ยังไม่ทันได้บ่นอะไรต่อ แม่ใหญ่พิมพ์คนสวยก็พูดขึ้นเสียงดุแบบสายบังคับบัญชา
“เอากระเป๋าไปเก็บห้องข้างในให้แม่แน พวกเอกสารอยู่ในนั้นเบิดเลย เดี๋ยวแม่ไปคุยกับหมอก่อน”
“จ้ะแม่” ฉันรับคำเสียงเรียบ ยอมรับมอบภารกิจแต่โดยดี
ก่อนจะหอบกระเป๋าผ้าทั้งของแม่ทั้งของตัวเอง เดินเลี้ยวเข้าทางเดินด้านข้างตึก พื้นกระเบื้องตรงระเบียงเย็นเฉียบ แม้แสงแดดจะส่องแรงพอสมควร แต่ภายในตัวอาคารยังเย็นสบายเหมือนเดิม กลิ่นน้ำยาถูพื้นลอยอ่อน ๆ ปะปนกับกลิ่นยา และกลิ่น...
ปลายจมูกทำฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่น... กลิ่นของหมอ... คนนั้นที่ตรวจฉันเมื่อวันก่อน แต่อาจจะคิดไปเอง สงสัยยังหลอนจากฝันเมื่อคืน
ฉันเดินเลยห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ไปนิด ก่อนจะเบรกกะทันหัน เมื่อเหลือบไปเห็นบางอย่างจากมุมหางตา
“…” ที่มุมทางเดิน...มีใครบางคนยืนคุยอยู่กับกลุ่มสาว ๆ ใส่เสื้อชมพูอ่อนของโรงพยาบาล แม้จะเห็นแค่ด้านข้าง... แต่แค่แวบเดียวก็รู้สึกเหมือนหัวใจมันวูบไปนิด
ถึงจะเห็นแค่ครึ่งหน้า แต่ดวงตาเรียวคู่นั้น กลับจำได้ขึ้นใจ บ้าเอ๊ย ใจเย็นพาย เขาแค่หมอ ไม่ได้เป็นพระเอกซีรีส์สักหน่อย หัวใจจะเต้นแรงทำไม
แต่...คนบ้าอะไรขนาดใส่หน้ากากอนามัย ความหล่อกลับทะลุออกมาได้ นี่สินะที่เขาเรียกว่าหล่อทะลุแมส!
หมอยืนคุยกับสาว ๆ พร้อมแววตาแบบเห็นแล้วรู้เลยว่า ‘กำลังยิ้ม’
อืม...
เหมือนแฟนเก่าเพื่อนสนิทฉันไม่มีผิด ‘อัธยาศัยดี’ เข้ากับคนอื่นได้ง่าย แล้วสุดท้ายก็ทำเพื่อนฉันร้องไห้เป็นเดือน เหอะ พวกผู้ชายเจ้าชู้สิไม่ว่า...
ฉันหรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ก็แค่หมอคนหนึ่ง ใครจะไปสนใจ กอดกระเป๋าแน่นขึ้น แล้วรีบเดินผ่านไปอีกฝั่งทันที โดยไม่หันกลับไปมองอีก ขืนมองนานกว่านี้ ได้ฟาดหน้าตัวเองอีกรอบแน่ ๆ
หมออะไร...ท่าทางเจ้าชู้เป็นบ้า ไม่รู้แหละไม่ปลื้ม...ไม่อยากอยู่ใกล้...
ฉันวางกระเป๋าผ้าลงบนโต๊ะไม้ริมผนัง ก้มเก็บเอกสารที่แม่จัดไว้เป็นปึกให้เรียบร้อย เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นตรงทางเดินด้านหลัง ในจังหวะที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเอกสาร ทีแรกไม่ได้คิดอะไรหรอก จนกระทั่งความรู้สึกบางอย่างทำให้ต้องหยุดมือ
รู้สึกเหมือนมีใครบางคน...ยืนมองอยู่ ฉันหันกลับไปช้า ๆ ก่อนจะชะงัก
“…” หมอคนนั้นยืนอยู่ตรงประตู
“มีอะไรคะ?” ถามออกไปตรง ๆ เสียงไม่แข็ง แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยน เขาไม่ตอบ แค่เดินเข้ามาในห้องอย่างหน้าตาเฉย
ใจเริ่มไม่ดี... เพราะในห้องนี้ไม่มีใคร ทุกคนอยู่ข้างนอกหมด มีแค่ฉันกับเขา… กับความเงียบที่เริ่มดังขึ้นในหัว
“ปวดท้องดีขึ้นยัง”
หมอถามขณะที่ยังคงเดินเข้ามาใกล้ ฉันเม้มริมฝีปากแน่น พยักหน้าเล็กน้อย
“ค่ะ ดีขึ้นแล้ว…ขอตัวนะคะ”
ฉันเอ่ยเสียงนิ่ง แล้วหันตัวจะเดินออกจากห้อง แต่ก่อนจะได้ก้าวพ้นประตู... แขนของเขาก็ยื่นออกมาขวางทางไว้
“…” ฉันชะงักอีกครั้ง สีหน้าเริ่มไม่ไว้ใจ ‘อะไรของหมอเนี่ย…’ อินเนอร์ในใจดังขึ้นทันที พร้อมกับสายตาที่มองหมอไม่กะพริบ หมอไม่ได้พูดอะไร แต่กลับค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ใกล้จนถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เหมือนพื้นที่ว่างกำลังถูกเขาค่อย ๆ บีบเข้าหา จนแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพงห้อง
กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ลอยมาแตะจมูก... กลิ่นสะอาดนุ่มลึกแบบที่ไม่ได้แรง แต่กลับทำให้ใจเต้นแรงกว่าเดิม มันเป็นกลิ่นน้ำหอมราคาแพง กลิ่นที่แค่ได้กลิ่นก็รู้ว่าเจ้าของมีรสนิยม พยายามไม่สูดหายใจแรง แต่ในห้องที่เงียบขนาดนี้ แค่เสียงลมหายใจก็ยังฟังชัด...
แล้วเราก็ยืนใกล้กันมากเกินไป... แบบนี้มัน ‘ไม่ปลอดภัย’
“หมอจะทำอะไร…ถอยออกไปนะ” ฉันพูดเสียงต่ำ ไม่ใช่เสียงกลัวแต่เป็นเสียงที่ไม่พอใจเต็มที เขาเงียบ…ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ
“แค่จะตรวจให้”
ว่าแล้วมือของเขาก็ยกขึ้นมากดเบา ๆ บริเวณท้องน้อย
“อ๊ะ…เจ็บนะ!” ฉันสะดุ้ง ตัวเกร็ง
“หมอกดแรงไปนะ” เสียงเริ่มห้วนขึ้นโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับขยับตัวหลบ เขาเลิกคิ้วนิดหน่อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากบอกเสียงเรียบ
“ยาที่ให้ กินให้หมดด้วยนะ”
“ค่ะ ตรวจเสร็จแล้วใช่มั้ย?” กัดฟันถาม มือเริ่มจับสายกระเป๋าแน่นขึ้น เพราะอยากออกจากห้องนี้เต็มทน
เขาพยักหน้ารับรู้ “อืม…” แต่ไม่ได้ถอย ยังยืนอยู่ที่เดิม…ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาอีกนิด ใกล้จนได้ยินเสียงหายใจของเขาชัดเจน
ฉันเงยหน้ามอง ดวงตาคมเรียวจ้องลึกเหมือนจะมองทะลุเข้ามาในใจ
“แล้วตกลงจะบอกได้รึยัง…” เสียงเขาเบา แต่ดังชัดเจนในโสตประสาท
“…ว่าโดนของแข็งที่ไหนกระแทกมา”
“…”
คำถามนั้นเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้า ฉันนิ่งไปทันที หัวใจเต้นแรงเหมือนถูกปลุกให้ระลึกถึงบางอย่างที่พยายามลืม…
‘ไอ้หมอบ้า!’ ต่อว่าเขาในใจ สองมือดันคนตัวสูง เดินหน้าบึ้งออกมาจากห้อง โดยไม่ได้ปิดบังอารมณ์อะไรเลย ‘ตบปากหมอสักทีจะผิดอะไรมั้ย!’
เดินตรงไปหาแม่ที่กำลังยืนคุยอยู่กับใครไม่รู้ แม่เหลือบตามองฉันนิดหน่อย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแซว ๆ ตามสไตล์แม่ใหญ่พิมพ์
“ไปกินรังแตนมาแตไส หน้าคือเป็นจังซั่น!” (ไปกินรังแตนมาจากไหน ทำไมหน้าเป็นแบบนั้น)
ฉันเบะปากนิด ๆ ก่อนจะพึมพำออกไปพลางมองเลี่ยงออกข้าง
“บ่มีหยังดอกแม่…แค่เซ็งคนบางคนแหน่จักหน่อย” (ไม่มีอะไรหรอกแม่...แค่หงุดหงิดใครบางคนเฉย ๆ)
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ฝีเท้าก็ดังแทรกขึ้นมา ฉันหันขวับไปทันที ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร ‘อีตาหมอคนเดิม!’ คนเดียวกับที่อยู่ในห้องนั่นแหละ
“อ้าว มาแล้วเหรอคะหมอเวย์” หมอหมี่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เอ่ยทักเสียงนุ่ม
“ครับ” เขาตอบสั้นพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย
แต่สายตา... มองมาทางฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะหายไป แวบเดียวนั่นแหละ... แต่พอจะรู้ว่าหมอขำอยู่ในใจ...