อลีนากลับมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมานั่งรออันนาที่ชั้นล่าง แต่รอจนกระทั่งสามทุ่มอันนาก็ยังไม่กลับ ในขณะเดียวกันคิรากรก็ส่งข้อความมาบอกเป็นระยะว่าไออุ่นถามหาแม่หนักมาก และไม่ยอมนอนจนกว่าแม่จะไปหา
หญิงสาวร้อนใจมากเพราะเป็นห่วงไออุ่นจึงโทร. ตามอันนาให้รีบกลับบ้าน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมกลับ เพราะกำลังสนุกกับเพื่อนอยู่ อลีนาจึงตัดสินใจตามไปที่ผับแล้วลากตัวน้องสาวที่เริ่มเมาออกมาคุยกันที่มุมสงบด้านนอก
“มีธุระสำคัญอะไรนักหนา ทำไมไม่รอคุยกันที่บ้าน” อันนาอารมณ์เสียมากที่ถูกขัดจังหวะ ถ้าอลีนาไม่ลากตัวเธอออกมาเสียก่อน เธอคงได้แลกเบอร์กับลูกชายนักการเมืองใหญ่ไปแล้ว
“เอิงไปหาเด็กคนนั้นมาแล้ว แกเป็นลูกสาวเอยจริงๆ”
“แล้วไง” อันนาไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“แกไม่สบาย แล้วแกก็กำลังต้องการแม่มาก” อลีนาบอกอย่างใจเย็น ทั้งที่ตอนนี้กำลังโมโหมากจนอยากจะจับตัวน้องสาวเขย่าแรงๆ ที่เธอทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนั้น “เอิงคุยกับคุณลุงที่เป็นคนอุปการะไออุ่นแล้ว เขายินดีถ้าเอยจะไปทำหน้าที่แม่ให้ไออุ่น เขาจะยอมให้เอยไปอยู่บ้านเขาเพื่อดูแลไออุ่นด้วย”
“อี๋...จะให้ไปอยู่กับคุณลุงเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก” อันนาทำปากคว่ำ กลอกตามองบน นึกถึงภาพคุณลุงแก่ๆ หัวล้าน ลงพุงแล้วอยากจะอาเจียน
“นี่เอยจะไม่สนใจลูกตัวเองจริงๆ เหรอ”
“เอยบอกเอิงแล้วว่าเอยไม่ได้ต้องการเด็กคนนั้น แกเกิดมาจากความผิดพลาด แล้วตอนนี้แกก็มีคนดูแลแล้วก็ปล่อยให้เขาดูแลกันไปสิ”
“แต่เด็กต้องการแม่นะ!”
“แต่เอยไม่ต้องการลูก!” อันนาสวนกลับเสียงแข็ง “ถ้าเอิงสงสารเด็กคนนั้นมากนักก็รับเป็นแม่เองเลยสิ เอยยกให้”
อลีนาโกรธจัดจนทนไม่ไหว ตวัดมือขึ้นตบหน้าน้องสาวอย่างแรง “เอยใจดำมาก”
“แล้วเอิงจะให้เอยทำยังไง เอยกำลังจะมีชีวิตที่ดีกับผู้ชายดีๆ เอิงจะให้เอยทิ้งอนาคตตัวเองเพราะเด็กนั่นเหรอ” อันนาเจ็บจนน้ำตาซึม ทั้งเจ็บหน้าและเจ็บใจ เธอกับอลีนาทะเลาะกันบ่อยก็จริง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะลงไม้ลงมือกันแบบนี้
“เด็กนั่นที่เอยพูดถึงคือลูกเอยนะ!” อลีนาโกรธจนน้ำตารื้นตัวสั่น ยิ่งอันนาแสดงออกว่าไม่ต้องการไออุ่นมากเท่าไร เธอก็ยิ่งสงสารหลานมากขึ้นเท่านั้น “เอิงขอถามเป็นครั้งสุดท้าย เอยไม่ต้องการลูกคนนี้จริงๆ ใช่มั้ย”
“ใช่...เอยไม่ต้องการ” อันนาย้ำเสียงหนัก
“งั้นเอิงขอ เอิงจะเป็นแม่ให้แกเอง ส่วนเอยจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนก็เชิญตามสบาย เอิงจะไม่บอกให้ไออุ่นรู้ว่ามีแม่ใจดำแบบเอย แล้วเอยก็ห้ามยุ่งกับแกเด็ดขาด”
“อยากได้ก็เอาไปเลย แล้วไม่ต้องมาพูดเรื่องเด็กคนนี้กับเอยอีกนะ เอยไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น” พูดจบอันนาก็สะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในผับอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด
อลีนามาถึงโรงพยาบาลตอนเกือบห้าทุ่ม หญิงสาวหยุดยืนที่หน้าประตูเพื่อปรับอารมณ์ขุ่นมัวให้เป็นปกติ ก่อนจะบิดลูกบิดเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างเพื่อไม่ให้ไออุ่นเห็นว่าเธอกำลังเศร้า
“แม่เอิงมาแล้วค่ะไออุ่น”
“ชู่...ลูกหลับแล้ว” คิรากรที่นั่งอยู่ข้างเตียงลูกสาวหันมาจุ๊ปากให้เธอเบาเสียงลง “เพิ่งหลับไปเมื่อกี้นี้เอง”
“คุณเก่งนะเนี่ย ทำยังไงแกถึงยอมนอนคะ” อลีนาเดินเข้ามามองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของเด็กหญิงที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม ในอ้อมกอดมีตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีชมพูตัวโปรดที่คนเป็นพ่อสั่งให้พี่เลี้ยงเอามาให้
“ผมบอกว่าถ้าแกตื่นขึ้นมาแล้วแกจะได้เจอคุณ แกก็เลยยอมนอน” ชายหนุ่มระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยล้าแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ตั้งแต่เช้าจนถึงดึก เขาสูญเสียพลังงานไปมากกับเด็กป่วย “บางครั้งเด็กก็หลอกง่ายแบบนี้แหละ”
“ทำไมพูดแบบนั้นคะ คิดว่าฉันจะไม่กลับมาหาแกเหรอ” อลีนาวางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนโต๊ะกินข้าวตัวเล็กแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับเขาด้วยสีหน้าหม่นหมอง ในเมื่อไออุ่นหลับแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องแสร้งทำเป็นร่าเริง
“ผมไม่กล้าคาดหวังให้คุณกลับมาหรอก”
“ยังไงฉันก็ต้องกลับมาค่ะ ฉันจะไม่ทิ้งไออุ่นเหมือนแม่ของแกเด็ดขาด” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพร้อมกับมีน้ำตารื้นขึ้นแตะขอบตาจนร้อนผ่าว
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ชายหนุ่มเอียงตัวยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางบนโซฟาเพื่อจะมองหน้าคนที่นั่งข้างกันให้ถนัดตา
“ฉันคุยกับเอยแล้ว” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าอ่อนใจ
“น้องสาวคุณไม่ต้องการไออุ่น?...” เขาเดาไว้อยู่แล้วว่าผลจะต้องออกมาเป็นแบบนี้
อลีนาพยักหน้ารับพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงพรูออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างกลั้นไม่อยู่
“คุณร้องไห้ทำไม” คิรากรตกใจที่อยู่ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมา
“ฉันทะเลาะกับเอย ฉันตบหน้าเขา” หญิงสาวบอกทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกผิด พ่อกับแม่สอนมาตลอดว่าเป็นพี่น้องกันต้องรักกัน แต่วันนี้เธอโมโหมากจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “เราทะเลาะกันบ่อยก็จริง แต่ก็ไม่เคยทำรุนแรงกันแบบนี้ แต่ฉันโกรธมากจริงๆ ที่เอยพูดถึงไออุ่นแบบนั้น”
“เอยพูดอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงอ่อน
“เอยบอกว่าไม่ต้องการไออุ่น แม่ประเภทไหนที่กล้าพูดว่าไม่ต้องการลูก ฉันรู้ว่าเอยไม่ใช่คนนิสัยดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะแย่ได้ถึงขนาดนี้”
คิรากรขยับตัวเข้าใกล้คนที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่กับฝ่ามือของตัวเองอย่างน่าสงสาร เขาไม่รู้จะพูดปลอบเธออย่างไรจึงได้แต่ยื่นมือเข้าไปจับที่ต้นแขนเธอแล้วบีบเบาๆ แทนคำปลอบโยน แต่เธอก็ยังไม่หยุดร้องไห้ เขาจึงตัดสินใจรั้งร่างบอบบางที่กำลังสั่นเพราะแรงสะอื้นเข้ามาซบกับอกกว้าง แล้วลูบไล้ฝ่ามืออบอุ่นไปบนแผ่นหลังเรียบเนียนที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดสีขาวเนื้อนุ่ม
อลีนาซุกตัวร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของคิรากรเนิ่นนาน สัมผัสของเขาทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน อีกทั้งการโยกตัวไปมาเป็นจังหวะแผ่วเบาก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังได้รับการปลุกปลอบในขณะที่กำลังอ่อนแอจากผู้ปกครองมากกว่าถูกฉวยโอกาสจากผู้ชายคนหนึ่ง แต่กระนั้นเธอก็ยังอดเขินไม่ได้อยู่ดี
ก็เขาไม่ใช่พ่อเธอนี่!
“ปล่อยฉันได้แล้ว” อลีนาดันตัวเองออกจากอกกว้างแล้วก้มหน้างุดด้วยความกระดากอาย เจอกันแค่วันเดียวแต่เขากอดเธอไปแล้วถึงสองครั้ง ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
“ผมขอโทษ” ชายหนุ่มรีบปล่อยมือแล้วถอยห่างออกไปนิดหนึ่ง “ผมไม่รู้จะปลอบคุณยังไง ก็เลย...” เขาเกรงว่าเธอจะอายไปมากกว่านี้จึงละคำว่า ‘กอด’ เอาไว้ในฐานที่เข้าใจกันสองคน
“คุณปลอบผู้หญิงแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า”
“มันเป็นวิธีที่ผมใช้ปลอบไออุ่น เวลาแกงอแงมากๆ ผมจะกอดแกไว้แบบนี้ สักพักแกก็จะสงบลง”
“ฉันกลายเป็นลูกคุณไปแล้วสินะ” หญิงสาวยิ้มขำ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น เมื่อตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้กอดเธอแบบชู้สาว หรือคิดจะฉวยโอกาส
“ใครอยากได้คุณเป็นลูก” เขาพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มในตู้มาวางไว้ให้ “คุณนอนที่โซฟานี่นะ”
“แล้วคุณนอนไหน”
“ผมนอนที่เก้าอี้ข้างเตียงไออุ่นได้”
“ได้แน่เหรอ” การนั่งหลับบนเก้าอี้ทั้งคืนคงไม่สบายตัวแน่
“หรือจะให้ผมนอนกับคุณบนโซฟา” เขาพูดเรื่องชวนวาบหวามได้หน้าตายมาก
“จะบ้าเหรอ” อลีนามองเขาตาขุ่น
“ผมล้อเล่น” เขายิ้มขำออกมาในที่สุด “คุณนอนเถอะ ผมขอไปอาบน้ำก่อน”
อลีนาเพิ่งสังเกตว่าเขายังสวมชุดเมื่อเช้าอยู่ แต่สภาพของมันยับเยินกว่าเดิมมาก อีกทั้งผมดำขลับที่ตัดทรงทันสมัยและถูกเซตไว้อย่างดีก็ตกลงมาปรกหน้าปรกตา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย
“มีอะไรติดหน้าผมเหรอ” เขาโน้มตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ปะ...เปล่าค่ะ” หญิงสาวตอบตะกุกตะกักพลางเอนหลังหนีใบหน้าหล่อเหลาที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด มันใกล้มาก...มากจนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของเขาที่ลอยมากระทบปลายจมูก
“จ้องหน้าผมมากๆ ระวังนะ”
“ระวังอะไร”
“ระวังจะหลงเสน่ห์ผม” สายตาของเขาเจ้าเล่ห์แพรวพราวต่างจากคุณลุงหน้าดุที่เธอเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง
คำพูดสั้นๆ ของเขาทำให้ใบหน้าเธอร้อนผ่าว “อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะ”
“เบาๆ เดี๋ยวไออุ่นตื่น” เขาแตะปลายนิ้วชี้ลงบนเรียวปากนุ่มที่เคลือบไว้ด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนหวาน
“นี่คุณ จะอาบน้ำก็รีบไปเลย” อลีนาใช้สองมือดันอกกว้างที่เพิ่งซุกซบให้ออกห่างอย่างเขินอาย ผู้ชายคนนี้อันตรายกว่าที่คิด นอกจากจะดุมากแล้ว เขายังเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจอีกด้วย
คิรากรหัวเราะอารมณ์ดีเป็นครั้งแรกของวันขณะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่จังหวะที่กำลังจะปิดประตู เขาก็ยื่นหน้าออกมาถามหญิงสาวที่นั่งเขินจัด ใบหน้าแดงแจ๋อยู่ที่โซฟาว่า
“คุณว่างอยู่ใช่มั้ย”
“ตอนนี้เหรอ” เธอย้อนถามสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเขา
“อือ” เขาพยักหน้าพลางสบตาเธออย่างคาดหวังคำตอบบางอย่าง
“ก็ว่างนะ ไม่ได้ทำอะไร จะนอนแล้วเนี่ย” หญิงสาวจัดหมอนกับผ้าห่มให้เข้าที่เตรียมตัวนอน
“ผมหมายถึง คุณกำลังคบกับใครอยู่หรือเปล่า”
อลีนาอึ้งไปเลย ไม่คิดว่าเขาจะถามตรงๆ แบบนี้ “คุณจะรู้ไปทำไม”
“ผมจะได้ทำตัวถูก...ว่าไง มีแฟนยัง” เขาถามย้ำเมื่อเธอเอาแต่จ้องหน้าเขานิ่ง
“ยังไม่มี แล้วก็ไม่คิดจะมีด้วย” ตอบออกไปแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้เขาทันที แต่ยังรู้สึกเหมือนโดนจ้องมองอยู่จึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงอีกชั้น
“แล้วผมจะทำให้คุณเปลี่ยนใจ” คิรากรยิ้มอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเจอผู้หญิงที่ถูกใจและเข้ากับไออุ่นได้ดีแบบนี้ ในเมื่อเจอแล้ว เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปง่ายๆ แน่