หลายวันต่อมา ตรีทศนัดพิมดาริกาให้ไปเจอกันที่ร้านของเจนรวีตอนห้าโมงเย็นเพราะช่วงเช้าเขามีประชุมต้องเข้าบริษัทก่อน พิมดาริกามาถึงก่อนจึงนั่งเลือกแบบชุดรอไปพลางๆ ระหว่างนั้นเจนรวีก็เข้ามาคุยด้วย
“คิดดีแล้วเหรอที่จะหมั้นแล้วก็จะแต่งงานกับแทนน่ะ”
พิมดาริกาจับความรู้สึกในน้ำเสียงของเจนรวีได้ว่าตั้งใจหาเรื่องกระแนะกระแหนมากกว่าจะถามไถ่อย่างคนรู้จัก และพอจะรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับตรีทศจึงย้อนกลับไปอย่างไม่เกรงใจ “จริงๆ พรีมก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่แทนหรอกค่ะ แต่พี่แทนน่ะสิคะ ทั้งบังคับ ทั้งจ้างให้พรีมแต่งงานด้วยตั้งร้อยล้าน ถ้าพรีมไม่แต่งก็โง่แล้วจริงมั้ยคะ”
“แต่แทนไม่ได้รักเธอ” เจนรวีบอกด้วยน้ำเสียงกดต่ำอย่างไม่พอใจที่พิมดาริกาลอยหน้าลอยตาเถียงฉอดๆ
พิมดาริกาหัวเราะก่อนตอบอย่างจงใจปั่นประสาทอีกฝ่าย “พรีมไม่สนใจเรื่องความรักหรอกค่ะ ความรักกินไม่ได้ จ่ายค่าเทอมก็ไม่ได้ พรีมสนใจแค่เงิน เงินเท่านั้นที่จะทำให้พรีมโบยบิน”
“อ๋อ เงินมาผ้าหลุด” เจนรวีแค่นยิ้มอย่างดูถูกดูแคลน “เงินแค่ร้อยล้านก็จะยอมขึ้นเตียงเป็นเมียเขาแล้วเหรอ”
“อย่าหมิ่นเงินน้อยสิคะ” พิมดาริกาอดประชดไม่ได้ เจนรวีไม่ได้ร่ำรวยแต่กล้าใช้คำว่า ‘แค่’ กับเงินร้อยล้าน “สำหรับพรีม เงินร้อยล้านไม่รู้ว่าชาตินี้จะหาได้หรือเปล่า ในเมื่อพี่แทนยอมจ่าย พรีมก็ต้องสมนาคุณให้เขาอย่างถึงที่สุด” พิมดาริกาต่อปากต่อคำกับเจนรวีเสียงดังเจื้อยแจ้วโดยไม่รู้ตัวว่าตรีทศกำลังเดินใกล้เข้ามาทางด้านหลัง “แต่จะว่าไป พรีมก็มีแต่ได้กับได้นะคะ ได้ทั้งเงิน ทั้งผู้ชายแซ่บๆ อย่างพี่แทนเป็นสามี สองเด้งเลย”
ตรีทศเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหลังพิมดาริกาแล้วถามเสียงเรียบ “พูดจริงเหรอพรีม”
“พี่แทน!” คนปากเก่งสะดุ้งสุดตัว แล้วรีบลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“ว่าไง ที่พูดน่ะจริงหรือเปล่า” ตรีทศถามย้ำพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนตัวเล็กอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ
“ว่าไง เรื่องอะไรคะ” พิมดาริกาทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ที่พูดออกมาเมื่อกี้นี้น่ะ” ตรีทศจ้องตาพิมดาริกาด้วยแววตาเป็นประกายวาววับ ความเครียดจากการประชุมหายวับไปเมื่อได้ยินคำพูดคะนองปากของเธอ และมันก็ทำให้เขานึกอยากเล่นสนุกกับเธอไปด้วย
“พรีมไปเลือกแบบชุดต่อดีกว่า” พิมดาริกาจะเดินหนีแต่ก็ถูกตรีทศคว้าข้อมือไว้แล้วเขาก็โน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ขนอ่อนลุกชันทั้งตัวเลยทีเดียว
“ที่บอกว่าจะสมนาคุณพี่ พูดจริงหรือเปล่า”
พิมดาริการู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า หูอื้อตาลายจนแทบจะล้มทั้งยืน เขาแกล้งกันแบบนี้เธอก็ตายสิ!
“ถามทำไมไม่ตอบ” ตรีทศจี้จะเอาคำตอบให้ได้ และทั้งที่อยู่ต่อหน้าเจนรวีเขาก็ไม่สนใจ
“พี่แทนเลิกแกล้งพรีมได้แล้วค่ะ พี่เจนมองอยู่นะคะ” บอกพลางปรายตามองไปยังเจนรวีที่ยืนปั้นหน้านิ่งอย่างเก็บอารมณ์เต็มที่อยู่ใกล้ๆ
“เอาไว้ค่อยตอบพี่ตอนที่เราอยู่กันสองคนก็ได้” ตรีทศหัวเราะในลำคออย่างไม่น่าไว้ใจ “แล้วนี่มาตั้งนานแล้วเลือกชุดได้หรือยัง”
“ยังค่ะ”
“มัวทำอะไรอยู่”
“พรีมไม่รู้ว่าพี่แทนชอบแบบไหน สีอะไร เลยเลือกไม่ถูก”
“แล้วทำไมไม่เลือกแบบที่ตัวเองชอบ”
“ก็มันเป็นชุดหมั้นที่ต้องเข้าคู่กัน ก็ต้องเลือกแบบที่เราสองคนชอบเหมือนกันสิคะ จะให้พรีมเลือกแบบที่ตัวเองชอบคนเดียวได้ยังไง”
ตรีทศแอบอมยิ้มที่พิมดาริกาก็มีความละเอียดอ่อนเหมือนกัน “พรีมเลือกแบบที่ตัวเองชอบได้เลย พี่ยังไงก็ได้ แต่ขอแบบเรียบๆ หน่อยก็แล้วกัน”
“พี่แทนชอบแบบเรียบๆ เหมือนพรีมเลย” พิมดาริกายิ้มกว้างจนตาหยีแล้วจิ้มแบบชุดในสมุดภาพที่เล็งไว้ให้เขาดู “งั้นเอาชุดนี้นะคะ พี่แทนโอเคมั้ย”
“อื้อ” ตรีทศพยักหน้ารับอย่างง่ายดายแล้วหันไปถามเจนรวี “ชุดนี้ต้องตัดใหม่มั้ย”
“ไม่ต้อง” เจนรวีตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามกดให้เป็นปกติ ทั้งที่ในใจร้อนรุ่มอันเกิดจากความริษยาที่เห็นตรีทศกับพิมดาริกาคุยกันด้วยดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ชุดนี้เป็นชุดเช่านะ แทนโอเคเหรอ”
“ใส่เข้าพิธีหมั้นแค่แป๊บเดียวเอง เราโอเค” ตอบแล้วก็นึกได้ว่าควรถามความเห็นของอีกคนด้วย เขาจึงหันไปถามหญิงสาวข้างกาย “พรีมว่าไง”
“พรีมโอเค ตัดใหม่ก็แพง เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านี้ดีกว่า”
ตรีทศครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนถามเจนรวี “ถ้าเราจะให้เจนตัดชุดแบบนี้ให้ใหม่ มีเวลาห้าวัน เจนจะทำทันมั้ย”
“ทัน เจนมีทีมหลายคน แล้วชุดนี้ก็เป็นแพทเทิร์นง่ายๆ ไม่ถึงห้าวันก็เสร็จ” เจนรวีรับปากอย่างมั่นใจ งานยากกว่านี้ มีเวลาน้อยกว่านี้เธอก็เคยทำมาแล้ว
“ไม่ต้องตัดใหม่หรอกค่ะพี่แทน ใส่แค่ครั้งเดียวเอง เปลืองเงินเปล่าๆ” พิมดาริกาแย้ง เธอไม่ใช่คนเรื่องมาก อีกทั้งงานหมั้นครั้งนี้เธอแค่ยอมทำตัวตามน้ำไปก่อนเท่านั้น งานนี้ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในชีวิตเธอเลย
“พี่เป็นคนจ่าย เธอไม่ต้องพูดมาก” ถึงแม้พิมดาริกาจะเป็นว่าที่เจ้าสาวที่ถูกยัดเยียดมาให้ แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอสวมชุดซ้ำรอยใคร
“แต่มันแพงนะคะ”
“พี่มีปัญญาจ่าย จบนะ” ตรีทศตัดบทด้วยสีหน้าเรียบเฉยซึ่งเป็นอันรู้กันว่าห้ามเถียง ทำตามได้อย่างเดียว
หลังจากวัดตัวและคุยรายละเอียดทั้งเนื้อผ้าและสีของชุดหมั้นเสร็จตรีทศก็พาพิมดาริกากลับ และระหว่างที่นั่งอยู่ในรถด้วยกัน เขาก็ไม่ลืมที่จะทวงถามคำตอบที่เธอยังติดค้างเขาอยู่
“คิดไว้หรือยังว่าจะสมนาคุณพี่ยังไงบ้าง”
“คะ!?” พิมดาริกาทั้งงง ทั้งตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะกัดไม่ปล่อยขนาดนี้
“ที่บอกว่าจะสมนาคุณพี่ เพราะพี่ยอมจ่ายเงินจ้างพรีมให้แต่งงานด้วยตั้งร้อยล้านน่ะ พี่อยากรู้ว่าพรีมจะสมนาคุณพี่ยังไง”
พิมดาริกาอึกอัก พูดไม่ออก
“พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าปากพล่อย พูดไม่คิด” ตรีทศพูดเหมือนสั่งสอนอยู่ในที แล้วปิดท้ายด้วยประโยคที่ทำให้พิมดาริกาเสียววาบไปทั่วช่องท้อง “เพราะบางทีคนพูดไม่คิด แต่คนฟังคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“พี่แทนคิดอะไรคะ”
ตรีทศหัวเราะในลำคอนิดหนึ่งแล้วหันมามองหน้าหญิงสาวข้างกายขณะรถติดไฟแดง “พี่กำลังคิดว่า พี่เสียเงินให้พรีมมากขนาดนั้น พี่ก็ควรจะได้รับการสมนาคุณอย่างถึงใจ”
“พี่แทนยังไม่ได้จ่ายเงินให้พรีมเลยนะ พี่แทนยังไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากพรีมทั้งนั้น”
“จะเอาวันนี้เลยมั้ยล่ะ พี่จำได้ว่าวันก่อนพรีมบอกว่าร้อนเงิน ไม่มีเงินจ่ายค่าลงทะเบียนใช่มั้ย” เขาแกล้งยั่ว ยิ่งเห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่นก็ยิ่งอยากแกล้ง คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่กล้าปากดีพูดให้เขาคิดลึก คิดไกล คิดเตลิดเปิดเปิงแบบนี้อีก
“ตอนนี้พรีมไม่ร้อนเงินแล้วค่ะ พี่แทนให้เงินเดือนพรีมแล้ว แถมยังให้เงินพิเศษมาลงทุนเพิ่มอีก ค่าลงทะเบียนก็เบิกกับพี่แทนได้ พรีมไม่เดือดร้อนแล้ว ไม่อยากได้เงินเพิ่มแล้ว” พิมดาริกาละล่ำละลักบอก
“พรีมไม่อยากได้ แต่พี่อยากให้ อยากให้วันนี้เลยด้วย” ตรีทศยื่นหน้าเข้ามาใกล้คล้ายจะจูบ พิมดาริกาจึงต้องรีบใช้สองมือดันแผงอกของเขาเอาไว้
“พรีมยังไม่ได้อยากได้ตอนนี้ รอถึงวันแต่งงานแล้วค่อยให้ตามสัญญาก็ได้ค่ะ”
“ก็ได้ แต่งงานกันเมื่อไหร่พี่จะถอนทุนคืนให้หนักเลย เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน” ตรีทศบอกแล้วดึงตัวกลับไปนั่งพิงเบาะตามเดิม แต่ก็แอบชำเลืองมองหญิงสาวข้างตัวที่ตอนนี้นั่งหายใจไม่ทั่วท้องเพราะกลัวจะถูกถอนทุนคืนจนหมดเนื้อหมดตัว