บทที่ 5 - ข้อตกลงระหว่างเรา [2]

1229 Words
รุ่งเช้าวันใหม่ ไออุ่นตื่นมาเจอหน้าอลีนาตามที่คิรากรสัญญาไว้ก่อนนอน เด็กหญิงดีใจมากและยอมให้อลีนาป้อนโจ๊กให้โดยไม่งอแงเหมือนเมื่อวาน “เก่งมากค่ะ ไออุ่นเป็นเด็กดีแบบนี้ ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ แม่เอิงจะพาไปเที่ยวทะเลตามสัญญานะคะ” “เย้ๆ ไออุ่นอยากไปทะเล” เด็กป่วยสดใสขึ้นมาทันตาเห็นเมื่อรู้ว่าจะได้ไปเที่ยว คิรากรเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดสูทเนี้ยบกริบพร้อมออกไปทำงาน เขาเดินมาหยุดที่ข้างเตียงแล้วแตะหลังมือลงบนหน้าผากของลูกสาว “ไข้ลดแล้ว ปวดหัวมั้ยลูก” “ไม่ปวดค่ะ” เด็กน้อยตอบเสียงใส ในแววตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่พร้อมหน้า “คุณจะไปทำงานเหรอ แล้วไออุ่นจะอยู่กับใคร” อลีนาอดเป็นห่วงไออุ่นไม่ได้ เพราะเธอก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน “เดี๋ยวคุณแม่ผมกับพี่แก้ว พี่เลี้ยงของไออุ่นจะมาเฝ้าแกแทน” คิรากรบอกอลีนาแล้วนั่งลงที่ขอบเตียงเพื่อเจรจากับลูกสาว “คุณพ่อกับแม่เอิงต้องไปทำงาน ไออุ่นอยู่กับคุณย่ากับป้าแก้วก่อนนะคะ แล้วตอนเย็นคุณพ่อจะรีบพาแม่เอิงกลับมาหา” “แม่เอิงจะมาจริงๆ ใช่มั้ยคะ” ไออุ่นเงยหน้าขึ้นถามคุณแม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง “มาค่ะ แม่เอิงสัญญา” หญิงสาวยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยเล็กป้อมของเด็กน้อยแล้วหอมแก้มนุ่มทั้งสองข้างเพื่อย้ำคำสัญญา อลีนากับคิรากรช่วยกันป้อนข้าว ป้อนยา และเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไออุ่นจนเสร็จเรียบร้อย เป็นจังหวะที่ศรียุดากับแก้วมาถึงพอดี “ไออุ่น คุณย่ามาแล้วลูก” คิรากรบอกลูกสาวพลางขยับตัวให้คนเป็นย่าเข้ามากอดและหอมหลานสาวเหมือนที่เคยทำเป็นประจำเมื่อเจอหน้ากัน ส่วนแก้วเอาขนมและของใช้ส่วนตัวของไออุ่นไปวางที่โต๊ะกินข้าวมุมห้อง ศรียุดาพูดคุยหยอกล้อกับหลานสาวอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะสังเกตเห็นอลีนาที่ยืนอยู่ปลายเตียง ผู้สูงวัยเขม้นมองหน้าหญิงสาวแล้วหันมามองหน้าลูกชายด้วยสายตามีคำถาม “เอิงครับคุณแม่” “เอิง?” “แม่ของไออุ่นครับ” “เมียเปรม?” ศรียุดาเบี่ยงหน้ามาถามคิรากรเสียงเบา ไม่ให้ไออุ่นได้ยิน “ใช่ครับ” คิรากรพยักหน้ารับอย่างลำบากใจ เขาไม่อยากโกหกมารดา เพราะรู้ว่าจะทำให้สถานการณ์ระหว่างอลีนาและศรียุดาตึงเครียด “สวัสดีค่ะคุณแม่” อลีนายกมือไหว้ผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม แต่กลับถูกเชิดใส่ด้วยท่าทีแสนเกลียดชัง “เรียกฉันว่า ‘คุณศรี’ เหมือนแก้วเถอะ” น้ำเสียงเยียบเย็นประกอบกับสายตาเชือดเฉือนของศรียุดาทำให้อลีนาหน้าชายิ่งกว่าถูกน้ำแข็งขั้วโลกสาดเข้าใส่ แต่หญิงสาวก็เข้าใจดี เพราะสิ่งที่อันนาทำไว้กับลูกชายคนเล็กของท่านนั้นเจ็บแสบนัก คิรากรเห็นท่าไม่ดีจึงสะกิดชวนอลีนาให้ออกไปคุยกันนอกห้อง โดยมีสายตาของศรียุดามองตามด้วยความไม่ชอบใจที่ลูกชายคนโตให้ความสนิทสนมกับผู้หญิงที่ทำให้ลูกชายคนเล็กของท่านต้องตายแบบนั้น “ผมเห็นสายตาของคุณแม่ที่มองคุณแล้ว ผมว่าไม่ดีแน่ถ้าเราจะปิดบังความจริงกับท่านต่อไป” “แต่ถ้าบอกความจริงแล้วไออุ่นรู้จะทำยังไง” หญิงสาวไม่เห็นด้วยที่เขาจะเปิดเผยความจริงกับมารดา “คุณแม่รักไออุ่นไม่น้อยกว่าเราสองคน ผมเชื่อว่าท่านจะช่วยเราทะนุถนอมจิตใจของไออุ่น” อลีนาครุ่นคิดอย่างลังเลใจ ยิ่งมีคนรู้ว่าเธอไม่ใช่แม่แท้ๆ ของไออุ่นมากเท่าไร ก็ยิ่งเสี่ยงที่ไออุ่นจะรู้ความจริงมากขึ้นเท่านั้น “เชื่อผมนะเอิง คุณจะปิดบังใครก็ได้ แต่ไม่ควรปิดบังคนในครอบครัวเดียวกัน” คิรากรให้เหตุผลอย่างเป็นผู้ใหญ่ และในฐานะที่เขาอายุมากกว่าเธอถึงเจ็ดปี เขาต้องจูงมือเธอเดินไปในทิศทางที่จะก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตให้น้อยที่สุด “คุณแน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหากับไออุ่น” “ผมแน่ใจ แล้วผมก็อยากให้คุณเชื่อใจผม ว่าผมเลือกทางที่ดีที่สุดให้ไออุ่นกับคุณแล้ว” “ให้ฉันด้วยเหรอ?” อลีนาไม่เข้าใจ “ถ้าคุณแม่รู้ความจริง ท่านน่าจะมองคุณในแง่ดีมากขึ้น มันก็ดีสำหรับคุณ” “ฉันไม่แคร์ถ้าคุณแม่คุณจะมองฉันไม่ดี” “แต่ผมแคร์” คิรากรสวนกลับทันควัน “ผมอยากให้คุณแม่รู้สึกดีกับคุณเหมือนที่ผมรู้สึก แล้วอีกอย่าง...” “อีกอย่างอะไรคะ” เธอถามเมื่ออยู่ๆ เขาก็หยุดพูดไปเฉยๆ “ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มยิ้มให้แก่การมองข้ามชอตที่ไกลเกินไปของตัวเอง เขาเพิ่งรู้จักเธอได้แค่สองวัน แต่กลับมองการณ์ไกลไปถึงปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้ในอนาคตแล้ว ขืนให้เธอรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เธอคงเปลี่ยนใจไม่ยอมย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับเขาแน่ “คุณลงไปรอผมที่ร้านกาแฟข้างล่างนะ เดี๋ยวผมพาคุณแม่ลงไปคุยด้วย” “ก็ได้ค่ะ” อลีนารับคำอย่างไม่สบายใจนักกับสิ่งที่เขาคิดจะทำ “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” เขาทักท้วงเสียงอ่อนแล้วใช้ปลายนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ยกมุมปากทั้งสองข้างของเธอขึ้นให้เป็นรอยยิ้ม “คุณยิ้มแล้วน่ารักกว่าทำหน้าจ๋อยๆ เยอะเลยนะ” “นี่คุณ ฉันไม่ใช่ไออุ่นนะจะได้มาหลอกล่อให้ยิ้มแบบนี้” หญิงสาวยิ้มขำอย่างผ่อนคลายขึ้น “ไหนๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ว่าไงก็ว่าตามกันละกัน” “เชื่อเถอะว่าผมเป็นเรือยอช์ตระดับพรีเมียม ผมไม่พาคุณไปจมกลางทะเลแน่นอน ขอแค่คุณเชื่อใจผม แล้วผมจะพาคุณก้าวข้ามทุกปัญหาเอง” “มีคุณลุงแบบคุณเป็นเพื่อนคู่คิดก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะบางทีฉันก็คิดอะไรไม่รอบด้าน” อลีนาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มอย่างสบายใจ ที่ผ่านมาเธอสู้กับทุกปัญหาด้วยตัวคนเดียวมาตลอด พอมีคนมาช่วยคิด ช่วยตัดสินใจ มันก็รู้สึกอุ่นใจดีเหมือนกัน “ขอเป็นอย่างอื่นได้มั้ย” “ไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันเหรอ” “ไม่...” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แพรวพราวของเขากลับมาแล้ว “...อยากเป็นคนรู้ใจมากกว่า” “นี่คุณ! อย่ามาทำเป็นพูดเล่น ถ้าฉันคิดจริงขึ้นมาคุณจะลำบาก” หญิงสาวขึงตาใส่เขาแล้วรีบเดินจ้ำออกไปกดลิฟต์ เพราะไม่อยากให้เขาเห็นความประหม่าและเขินอายในแววตา คิรากรเห็นท่าทีน่ารักของเธอแล้วอยากตะโกนบอกไปว่า ‘เขาไม่กลัวความลำบาก’ แต่ก็เกรงจะรบกวนคนไข้ห้องอื่นจึงได้แต่เก็บคำพูดนั้นไว้ในใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD