‘สวัสดีจ้ะ เคน เป็นยังไงบ้าง สบายดีรึเปล่า ส่วนเราสบายดีมากๆ ตอนนี้ที่อังกฤษอากาศหนาวสุดๆ เราต้องใส่เสื้อตั้งหลายชั้นแน่ะ แต่ก็ยังหนาวอยู่ดี นี่ดีนะที่มีเครื่องทำความร้อน ไม่งั้นเราคงแข็งจนกลายเป็นไอศกรีมแน่ (แหะๆ)
ตอนนี้เรากำลังเรียนต่อไฮสคูลแหละ ที่นี่มีคนหลายเชื้อชาติมาก เราก็เลยมีเพื่อนเป็นต่างชาติเยอะแยะ ตอนแรกที่มาถึงปรับตัวแทบแย่แน่ะ นายก็รู้ว่าภาษาอังกฤษเราอ่อนแค่ไหน (ได้ F เลยนะตอนเรียน) ชินบอกให้เราพยายาม แถมเขายังช่วยสอนเราพูดอีก (เกรงใจเหมือนกัน) แต่ตอนนี้เราพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแล้วล่ะ (Give me Five!)
ชินทำงานไปเรียนไปด้วย (เขาเก่งเนอะ เรางี้ยกนิ้วให้เลย) เพราะพ่อของเราสองคนมาเปิดสาขาบริษัทร่วมกันที่นี่อีกแห่ง ชินเลยทำงานตัวเป็นเกลียว เราว่าจะเรียนต่อด้านบริหารเพื่อจะออกมาช่วยชินทำงานเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นตัวช่วยหรือเป็นตัวถ่วงน่ะ (ยังไงก็จะลองพยายามดูล่ะ)
จริงสิ! เคน เรารู้ข่าวจากแม่ว่านายได้รับรางวัลสาขาตากล้องยอดเยี่ยมด้วยเหรอ ยินดีด้วยนะ เพราะฉะนั้นเราเลยส่งของขวัญมาให้นายพร้อมกับจดหมายนี้ ลองแกะดูสิ แบบว่าไฮเทคสุดๆ ของที่นี่เลยนะ เราว่านายต้องได้ใช้มันแน่ๆ
อ๊ะ! รู้สึกเราจะเขียนมากไปหน่อยรึเปล่า แต่พอเราโทรศัพท์ไปคุยกับนายทีไร ชินชอบทำตาเขียวทุกทีเลยอะ (^_^)
ดีใจเหมือนกันแฮะที่เขาหึง เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนละกัน แล้วเราจะเขียน (โทร) ไปหาใหม่นะ อย่าลืมใช้ของที่เราส่งให้ล่ะ
คิดถึงทุกคนที่อยู่ญี่ปุ่นนะ เคนก็รีบหาแฟนเร็วๆ เข้า อย่ามัวแต่จีบหญิงเรื่อยเปื่อยอยู่เลย (แม่เราบอกมา)
P.S. ที่นี่ยังไม่มีใครรู้เลยซักคนว่าเราแต่งงานแล้วน่ะ (ถึงบอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อแน่เลย ฮิๆ)
ทากามูระ นานะ’
เคนนั่งอมยิ้มกับจดหมายที่นานะส่งมาให้เขาพร้อมกับกล่องพัสดุกล่องหนึ่ง หนึ่งปีแล้วสินะที่นานะกับชินแต่งงานกันไป กว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันได้ก็ทำเอาคนรอบข้างอลเวงไปหมด เคนส่ายหัวเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จริงๆ แล้วเขาก็อยากเป็นคนที่อยู่เคียงข้างนานะตลอดชีวิต แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดีใจที่นานะมีความสุขกับคนที่เธอรัก เคนอ่านประโยคที่นานะบอกว่าให้เขารีบหาแฟนเร็วๆ แล้วก็ต้องถอนใจ
ยัยบ๊องเอ๊ย นอกจากเธอแล้วฉันก็ไม่อยากจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นล่ะ
เคนแค่นยิ้มกับความคิดนั้น เขายังไม่สามารถลืมสาวน้อยร่างเล็ก เพื่อนสนิทและผู้หญิงเพียงคนเดียวที่กุมหัวใจเขาไว้อย่างแท้จริงได้เลย…นานะ
ดวงตาคมจ้องมองกล่องพัสดุที่นานะส่งมาให้ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแกะออกอย่างบรรจง ภายในนั้นบรรจุกล้องตัวจิ๋วขนาดพกพาไปไหนมาไหนได้
เคนหยิบมันขึ้นมาพิจารณาดูและทดลองใช้งาน มันเป็นกล้องบันทึกภาพวิดีโอซึ่งมีเทคนิคการใช้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน สะดวกสบายสมกับที่นานะบอกไว้ในจดหมายจริงๆ
“ช่างรู้ใจเราเสียจริงนะ ยัยตัวเล็ก” ปากได้รูปคลี่ยิ้มอย่างพึงใจก่อนจะพึมพำเบาๆ เขาถูกใจกับกล้องนี่มาก
ภายในบ้านของตระกูลโคบายาชิ สาวน้อยร่างเพรียวบางกำลังง่วนตัดกิ่งกุหลาบอยู่ภายในห้องครัวอย่างเพลิดเพลิน จนไม่ทันสังเกตเห็นหนุ่มใหญ่ที่เดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาจ้องมองเธอด้านหลังอย่างเอ็นดู
“รุมิ” อากิระส่งเสียงเรียกลูกสาว
“คะ?” รุมิขานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพ่อของเธอ
“พรุ่งนี้ลูกว่างรึเปล่า” อากิระพูดพลางเดินเข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆ
“ก็ว่างค่ะ ทำไมหรือคะ”
“คือ…มีนิตยสารเล่มหนึ่งจะนัดสัมภาษณ์ลูกน่ะ”
เมื่อวานเขาได้รับโทรศัพท์จากนิตยสาร Women of Today ติดต่อขอสัมภาษณ์คุณหนูตระกูลโคบายาชิไปลงหนังสือ
เพราะรุมิเป็นแบบอย่างของผู้หญิงวันนี้ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการงานรวมถึงด้านอื่นๆ ด้วย รุมิสละเวลาทั้งที่ยังเรียนอยู่มาช่วยเหลือพ่อบริหารงานที่บริษัท หนำซ้ำยังเพาะพันธุ์ต้นอ่อนกุหลาบส่งออกต่างประเทศด้วยตัวเองเป็นรายได้เสริมอีกทางด้วย
“ก็ได้ค่ะ กี่โมงล่ะคะ” รุมิตอบตกลงอย่างง่ายๆ
“ประมาณสิบโมงจ้ะ ดีเหมือนกัน คนทั้งประเทศจะได้รับรู้ว่าลูกพ่อน่ะเก่งแค่ไหน” อากิระโอบไหล่รุมิอย่างรักใคร่
“ใช้งานอะไรลูกอีกล่ะคะ ตอนนี้รุมิก็แทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองอยู่แล้วนะ”
เสียงหญิงคนหนึ่งดังขัดขึ้นด้านหลังอากิระ
“แหะๆ เปล่าซักหน่อยคุณก็”
อากิระหันไปส่งยิ้มแหยๆ ให้กับเธอ เขารีบเข้าไปช่วยทันทีที่เห็นเธอหอบดอกกุหลาบมาเต็มมือ
หลังจากเกิดเรื่องในวันแต่งงานของรุมิขึ้น อากิระก็ขอให้เรโกะมาอยู่ที่บ้านในฐานะภรรยาของเขา รุมิเองก็เห็นด้วย เพราะเธอไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหนเหมาะสมกับพ่อเธอเท่าเรโกะอีกแล้ว ตอนแรกเรโกะมีท่าทีลังเล แต่ก็ตอบตกลงและเข้ามาอยู่ในบ้านของอากิระในที่สุดจนกระทั่งวันนี้
“ไม่รู้ตอนนี้ชินจะเป็นยังไงบ้างนะ” เรโกะเอ่ยขึ้นลอยๆ เมื่อคิดถึงชิน
หลังจากวันนั้น เขาก็พานานะมาให้เธอรู้จักและบอกว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ไม่มีใครคัดค้านใดๆ ทั้งสองคนจึงได้แต่งงานกัน
หลังจากนั้นชินก็พานานะบินไปอังกฤษ เพราะตระกูลยามาโตะกับตระกูลโคบายาชิตัดสินใจจะเปิดบริษัทร่วมกันในนามของบริษัท White Ribbon ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องประดับจิวเวลรี่รวมไปถึงเครื่องสำอางต่างๆ และตอนนี้ก็กำลังเป็นที่โด่งดังในประเทศอังกฤษอยู่
“เขาก็คงมีความสุขอยู่กับคนที่เขารักล่ะมั้ง เหมือนผมไง”
อากิระพูดพร้อมทำตาหวานใส่เรโกะ ไม่ทิ้งมาดหนุ่มหล่อเฟี้ยวล้นเสน่ห์ในอดีต ทำให้เธอรู้สึกเขินอาย
“บ้า! อายลูกมั่งสิ คุณนี่” เรโกะตีเพียะเข้าให้ที่แขนของอากิระ
รุมิมองพ่อที่หยอกเย้าเล่นกับเรโกะอย่างมีความสุข ก็ได้แต่สะท้อนใจเมื่อคิดถึงตัวเอง ความรักของเธอดูเหมือนจะไม่เคยสมหวังเลยซักครั้ง ไม่ว่าจะกับชินหรือกับใคร
9.30 น. ของวันรุ่งขึ้น
รุมิขับรถมาจอดตรงหน้าบริษัท Kei ซึ่งเป็นที่นัดพบของนิตยสาร Women of Today เธอก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในบริษัทด้วยท่าทางมั่นใจ เมื่อพนักงานประชาสัมพันธ์เห็นรุมิก็รีบกุลีกุจอมาต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมกับบอกทางให้เธอเดินไปยังสตูดิโอเพื่อถ่ายภาพประกอบลงบทสัมภาษณ์
ขณะที่เดินตามทางไปเรื่อยๆ เพื่อมองหาห้องสตูดิโอถ่ายภาพหมายเลขเก้าอยู่นั้น รุมิก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเงาของผู้หญิงกับผู้ชายที่กำลังยืนคุยกันอยู่ในซอกลับตาคน ทีแรกเธอก็ไม่ได้สนใจนักหรอก แต่ก็ต้องหยุดชะงักเท้าเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นแวบหนึ่ง
“โทษทีนะจ๊ะ เรียวโกะ ผมไม่ว่างจริงๆ” เขาบอกผู้หญิงซึ่งดูเหมือนจะชื่อเรียวโกะอย่างหวานหยดย้อย
“แหม…อย่าเลย คุณน่ะไม่ว่างทุกทีน่ะล่ะ” เธอพูดกระเง้ากระงอดแง่งอน
“โธ่! ก็ผมมีงานรัดตัวจริงๆ เอางี้ คุณอยากให้ผมทำอะไรเป็นการไถ่โทษล่ะ” นัยน์ตาของหนุ่มคนที่พูดส่งความนัยอย่างหวานเชื่อม
“ต้องจูบฉันหนึ่งที แล้วฉันจะยกโทษให้” เรียวโกะตอบกลับพร้อมหลับตาพริ้ม รอรับจุมพิตจากชายคนนั้น
เขาอมยิ้มกริ่มพลางดึงตัวเธอเข้าไปจูบอย่างดูดดื่ม จนหญิงสาวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา
แล้วทันใดนั้นเอง ไม่รู้เพราะอะไรดลใจ เขาเหลือบตามองออกมาจากซอกที่ยืนอยู่ และพบสายตาของรุมิซึ่งกำลังมองหน้าเขาอย่างตกตะลึง
“นาย!!!”
รุมิร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นชัดแล้วว่าผู้ชายซึ่งจูบกับผู้หญิงที่ชื่อเรียวโกะคือ…
“มีอะไรหรือคะเคน อุ๊ย!”
เรียวโกะตกใจกับเสียงร้องของรุมิจึงลืมตาขึ้น เธอหันไปมองสายตาที่บ่งบอกความไม่พอใจของรุมิ
“สวัสดีครับ โคบายาชิซัง” เคนส่งยิ้มทักทายให้กับรุมิอย่างอารมณ์ดี ไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด
“ใครกันคะ เคน” เรียวโกะมองรุมิอย่างไม่ไว้ใจ เมื่อเห็นสายตาที่เธอมองมา
“อ๋อ…ลูกสาวประธานโคบายาชิน่ะ เจ้าของบริษัทเครื่องสำอางยี่ห้อ ANGIES ชื่อดังยังไงล่ะ” เคนเสยผมลวกๆ ก่อนจะแนะนำรุมิอย่างไม่สนใจสายตาไม่พอใจของเธอ
“อ้อ…งั้นเหรอคะ” เรียวโกะเลิกคิ้วมองและหันไปถามรุมิอย่างสุภาพ
“แล้วมาทำอะไรที่นี่หรือคะ คุณโคบายาชิ”
“ฉันมาทำอะไรที่นี่ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ที่แน่ๆ ไม่ได้มาทำอะไรตามซอกลับตาแบบนี้อย่างคุณแล้วกันค่ะ คุณเรียวโกะ” รุมิตอบด้วยเสียงเย็นชาแกมเยาะเย้ยเล็กน้อย
เรียวโกะชักสีหน้าไม่พอใจ เพราะเธอพูดดีกับรุมิแล้วแต่กลับโดนตอกกลับเช่นนี้
“นี่คุณโคบายาชิ! ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณเหมือนกัน หรือว่า…คุณอิจฉาฉันล่ะ ที่ไม่ได้ทำแบบที่ฉันทำ” เรียวโกะย้อน
“นี่! เธอ!!!”
รุมิเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง เรียวโกะเองก็ไม่ยอมแพ้ เชิดหน้าประชันแข่งกับรุมิเหมือนกัน
“เอาล่ะๆ พอได้แล้วน่า เรียวโกะ คุณต้องรีบไปถ่ายแบบไม่ใช่เหรอ นี่ก็เลยเวลาแล้วนะ” เคนเตือนเรียวโกะ เขาต้องรีบเข้ามาแทรกกลางห้ามทัพทั้งคู่ ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้
“อุ๊ย! ตายจริง! ขอบคุณนะคะเคนที่ช่วยเตือน งั้นฉันไปก่อนนะคะ แล้วอย่าลืมโทรหาฉันล่ะ”
เรียวโกะขยิบตาพร้อมกับส่งจูบลาเขา และรีบปลีกตัวออกไปจากตรงนั้นทันที
“แล้วเธอมาทำอะไรล่ะ อ้าว!!”
เคนโบกมือบ๊ายบายตามหลังเรียวโกะ ก่อนจะหันมาถามรุมิ แต่ก็ไม่เห็นเธอเสียแล้ว
รุมิเดินจ้ำออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะขุ่นเคืองที่เห็นเคนไปจูบกับผู้หญิงอื่น เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมจะต้องรู้สึกโกรธถึงขนาดนี้
“เดี๋ยวสิเธอ!” เคนรีบวิ่งตามมา ดึงแขนของรุมิไว้
“ปล่อยฉันนะ!!”
รุมิสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุมของเคน แต่เขาไม่ยอมปล่อย แถมดันตัวเธอให้ไปพิงติดกำแพงด้านข้าง และกางแขนสองข้าง เอามือยันกำแพงไว้ไม่ให้เธอหนีไปไหน
ใจรุมิเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรู้ตัวว่าผู้ชายตรงหน้าอยู่ใกล้เธอมากแค่ไหน กลิ่นหอมอ่อนๆ แสนเซ็กซี่จากร่างเขาทำให้เธอต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“จะรีบไปไหนกันคร้าบ คุยกันก่อนสิ” เคนยิ้มแบบที่รุมิเห็นทีไรจะต้องใจอ่อนกับรอยยิ้มของเขาทุกที
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนาย”
รุมิส่งเสียงฮึดฮัด เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมเวลาเจอผู้ชายคนนี้แล้วเธอต้องรู้สึกทำตัวไม่ถูก แถมไม่มีแรงพอจะต่อต้านเขาด้วย
“แต่ฉันมีนี่นา” ประกายวิบวับส่งผ่านออกมาจากดวงตาเรียวใหญ่
รุมิมองแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ เธอเลยค้อนขวับเข้าให้
“ไม่พอใจอะไรฉันเหรอ รุมิจัง” เคนถามเสียงอ่อนโยน
รุมิเม้มริมฝีปากบาง นิ่งเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามเขา เคนจ้องมองเธออย่างพินิจวิเคราะห์ครู่หนึ่งแล้วก็ต้องกลั้นยิ้มไว้
“อ๋อ! ฉันรู้แล้วล่ะ เธอหึงฉันนี่เอง” หนุ่มหล่อยิ้มร่า สรุปออกมาแบบเข้าข้างตัวเองเห็นๆ
รุมิมองเคนตาเขียว
“ใครบอกว่าฉันหึงนาย! ฉันไม่ได้หึงซะหน่อย!”
“ถ้าไม่ได้หึงแล้วไม่พอใจอะไรจ๊ะ รุมิจัง อ้อ…หรือว่าไม่พอใจที่ฉันไม่ได้จูบเธอเหมือนที่จูบเรียวโกะ” นายเจ้าเล่ห์ยักคิ้วถามอย่างกวนโมโห ทำให้ความโกรธของเธอพุ่งขึ้นมาอีก
“ฉันไม่ได้โมโหอะไรทั้งนั้น! เลิกยุ่งกับฉันซะที!”
รุมิสะบัดตัวอย่างแรงทำให้เคนเสียหลักถอยไปด้านหลัง เมื่อหลุดออกจากการเกาะกุมของเขา รุมิจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องสตูดิโอถ่ายภาพหมายเลขเก้าที่อยู่เยื้องไปเล็กน้อย โดยมีเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของเคนดังไล่หลังมา
“อีตาบ้า!!! ทำไมฉันต้องเดือดเพราะนายนี่ทุกทีเลยนะ”
รุมิพึมพำอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินตรงไปหาทีมงานที่กำลังเตรียมงานกันอยู่อย่างเร่งรีบ เนื่องจากเป็นเวลาสิบโมงแล้ว