อลีนาที่นอนคลุมโปงอยู่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำและเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ แต่ยังคงแกล้งทำเหมือนหลับต่อไปเพื่อลองใจคิรากรว่าเขาจะไว้ใจได้แค่ไหน เพราะจากสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องน้ำของเขา มันทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวงเขาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
หญิงสาวได้ยินเสียงฝีเท้าหยุดอยู่ตรงหน้าโซฟา สักพักก็รู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่เบียดลงบริเวณน่อง
“จะทำอะไรฉัน!” หญิงสาวเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับถามอย่างหวาดระแวง
“ชู่...เบาๆ เดี๋ยวลูกตื่น” ชายหนุ่มที่กำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เพิ่งสระเสร็จใหม่ๆ หันมาจุปากให้เธอเบาเสียงก่อนจะยิ้มขำ “ไออุ่นนอนอยู่นั่นทั้งคน ผมไม่ปล้ำคุณหรอกน่า”
“แปลว่าถ้าไม่มีไออุ่นคุณก็จะทำเหรอ” อลีนาจ้องหน้าเขาตาแข็ง
“จะบ้าเหรอคุณ ผมไม่ใช่โจรปล้นสวาท” เขาขำหนักขึ้นกว่าเดิม “ผมมีมากกว่าร้อยวิธีที่จะทำให้ผู้หญิงเต็มใจ ไม่ต้องใช้วิธีบังคับฝืนใจหรอก เอาไว้ผมจะค่อยๆ ใช้วิธีพวกนั้นกับคุณก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลย” หญิงสาวยกหมอนขึ้นฟาดต้นแขนของเขาเต็มแรง แต่หมอนที่อัดแน่นไปด้วยเส้นใยสังเคราะห์ก็ไม่ได้ทำให้คนถูกทำร้ายร่างกายเจ็บแม้แต่น้อย แถมเขายังหัวเราะชอบใจอีกต่างหาก
ถ้าเลือกได้ อลีนาอยากให้เขากลับไปเป็นคุณลุงหน้าดุคนเดิมมากกว่าผู้ชายเสน่ห์แพรวพราว ชวนให้ใจละลายแบบนี้
“ไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะคุณดันสวมรอยมาเป็นแม่ของลูกผม แล้วตอนนี้ไออุ่นก็คิดว่าคุณเป็นแม่แท้ๆ ของแกไปแล้ว คุณต้องรับผิดชอบความรู้สึกของแก” คราวนี้เขาพูดอย่างจริงจัง น้ำเสียงติดแววเคร่งเครียดเล็กน้อย รู้เลยว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นแล้ว
“ฉันก็ไม่ได้คิดจะทิ้งไออุ่นไปไหนอยู่แล้ว”
“งั้นเราต้องมาตกลงกันว่าจะช่วยกันดูแลแกยังไง” เขาขยับตัวขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟาแล้วหันหน้าเข้าหาคนที่นั่งกอดผ้าห่มอย่างหวาดระแวงอยู่อีกปลายด้านหนึ่งของโซฟา “เรื่องแบ่งวัน แล้วให้ไออุ่นไปอยู่บ้านโน้นทีบ้านนี้ทีผมไม่โอเค”
“แต่จะให้ฉันย้ายไปอยู่บ้านคุณ ฉันก็ไม่โอเคเหมือนกัน” อลีนาบอกอย่างลำบากใจ
“คุณกลัวอะไร” เขาไม่ได้คาดคั้นกดดัน เพียงแค่ต้องการรู้เหตุผลของเธอเพื่อร่วมกันหาทางออกที่จะทำให้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย
“ฉันตอบตรงๆ ได้ใช่มั้ย”
“แมนๆ คุยกันเลย ไม่ต้องอ้อมค้อม” เขาขยับตัวนั่งในท่าที่สบายขึ้นเพื่อรอฟังคำตอบ
“ฉันกลัวคุณ”
“กลัวผม!?” คิรากรอึ้งก่อนจะกลายเป็นขำ “อย่าบอกนะว่าคุณกลัวผมปล้ำคุณจริงๆ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“งั้นคุณกลัวอะไรผม...หือ” ปลายเสียงนั้นทอดยาวอ่อนโยนราวกับกำลังพูดกับเด็กน้อย และเป็นน้ำเสียงที่ทำให้หัวใจคนฟังหวามไหว
อลีนากอดผ้าห่มแน่นขึ้น หลุบตาลงต่ำ พยายามครุ่นคิดหาคำตอบที่ดีกว่าการสารภาพว่า เธอกลัวเสน่ห์อันล้นเหลือราวกับระเบิดที่มีอานุภาพทำลายล้างของเขา แค่อยู่ในห้องแคบๆ ด้วยกันไม่กี่นาที เขายังทำให้เธอใจสั่นได้ขนาดนี้ ขืนไปอยู่บ้านเดียวกัน เธอต้องเผลอตกหลุมรักเขาเข้าสักวันแน่
ถ้าเขายัง ‘ว่าง’ เธอจะไม่หนักใจขนาดนี้เลย แต่นี่เขามีแพรวพราวอยู่ทั้งคน เธอไม่อยากก่อคดีซ้อนกับโจทก์คนเดิม คดีเก่ายังไม่ได้สะสาง ถ้ามีคดีใหม่เกิดขึ้นอีก เธอต้องเครียดจนสมองบวมแน่
“ว่าไงเอิง คุณกลัวอะไรผม” คิรากรถามเสียงนุ่มพลางขยับตัวเข้าหาคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่งเงียบ
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะคุณ ถ้าเข้าใกล้ฉันมากกว่านี้ฉันกลับบ้านจริงด้วย” หญิงสาวยกมือเบรกเขาไว้
“โอเค...เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องบอกก็ได้ว่ากลัวอะไรผม” เขายอมถอยห่างออกไปหนึ่งคืบเพื่อให้เธอสบายใจ “เรามาตกลงเรื่องไออุ่นกันดีกว่า”
อลีนาผ่อนคลายขึ้นเมื่อเขาไม่คาดคั้นเอาคำตอบที่เธอไม่รู้จะพูดยังไง “คุณได้วางแผนอะไรไว้ในใจบ้างหรือเปล่าคะ”
“อย่างที่ผมบอกคุณเมื่อตอนกลางวันว่า ‘ผมต้องการคุณ’ ให้มาทำหน้าที่แม่ของไออุ่น แล้วผมก็อยากให้คุณย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านผมด้วย ไออุ่นจะได้รู้สึกว่ามีพ่อและแม่พร้อมหน้าเหมือนคนอื่น ตอนเช้าเราจะไปส่งแกที่โรงเรียนพร้อมกัน ตอนเย็นแกเลิกเรียนบ่ายสาม ผมอาจจะไปรับแกคนเดียวเหมือนเดิม ส่วนกลางคืน เราก็พาแกเข้านอนพร้อมกัน วันหยุดก็จัดแฟมิลีทริปไปเที่ยวกันสามคน พ่อ แม่ ลูก”
“จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ” อลีนาคิดหนัก เพราะจากแผนการที่เขาวางไว้ เท่ากับเวลาทั้งหมดของเธอต้องทุ่มเทให้ไออุ่นและติดแหง็กอยู่กับเขาเกือบตลอดเวลา เธอพร้อมอุทิศเวลาทั้งหมดที่มีให้ไออุ่น แต่ไม่พร้อมเอาตัวไปพัวพันกับพ่อของไออุ่นมากขนาดนั้น
“ผมคิดว่าจำเป็นสำหรับไออุ่นนะ เพราะทุกอย่างที่ผมพูดคือสิ่งที่เพื่อนที่โรงเรียนแกมี แต่แกไม่มี และแกก็รู้สึกว่าตัวเองขาด จนกลายเป็นแผลในใจแกอยู่ตอนนี้”
เมื่อเห็นเธอทำท่าคิดหนัก เขาจึงยื่นข้อเสนอแบบพบกันครึ่งทาง เผื่อว่าเธอจะตัดสินใจง่ายขึ้น “ผมขอเวลาคุณแค่สองปีได้มั้ย ให้ไออุ่นโตพอที่จะเข้าใจอะไรมากกว่านี้ แล้วหลังจากนั้นคุณจะไปจากเราสองคนพ่อลูกผมก็ไม่ว่า”
อลีนาสะดุดหูกับคำว่า ‘เราสองคนพ่อลูก’ เขากลายเป็นคนที่เธอต้องรับผิดชอบอีกคนตั้งแต่เมื่อไร
“ตกลงค่ะ ฉันยอมรับเงื่อนไขของคุณก็ได้ แต่ฉันก็มีเงื่อนไขที่จำเป็นต้องให้คุณรับปากก่อนเหมือนกัน”
“ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก” เขาบอกหนักแน่นจริงใจ
“ถ้าคุณมีใครเมื่อไหร่ ฉันจะเอาไออุ่นไปเลี้ยงเองทันทีนะ ฉันไม่อยากให้แกเจอปัญหาแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง”
คิรากรระบายยิ้มอย่างสบายใจเมื่อได้ยินข้อเสนอที่แสนง่ายดายของเธอ ถ้าเขาจะมีใครสักคน ก็ต้องเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้อยู่แล้ว “ผมยอมรับเงื่อนไขของคุณ แต่ผมก็มีข้อแม้เหมือนกัน”
“ว่ามาเลยค่ะ”
“ในระยะเวลาสองปีที่เราอยู่ด้วยกันในฐานะพ่อและแม่ของไออุ่น คุณห้ามคบกับผู้ชายคนไหนเด็ดขาด”
“ตกลงค่ะ” อลีนารับปากแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว “ไม่ได้ยากอะไร ตอนนี้ฉันก็ไม่มีใครอยู่แล้ว”
“ถ้าคุณยังไม่มีใคร สนใจจะมองผมเป็นตัวเลือกสักคนมั้ย” พอได้จังหวะเขาก็หยอดทันทีแบบไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดไป
“คุณว่างเหรอ” เธอถามกึ่งประชด
“คิดว่าผมไม่ว่างเหรอ” เขาย้อนถาม
“ฉันก็พอได้ยินข่าวของคุณกับคุณแพรวพราวมาบ้าง” หญิงสาวพูดไปตามตรง เพราะอยากรู้ความจริงจากปากเขามากกว่าฟังคนอื่นพูดแล้วมาหลงเข้าใจเขาผิดเป็นตุเป็นตะ
คิรากรหัวเราะร่วนอย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไรก่อนตอบ “ผมกับแพรวจบกันไปนานแล้ว”
“จบกันแล้ว แปลว่าเคยมีอะไรกันมาก่อน!?” อลีนาเผลอตัวใช้น้ำเสียงเหมือนภรรยาซักฟอกสามี ซึ่งทำให้คนถูกซักยิ้มพรายอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้ง “ยิ้มอะไร”
“ยิ้มให้คุณ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้างมากกว่าเดิมจนน่าหมั่นไส้
“หยุดยิ้ม แล้วตอบคำถามฉันมา” หญิงสาวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“ผมกับแพรวไม่ได้มีอะไรกันแบบที่คุณคิดหรอก เราเคยเดตกันแค่ครั้งเดียวเอง แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่เวิร์ก ก็จบกันไปก็เท่านั้น” เขาตอบทุกอย่างตามความจริง และยินดีจะตอบทุกข้อสงสัยที่เธออยากรู้เพื่อที่เธอจะได้รู้จักและเข้าใจเขามากขึ้น “คุณทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสามีที่ถูกภรรยาจับได้ว่าแอบไปมีกิ๊กเลย”
“ถ้าฉันจะไปอยู่กับคุณ ฉันก็ควรต้องรู้ป้ะว่าคุณมีใครหรือเปล่า ฉันไม่อยากถูกผู้หญิงของคุณมาแหกอก” อลีนาแสร้งทำเป็นดุกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง ความจริงที่เธอซักละเอียดขนาดนี้ เพราะจะได้วางตัวกับเขาถูก ถ้าเขาว่าง เธอก็จะได้ยอมถูกอ่อยอย่างเต็มใจ แต่ถ้าไม่ว่าง เธอก็จะได้เตรียมตัวหาทางหนีทีไล่ให้ดี
“ผู้หญิงของผมมีแค่แม่ที่ให้กำเนิด ลูกสาวก็คือไออุ่น และกำลังจะมีอีกคนก็คือ...” เขาทอดจังหวะพลางมองสบตาเธออย่างลึกซึ้งเพื่อสื่อความนัยบางอย่างที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ “...แม่ของลูก”
“เอาเป็นว่าฉันจะย้ายไปอยู่ที่บ้านกับคุณเพื่อช่วยกันดูแลไออุ่น” อลีนาตัดสินใจบอกหลังจากนิ่งคิดอยู่เกือบนาที “แต่ฉันจะเข้าไปอยู่ในฐานะแม่ของไออุ่นและภรรยาของน้องชายคุณนะ ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าฉันไม่ใช่แม่ตัวจริงของไออุ่น ฉันกลัวคนเอาไปพูดให้ไออุ่นได้ยินแล้วแกจะเสียใจ รอให้แกโตพอที่จะเข้าใจอะไรมากกว่านี้แล้วเราค่อยบอกความจริงกับแก”
“แล้วผมต้องเรียกคุณด้วยชื่อไหน”
“เรียกชื่อเอิงนี่แหละค่ะ ไม่มีใครรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะว่าแม่ตัวจริงของไออุ่นเป็นใคร”
“ไม่มีใครรู้หรอก ขนาดผมยังไม่รู้แม้แต่ชื่อ มีแค่รูปถ่ายใบเดียวที่เก็บมาจากห้องพักที่นิวยอร์กของเปรม”
“คุณคงเหนื่อยมากสินะที่ต้องเลี้ยงไออุ่นมาคนเดียว” อลีนานึกเห็นใจหนุ่มโสดที่ต้องทิ้งชีวิตอิสระมาเลี้ยงเด็กที่ไม่ใช่ลูกของตัวเองตั้งหลายปี
คิรากรยิ้มอย่างสุขใจเมื่อนึกถึงความน่ารักของไออุ่น “ผมไม่เหนื่อยเลย ไออุ่นเป็นเด็กน่ารัก เลี้ยงง่าย จะงอแงหนักหน่อยก็เฉพาะเวลาป่วยกับเวลาคิดถึงแม่เท่านั้น”
“ตอนนี้ไออุ่นมีแม่แล้วนะคะ” หญิงสาวยิ้มพราย ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่น่ารักที่สุดเท่าที่คิรากรเคยเห็นมาเลย “ฉันไม่แน่ใจว่าจะเป็นแม่ที่ดีได้หรือเปล่า แต่ฉันสัญญาว่าจะเป็นแม่ที่ดีที่สุดในแบบของตัวเองเพื่อไออุ่น”
“เพื่อลูกของเรา” เขาเน้นย้ำด้วยสุ้มเสียงที่ทำให้คนฟังหัวใจเต้นรัวเป็นจังหวะซุมบ้า
ผู้ชายอะไร อ่อยหนัก อ่อยแรง อ่อยได้ทุกสองนาที!