน่ากินนี่เธอขอบาย พูดแต่ละคำนี่ทั้งเข้มทั้งห้วน แถมยังชอบตีหน้าดุใส่เธออีก ใครอยากกินก็เชิญ แต่สำหรับเธอต่อให้จัดใส่จานอย่างสวยงามมาวางตรงหน้าก็กินไม่ลง
“ขอให้ได้ขอให้โดนสมใจนะเจ๊ เอิงรีบไปหาคุณทีน่าก่อน ชักช้าเดี๋ยวระเบิดลงอีก” หญิงสาวส่ายหน้าระอาใจกับความบ้าผู้ชายหล่อของเพื่อนร่วมงานแล้วรีบเดินออกไป