บทที่ 1 - เงื่อนไขการแต่งงาน [1]

1987 Words
“พรีมไปไหน! รู้ว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญยังจะออกไปข้างนอกอีก” ตรีทศถามด้วยสีหน้าไม่พอใจเพราะเลยเวลานัดมาห้านาทีแล้ว แต่บุคคลสำคัญที่ต้องเข้าร่วมฟังการอ่านพินัยกรรมจากทนายความประจำตระกูลยังไม่ปรากฎตัว “วันนี้น้องมีสอบไฟนอลวิชาสุดท้าย แต่โทร. มาบอกย่าแล้วละว่ากำลังกลับ อีกสักพักก็คงมาถึง ใจเย็นๆ รอน้องหน่อยก็แล้วกัน” คุณย่าวัยเจ็ดสิบปีบอกกับหลานชายเจ้าอารมณ์ แต่เมื่อเห็นเขายังออกอาการหงุดหงิดไม่หายจึงถามต่อ “แทนมีธุระที่ไหนที่ต้องรีบไปหรือเปล่า” “ไม่มีครับ ผมบอกเลขาฯ ไว้แล้วว่าวันนี้ไม่เข้าบริษัท” “งั้นก็แปลว่าวันนี้แทนว่างทั้งวัน” “ครับ” “งั้นก็ใจเย็นๆ รอน้องหน่อย น้องไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน อย่าหงุดหงิดนักเลย” “ถึงผมจะไม่ได้รีบไปธุระที่ไหน แต่พรีมก็ควรจะต้องตรงต่อเวลา ไม่ควรให้ผู้ใหญ่ตั้งหลายคนมานั่งรอเด็กคนเดียวแบบนี้” ยิ่งพูด ตรีทศก็ยิ่งหัวเสีย ให้เขามานั่งรอคนที่เขาเหม็นขี้หน้ามาตั้งแต่เด็กมันเกินทนจริงๆ พิมดาริกาเป็นลูกติดภรรยาใหม่ของพ่อที่เขาไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่เด็ก เพราะตั้งแต่เธอและแม่ของเธอเข้ามาอยู่ในบ้านเมื่อสิบห้าปีก่อนเขาก็กลายเป็นหมาหัวเน่า เพราะพ่อหลงภรรยาใหม่มาก ส่วนย่าก็หลงหลานสาวคนใหม่มากเช่นเดียวกัน “พรีมมาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่มาช้า” หญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดนักศึกษาวิ่งหน้าตั้งเข้ามานั่งข้างผู้เป็นย่าแล้วหอบแฮ่ก “ทำไมผมเผ้าถึงได้ยุ่งเหยิง หน้าตามันแผล็บอย่างนี้ละลูก” “พรีมนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาค่ะ นี่พรีมบอกให้คนขับซิ่งสุดชีวิตเลยนะคะ กลัวมาช้าแล้วพี่แทนจะโกรธ” หญิงสาวพูดพลางเหลือบมองตรีทศที่นั่งหน้าตึงอยู่ฝั่งตรงกันข้ามด้วยท่าทางหวั่นเกรงนิดๆ “นี่ขนาดกลัวแล้วนะ แต่ก็ยังมาช้า” ตรีทศตำหนิด้วยน้ำเสียงกดต่ำน่ากลัว “แค่ห้านาทีเอง” หญิงสาวพูดเสียงเบา “ไม่ว่าจะห้านาทีหรือหนึ่งนาที แต่มาสายก็คือมาสาย” “ค่ะ พรีมขอโทษค่ะ” พิมดาริการู้ว่าตัวเองผิดที่มาสาย แต่เขาก็ไม่ควรดุเธอต่อหน้าทนายความซึ่งเป็นคนนอกครอบครัวให้ต้องอับอายแบบนี้ “เอาละๆ ในเมื่อมากันพร้อมหน้าแล้วแล้วคุณศุภชัยก็เริ่มอ่านพินัยกรรมเถอะ แทนคงอยากรู้แย่แล้วว่าพ่อจะยกอะไรให้บ้าง” เดือนประดับออกหน้าช่วยหลานสาวก่อนที่จะถูกตรีทศดุมากไปกว่านี้ “ผมเป็นลูกชายคนเดียวของคุณพ่อ สมบัติทุกอย่างของคุณพ่อก็ต้องเป็นของผมสิครับคุณย่า” ตรีทศรีบแย้งทันที เพราะการที่เดือนประดับพูดว่า พ่อจะยกอะไรให้เขา ‘บ้าง’ นั้นมันไม่ถูกต้อง “แทนพูดถูก ความจริงมันควรเป็นแบบนั้น” ไม่มีเหตุผลอะไรที่บุตรชายที่เพิ่งเสียชีวิตพร้อมภรรยาใหม่ด้วยอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวตกขณะไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศเมื่อหกเดือนก่อนจะไม่ยกมรดกทั้งหมดให้ตรีทศซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียว แล้วก็เป็นไปตามคาด ตรีทศได้รับมรดกทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ทว่ามีเงื่อนไขบางอย่างที่เขาต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด “มรดกทั้งหมดจะเป็นของคุณแทนก็ต่อเมื่อ คุณแทนยอมทำตามเงื่อนไขที่แนบมากับพินัยกรรมฉบับนี้เท่านั้น” ทนายความบอก “เงื่อนไขอะไรครับ” ตรีทศสังหรณ์ใจ เงื่อนไขของพ่อจอมบงการต้องไม่ธรรมดาแน่นอน “เงื่อนไขสองข้อที่คุณแทนต้องทำตามคือ ข้อหนึ่ง คุณแทนจะต้องรับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของคุณพรีมจนกว่าเธอจะเรียนจบปริญญาตรี” “ให้ผมเป็นผู้ปกครองยัยเด็กพรีมเนี่ยนะ” ตรีทศออกอาการฉุนเฉียว เขาคาดไม่ถึงว่าพ่อของเขาจะสร้างเงื่อนไขที่ดูเหมือนแกล้งกันอย่างนี้ เพราะท่านก็เห็นมาตลอดว่าเขากับพิมดาริกาไม่เคยญาติดีกันเลยสักครั้ง ความจริงคนที่ควรรับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของพิมดาริกาก็คือ ‘เดือนประดับ’ ผู้เป็นย่าของเขามากกว่า “ก็แค่ผู้ปกครองคอยดูแลน้องจะเป็นอะไรไป” เดือนประดับปรามเสียงเรียบทำให้หลานชายเจ้าอารมณ์ยอมสงบลงนิดหนึ่ง “ก็ได้ครับคุณย่า ผมยอมเป็นผู้ปกครองให้เด็กนี่ก็ได้” ชายหนุ่มรับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจแล้วหันไปถามพิมดาริกา “อีกกี่ปีกว่าจะเรียนจบ” “อีกสองปีค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบาแล้วหันไปบอกกับทนายความ “พรีมอายุสิบเก้าแล้ว ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมีผู้ปกครองดูแลหรอกค่ะ” “ไม่ได้ครับ อายุสิบเก้าปีถือว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะ คุณพรีมยังจำเป็นที่จะต้องมีผู้ปกครองดูแล ที่สำคัญผมต้องทำตามความประสงค์ของคุณตรัยภูมิด้วย” “อย่าเรื่องมากได้มั้ย คุณพ่อให้ทำอะไรก็ทำๆ ไปเถอะน่า” ตรีทศดุเสียงเข้มทำให้พิมดาริกาทำหน้าจ๋อยสนิท “คุณแทนพูดแบบนี้ แปลว่ายอมรับที่จะเป็นผู้ปกครองของคุณพรีมแล้วใช่มั้ยครับ” ถึงแม้จะตีความจากคำพูดของตรีทศได้ว่าเขายอมรับ แต่ในฐานะทนายความ ศุภชัยก็ต้องถามย้ำเพื่อให้เขาพูดออกมาให้ชัดเจน เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้เข้าใจตรงกัน “ยอมรับครับ บอกเงื่อนไขข้อที่สองมาได้เลย” “เงื่อนไขข้อที่สองก็คือ คุณแทนจะต้องแต่งงานกับคุณพรีมทันทีที่เธอเรียนจบปริญญาตรี และต้องอยู่ด้วยกันจนมีลูกชายหนึ่งคนถึงจะมีสิทธิ์หย่ากันได้” “ว่าไงนะ! แค่แต่งงานก็แย่พอแล้ว ยังจะต้องให้มีลูกด้วยกันอีก” ตรีทศโวยวายเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ เงื่อนไขข้อนี้มันมากเกินไป เขารับไม่ได้ “ถ้าคุณแทนไม่ยอมแต่งงานกับคุณพรีม มรดกทั้งหมดก็จะตกเป็นของคุณพรีมแต่เพียงผู้เดียวนะครับ” “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!” ชายหนุ่มหัวเสียสุดขีดแต่ก็ยังมีสติพอที่จะหาเหตุผลมาโต้แย้ง “แต่ตามกฎหมายพินัยกรรมไม่มีสิทธิ์บังคับให้คนแต่งงานกัน” “ใช่ครับ พินัยกรรมไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น แต่เงื่อนไขนี้เป็นเพียงเงื่อนไขที่แนบมากับพินัยกรรม ไม่ใช่คำสั่งในพินัยกรรม ถ้าคุณแทนไม่ยอมทำตามเงื่อนไขก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดก” “คุณพ่อต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ” “คุณตรัยภูมิได้ถ่ายคลิปวิดีโอไว้หนึ่งคลิป ท่านสั่งไว้ก่อนสิ้นใจว่า ให้ผมมอบคลิปให้คุณแทนในวันแต่งงานของคุณแทนกับคุณพรีม เมื่อถึงวันนั้นคุณแทนก็จะทราบเหตุผล” “ผมต้องรออีกตั้งสองปีเลยเหรอ ถึงจะรู้ว่าคุณพ่อคิดจะเล่นเกมอะไรกับผม” “ใช่ครับ” ทนายความวัยกลางคนที่คุ้นเคยกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดีตอบรับเสียงเรียบ “ก็ได้ ในเมื่อคุณพ่ออยากให้แต่ง ผมก็จะแต่ง แต่หลังจากมีลูกชายแล้วผมสามารถหย่าได้ทันทีแน่นะ” “แน่นอนครับ แต่หลังจากหย่ากันแล้ว ลูกจะอยู่ในความปกครองของคุณพรีมแต่เพียงผู้เดียว คุณแทนจะไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในตัวลูกเลย ถ้าเป็นแบบนั้นคุณแทนจะรับได้หรือเปล่าครับ” ทนายความถามกลับ “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เพราะผมก็ไม่ได้อยากได้ลูกอยู่แล้ว” ตรีทศกระตุกยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจเมื่อเห็นทางออกของเรื่องที่สุดแสนจะบ้าบอนี้ “สรุปนะครับ ผมจะยอมแต่งงานกับพรีมตามเงื่อนไขพินัยกรรมเพื่อให้เรื่องบ้าๆ นี่มันจบไป แต่หลังจากที่มีลูกชายด้วยกันแล้ว ผมจะหย่าทันที ผมไม่ทนอยู่กับยัยเด็กบ้านี่ไปตลอดชีวิตหรอก” “จะไม่มีใครถามความสมัครใจของพรีมเลยเหรอคะ” พิมดาริกาที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่นานพูดโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด เงื่อนไขงี่เง่าที่ตรีทศเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ถ้าเธอยอมทำตามก็บ้าแล้ว “ฉันตัดสินใจไปแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น” ตรีทศบอกอย่างเผด็จการ “พรีมไม่แต่งงานกับพี่แทนเด็ดขาด ยังไงก็ไม่แต่ง” “ถ้าคุณพรีมไม่ยอมแต่งงานกับคุณแทน คุณพรีมก็ต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ทันที โดยต้องออกไปแต่ตัว และห้ามคุณเดือนประดับให้ความช่วยเหลือไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม” ทนายความบอกเงื่อนไขเพิ่มเติม “หมายความว่า พรีมต้องตัดขาดจากคุณย่าไปเลยเหรอคะ” พิมดาริกาถามเสียงแผ่ว มองหน้าเดือนประดับแล้วน้ำตาจะไหล ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่ย่าแท้ๆ แต่ก็นับว่าเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอที่เหลืออยู่ตอนนี้ ถ้าต้องตัดขาดจากเดือนประดับก็เท่ากับเธอไม่เหลือใครอีกแล้ว “คุณพรีมเข้าใจถูกแล้วครับ” พิมดาริกาได้ยินคำตอบจากทนายความแล้วจุกอยู่ในอก ตรัยภูมิเป็นพ่อเลี้ยงที่เอ็นดูเธอเหมือนลูกแท้ๆ มาตลอด เธอคิดหาเหตุผลไม่ออกเลยว่าเพราะอะไรเขาถึงได้ทำพินัยกรรมที่ใจร้ายกับเธอได้ถึงขนาดนี้ ตรีทศประเมินสถานการณ์แล้วกระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัย “ในเมื่อผมยอมแต่งงานกับพรีมแล้ว แต่พรีมไม่ยอมแต่งงานกับผมเอง แบบนี้มรดกทุกอย่างก็ต้องตกเป็นของผมน่ะสิ” “ไม่ใช่ครับ” “ทำไมล่ะ!?” ตรีทศขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ “ถ้าไม่มีงานแต่งงานระหว่างคุณแทนกับคุณพรีมเกิดขึ้น มรดกทั้งหมดจะถูกบริจาคให้องค์กรการกุศลตามที่คุณตรัยภูมิได้ทำรายการไว้” “คุณพ่อบ้าไปแล้วเหรอ!” ตรีทศโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง พ่อของเขาทำเงื่อนไขที่ดูเหมือนไม่บังคับ แต่ความจริงแล้วมันคือการบังคับทางอ้อมดีๆ นี่เอง “ใจเย็นๆ สิแทน” เดือนประดับปรามหลานชาย มาถึงตอนนี้ท่านพอจะอ่านความคิดของลูกชายผู้ล่วงลับออกแล้วว่าเพราะอะไรเขาถึงได้ทำพินัยกรรมอลเวงนี้ไว้ก่อนลาโลก ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ตรัยภูมิเคยพูดหลายครั้งว่าเป็นห่วงพิมดาริกามากที่ไร้ญาติขาดมิตร จึงอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ เพื่อที่ในวันข้างหน้าตรีทศจะได้ดูแลเธอแทนเขา เดือนประดับเคยแย้งว่าให้เป็นเรื่องของเด็กๆ ตัดสินใจกันเอง แต่เมื่อวาระสุดท้ายมาถึงเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ ตรัยภูมิคงเป็นห่วงเรื่องนี้มากจึงได้ทำเงื่อนไขพินัยกรรมสุดพิลึกนี้ขึ้นมา “ถ้าเป็นแบบนี้ก็หมายความว่า การแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายถูกมั้ยคุณศุภชัย” “ถูกต้องครับ คุณตรัยภูมิไม่ได้บังคับให้คุณแทนกับคุณพรีมแต่งงานกัน ท่านเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนเลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเอง” “ให้เลือกแต่งงานกับเด็กนี่ กับเลือกที่จะเป็นขอทานข้างถนนเนี่ยนะ” ตรีทศยิ้มหยันให้กับความเฮงซวยของชีวิต “ผมไม่เลือกอย่างหลังแน่นอน” “สรุปว่าแทนจะยอมแต่งงานกับน้อง” เดือนประดับสรุปแล้วหันไปถามพิมดาริกา “พรีมล่ะ จะยอมแต่งงานกับพี่เขามั้ย” “พรีมไม่แต่ง ต่อให้ต้องอดตายพรีมก็ไม่แต่ง” เด็กสาวที่ไร้ญาติขาดมิตร เงินติดบัญชีเหลือแค่ไม่กี่พันบาทตอบหนักแน่น “อย่าโง่!” ตรีทศดุ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD