ตอนที่ 6 คำขอจากเด็กน้อย

1235 Words
หลังเสร็จกิจกรรมวันแม่ ดารัญก็จูงมือเด็กหญิงกลับมาหาพ่อของเธอที่รออยู่ “ผมชื่อหริณครับ แล้วนี่ก็ลูกสาวผม ชื่อเอวา” ชายหนุ่มแนะนำตัว พร้อมย่อตัวลงลูบศีรษะของเด็กหญิงเบาๆ ดวงตาเขาดูอบอุ่นแต่แฝงด้วยความเหนื่อยล้าในแบบที่คนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเท่านั้นจะเข้าใจได้ “ฉันชื่อดารัญค่ะ” “แล้วคุณมาทำอะไรที่โรงเรียนนี้ครับ” ดารัญยิ้มบางๆ ก่อนตอบตามตรง “ฉันมาสมัครงานค่ะ อยากลองเป็นครูที่โรงเรียนนี้ แต่เขาไม่รับเพราะไม่มีประสบการณ์” หริณพยักหน้าเบาๆ สายตาเขาไม่ได้แสดงความสงสาร แค่รับฟังอย่างเข้าใจ เงียบไปอึดใจแล้วเขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ถ้าคุณยังหางานอยู่ ผมมีข้อเสนอครับ” ดารัญเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย หริณพูดต่อ “เอวา.ยังอ่านหนังสือไม่ค่อยคล่อง ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เท่าไร ถ้าคุณว่างลองมาสอนพิเศษที่บ้านผมดีไหมครับ สัปดาห์ละสองสามวันก็ได้ ค่าตอบแทนคุยกันได้” “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอนิ่งไปนิด ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย ยิ้มจางๆ น้ำเสียงสุภาพแต่ชัดเจน แต่ยังไม่ทันที่หริณจะพูดอะไรเพิ่มเติม มือเล็กๆ ของเด็กหญิงก็จับชายเสื้อของเธอแน่น ดวงตากลมใสคู่นั้นจ้องเธอไม่กะพริบ ก่อนจะเบะปากเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ “น้าสอนเอวานะคะ นะคะ… หนูอยากให้น้าเป็นครูของหนู” หัวใจของดารัญอ่อนยวบลงในทันที แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานเสียงอ้อนแสนบริสุทธิ์นั้นได้เลย ยิ่งเธอเป็นคนรักเด็กแล้วด้วย พอเจอเด็กอ้อนเธอก็ใจอ่อนทันที “ก็ได้ค่ะ แต่ได้แค่เย็นวันพุธและเย็นวันศุกร์นะคะ น้าก็มีภารกิจของตัวเองอยู่เหมือนกัน” “เย่! น้าเป็นคุณครูของเอวาแล้ว” เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จับมือเธอแน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ หริณมองภาพนั้นแล้วยิ้มบางๆ “ขอบคุณนะครับ เอวาไม่เคยผูกพันกับใครง่ายๆ ขนาดนี้เลย” ดารัญไม่ได้ตอบอะไรนอกจากรอยยิ้มบางๆ แต่ในใจเธอกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ************************ เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นระยะ ดารัญไม่ได้อยากรู้ แต่ความอยากรู้นั้นก็เหมือนกับบาดแผลที่แม้จะรู้ว่ากดแล้วเจ็บ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแตะมันซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอกดเข้าไปในข่าวบันเทิงที่เพื่อนส่งมาให้ “สิริพิชญ์ ดาราสาวชื่อดังที่เพิ่งกลับจากอังกฤษ ถูกแฉ! กำลังออกเดตกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ธาวินทร์ สุทธกรานต์” ข่าวแนบภาพที่ทั้งสองเดินเคียงข้างกันอย่างสนิทสนม รอยยิ้มของเขาที่ไม่เคยมีให้เธอปรากฏเด่นชัดอยู่ในรูปนั้น ดารัญมองภาพแล้วเงียบงัน มือเย็นเฉียบอย่างไม่มีเหตุผล หัวใจคล้ายถูกบีบช้าๆ ข่าวยังระบุอีกว่า “มีคนตั้งข้อสังเกตว่าธาวินทร์เคยมีภรรยาแล้ว แต่เจ้าตัวออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ได้ยุติความสัมพันธ์อย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อไม่ให้สิริพิชญ์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และยืนยันว่าทั้งคู่เริ่มต้นกันอย่างถูกต้อง” ถูกต้อง? ดารัญกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเธอ...คือ “อย่างไม่ถูกต้อง” อย่างนั้นหรือ เธอไม่ได้โกรธที่เขาออกเดต แต่เจ็บที่เขาปกป้องคนที่เขารักด้วยการเปิดเผยความจริงแบบเลือกข้าง แต่ไม่เคยปกป้องศักดิ์ศรีของเธอในฐานะภรรยาที่เคยร่วมใช้ชีวิตด้วยกันเลยแม้แต่คำเดียว “เพราะรัก เขาจึงปกป้องเธอสินะ” เธอพึมพำกับตัวเอง รู้สึกขมขื่นในใจ ทั้งที่ตอนอยู่กับเธอ เขาไม่เคยแม้แต่จะเปิดตัวเธอด้วยซ้ำ แม้แต่สถานะในทะเบียนสมรสเขายังไม่เคยให้ อีกด้านหนึ่ง ดาราสาวนั่งอยู่หน้ากระจก เธอแต่งหน้าอย่างประณีต ใบหน้ายังคงงดงามไร้ที่ติ แต่ในใจกลับร้อนรนและเต็มไปด้วยความกลัว เสียงโทรศัพท์ที่สั่นเบาๆ บนโต๊ะยังคงดังไม่หยุดข้อความจากผู้จัดการปรากฏบนหน้าจอ “ธาวินทร์ให้สัมภาษณ์แล้วนะ เขาปกป้องเธอเต็มที่เลย” เธอควรดีใจแต่กลับรู้สึกหนักในอก เขายังไม่รู้ความจริง และเมื่อรู้เขาอาจไม่ยอมให้อภัยเธอ สิริพิชญ์หลับตาลง พึมพำกับตัวเองเบาๆ จากนั้นเสียงเรียกเข้าจากธาวินทร์ก็โทรเข้ามา เธอจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเขาที่มารอรับเธอไปไหว้มารดาของเขา บรรยากาศในบ้านเงียบกว่าทุกครั้งที่ธาวินทร์เคยพาสะใภ้มา สิริพิชญ์นั่งลงข้างเขาอย่างเรียบร้อย มารยาทไม่ขาดตกบกพร่อง เธอยิ้มอ่อนแต่อ่อนน้อมแม้จะรู้สึกแปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก มารดาของธาวินทร์เงยหน้าขึ้นจากของว่างที่วางตรงหน้า เธอมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตานิ่งสงบ และไร้ความยินดี “ฉันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน เธอบอกว่าจะไม่กลับมาให้ใครต้องลำบากใจอีก” คำพูดนั้นทำให้สิริพิชญ์นิ่งไปทันที ธาวินทร์ทำหน้าลำบากใจ เขาวางมือบนต้นขาเธอเบาๆ เหมือนจะให้กำลังใจ “แม่ครับ ตอนนั้นมันคนละเวลา...” “ใช่ มันคนละเวลา” กัลยาพูดต่อเสียงเรียบ “แต่ผู้หญิงที่แม่ยอมรับมีคนเดียว” คำพูดนั้นฟาดตรงกลางอกของทั้งสองคนสิริพิชญ์นิ่งงัน ดวงตากะพริบช้าๆ ก่อนหลุบลงต่ำ “คุณแม่เข้าใจผิดแล้วค่ะ หนูกับวินเราเป็นแค่เพื่อนกัน” สิริพิชญ์พยายามจะสื่อสารให้มารดาของเขาเข้าใจ เป็นนัยบอกถึงธาวินทร์ให้รู้ว่าเธอไม่ได้คิดเกินเลยกับเขา “ก็ย่อมเป็นอย่างนั้น” น้ำเสียงของกัลยาไม่ได้เกรี้ยวกราด แต่นิ่งเฉียบและมั่นคงจนไม่มีใครกล้าเถียง “ผู้หญิงที่ยอมเสียงาน ยอมเสียชื่อเสียง เพื่อมาอยู่กับลูกชายแม่ คนที่อดทนเงียบๆ แม้จะรู้ว่าไม่ได้รับความรัก และยังยิ้มให้แม้ในใจจะเจ็บปวด คนแบบนั้นจะหาได้อีกกี่คน แม่ไม่ได้รักดารัญเพราะเธอเป็นสะใภ้ แม่รักเพราะเธอเป็นคนดี และไม่มีใครแทนที่ได้” สิริพิชญ์ก้มหน้า ไม่อาจซ่อนความอึดอัดได้ส่วนธาวินทร์.รู้สึกหนักในใจ แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่คำพูดขอมารดาวันนี้กลับทำให้เขาอึดอัด “หนูกับวินเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ค่ะ ที่ผ่านมาเราก็เป็นเพื่อนกันมาตลอด และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป” ธาวินทร์มองหน้าเธอ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธแบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะสิริพิชญ์ไม่อยากให้มารดาของเขาคิดมากอย่างนั้นหรือ “เป็นอย่างนั้นก็ดี” กัลยาพูดแล้วก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารต่อ ธาวินทร์จึงได้แต่เงียบไป หันมาตักอาหารเอาใจมารดา ในขณะที่สิริพิชญ์อึดอัดใจ จริงอยู่ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับธาวินทร์แล้ว แต่เขายังคงคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน หญิงสาวต้องรีบหาโอกาสบอกเขาก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปกว่านี้ ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD