รุมิให้สัมภาษณ์กับทีมงานของนิตยสาร Women of Today เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ถ่ายภาพประกอบเรื่องเท่านั้น ทางทีมงานพาเธอไปแต่งตัวแต่งหน้าใหม่หมด ก่อนจะพากลับมาที่ห้องสตูดิโออีกครั้ง
และขณะนี้ รุมิกำลังรอช่างภาพและยืนมองฉากที่ใช้เป็นแบ็คกราวน์อย่างทึ่งๆ เพราะว่าการเล่นสีของฉากดูมีสีสันสวยงามมาก โทนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลเข้มสลับกับสีเขียวน้ำทะเลเช่นกัน
รุมิก้มลงมองชุดสีฟ้าอมม่วงของตัวเองซึ่งทางทีมงานเตรียมให้ใส่เข้าชุดกับกางเกงสีขาวนวลเข้ารูป มันดูเข้ากันกับฉากหลังได้เป็นอย่างดี
“มองอะไรอยู่เหรอครับ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งทักขึ้นด้านหลัง
รุมิสะดุ้งตกใจและหันไปมอง
“นาย!!”
“ใช่ ฉันเอง” ร่างสูงยิ้มทะเล้นให้กับรุมิที่ใบหน้าแสนสวยเริ่มบึ้งตึง
“แหม…อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวจะหมดสวยซะเปล่าๆ” เขาหลิ่วตาล้อ รุมิเลยยิ่งหน้าบูดเข้าไปอีก
“นายก็เอาหน้านายไปให้พ้นๆ ฉันสิ หน้าตาฉันจะได้ดีๆ”
“ฮึๆ!! เธอนี่ตลกดีนะ” เคนหัวเราะร่า ชอบใจที่สามารถยั่วรุมิได้
“ขำอะไร!!!” รุมิตวาดใส่อย่างไม่พอใจ
“ก็…หน้าตาเธอน่ะสิ แสดงออกมาหมดเลยล่ะ เวลาไม่พอใจหรือว่าดีใจน่ะ ฮะๆ” เขายังคงขำไม่เลิก
“เชอะ!! แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ”
“อ้าว!! ก็มีคนไปตามฉันให้มาถ่ายรูป ฉันก็นึกว่านางแบบที่ไหน ที่แท้…” หนุ่มหล่อมองรุมิด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
เธอเขม่นมองเขาอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะถามอย่างสงสัย “ทำไม ที่แท้อะไร”
“ที่แท้ก็คุณหนูสุดหยิ่งของตระกูลโคบายาชินี่เอง นึกว่าใคร” รอยยิ้มหวานผุดขึ้นที่ริมฝีปากเคนอีกครั้ง เขาหัวเราะออกมาอย่าสะใจ
“นาย!!”
รุมิทำอะไรไม่ได้ เอาแต่ฮึดฮัดอยู่ในลำคอ
“คุณเคนครับ เตรียมกล้องให้เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
ทีมงานคนหนึ่งเดินมาบอกเคน ทำให้การสนทนาระหว่างเขาสองคนยุติลง
เคนก้าวขายาวๆ ตรงไปที่กล้อง ส่วนทีมงานก็พารุมิไปยืนที่ฉากเพื่อโพสท่าถ่ายรูป เมื่อเคนได้จับกล้องแล้ว ความเป็นมืออาชีพก็แสดงออกมาให้เห็นทันที ไม่เหลือมาดหนุ่มเจ้าชู้อีกเลย
ดวงตาที่มักเป็นประกายวิบวับ ตอนนี้กลับเยือกเย็นคมกริบ และจับจ้องผ่านกล้องอยู่แต่ที่รุมิตลอดเวลา ขณะคอยบอกให้เธอโพสท่าต่างๆ ไปเรื่อยๆ
รุมิรู้สึกขัดเขิน เมื่อรู้ว่าสายตาของเคนกำลังมองเธออยู่ด้านหลังกล้อง เธอเลยโพสท่าติดๆ ขัดๆ จนบางครั้งโดนเคนดุหาว่าเธอทำให้เขาเปลืองฟิล์ม
ตอนแรกรุมิก็รู้สึกเคืองอยู่หรอก แต่เมื่อคิดได้ว่านี่คือการทำงาน เธอก็ตั้งสมาธิและเริ่มโพสท่าตามที่เขาบอกอย่างตั้งใจ ทำให้การทำงานช่วงหลังออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เคนที่จ้องมองรุมิผ่านกล้องรู้สึกว่าเธอแต่งตัวได้เข้ากับฉากมากตามสเป็คที่เขาคิดไว้เลย
รุมิเห็นเขาทำงานอย่างจริงจังก็รู้สึกทึ่งเหมือนกัน ทั้งที่ปกติแล้ว เคนมักจะยั่วโมโหเธออยู่เสมอ
เธอเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป แอ็คท่าไปเรื่อยๆ ทุกคนในกองถ่ายต่างจับตามองการถ่ายทำของเธอ จนไม่มีใครทันสังเกตเห็นผู้ชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกสตูดิโออย่างเงียบกริบ
“ขอบคุณมากนะคะ สำหรับวันนี้”
ทีมงานขอบคุณรุมิที่ได้สละเวลามาให้สัมภาษณ์หนังสือและถ่ายรูปประกอบการสัมภาษณ์
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยินดีเสมอ” รุมิยิ้มให้กับทีมงานก่อนจะขอตัวกลับบ้าน
หลังจากเดินออกจากสตูดิโอถ่ายภาพ เธอก็เดินไปเรื่อยๆ สักพักก็เริ่มรู้สึกว่ามีคนเดินตามมา แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่พบใคร เธอนิ่งคิดอย่างสงสัย ก่อนจะเริ่มเดินต่อไปยังหน้าบริษัท
“อ้าว! เดี๋ยวสิเธอ จะรีบไปไหนล่ะ”
เคนที่วิ่งตามรุมิมาจนทันเรียกเธอเอาไว้ เธอหยุดชะงักกึก หันมองเขาด้วยความแปลกใจ
“ฉันก็กลับบ้านน่ะสิ ถามแปลก” คิ้วที่ถูกกันอย่างสวยงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“รอแป๊บสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง” เขาบอกเธอด้วยท่วงท่าสบายๆ รุมิรู้สึกงุนงงอย่างมาก
“ไม่เอาหรอก ทำไมฉันต้องให้นายไปส่งด้วยล่ะ” เธอปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ก็ตอนนี้มันค่อนข้างมืดแล้ว ฉันเป็นห่วงสวัสดิภาพนี่จ๊ะ” หนุ่มมาดเซอร์อมยิ้มน้อยๆ
“อ้อ! เป็นห่วงฉันด้วยเรอะ” รุมิเชิดหน้าใส่เขา
ภาพใบหน้ารูปไข่ที่มีจมูกเล็กๆ กับปากจิ้มลิ้มยื่นขึ้นนั้นน่ารักซะจนเคนต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้
“ฉันห่วงสวัสดิภาพคนอื่นน่ะ กลัวเธอจะไปทำร้ายใครเอา” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นรุมิหลงกล
“นาย!” รุมิฮึดฮัด ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป
“อ้าว! งอนไปซะแล้ว ฮึๆ เด็กน้อยเอ๊ย”
คนแกล้งส่ายหน้าช้าๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้าวเท้ายาวตามสาวสวยจอมเชิดไปอย่างไม่เร่งรีบนัก
“คุณเคนครับ” เสียงทีมงานคนหนึ่งทำให้เขาหยุดชะงัก
“มีอะไรเหรอ” เคนหันไปมองทางรุมิก็เห็นว่าเธอกำลังจะเดินลับตาไปแล้ว
“ผมอยากจะถามเรื่องรูปถ่ายสักหน่อย คือว่า…”
เคนไม่ค่อยจะได้ใส่ใจฟังคำพูดของเขานัก ระหว่างฟัง เขาก็มักจะเหลือบตามองไปยังทางออก ทำไมเขาถึงต้องร้อนรนอยากตามยัยคุณหนูจอมเอาแต่ใจนั่นไปขนาดนั้นก็ไม่รู้
รุมิรีบเดินออกจากบริษัทและตรงไปที่รถทั้งที่ยังโมโหอยู่ และขณะที่เธอกำลังไขกุญแจรถอยู่นั้น
“อุ๊บ!!!”
รุมิร้องออกมาอย่างตกใจแต่ก็ส่งเสียงไม่ได้ เมื่อมีคนเอามือมาปิดปากเธอและล็อคคอของเธอเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน
“อย่าส่งเสียง!!!” ชายชุดดำขู่เธอเสียงเข้ม
จากนั้นเธอก็รับรู้ได้ถึงความเย็นของโลหะมีคมที่สัมผัสกับคอของเธอ
“ไปกับพวกเราซะดีๆ คุณโคบายาชิ”
ชายชุดดำอีกคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอ เขาใส่แว่นกันแดดสีดำ ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง ผมสีทองยาวสยายที่ด้านหลังของเขาส่องประกายสว่าง แม้ว่าความมืดจะเข้ามาครอบคลุมแล้วก็ตาม
รุมิทำท่าว่าจะพูดอะไรซักอย่าง ชายคนนั้นจึงส่งสัญญาณให้ชายอีกคนปล่อยมือจากปากของเธอ
“พวกคุณเป็นใคร” เธอถามอย่างรวดเร็วเมื่อชายชุดดำด้านหลังเธอปล่อยมือ
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ ไปกับพวกเราซะจะดีกับตัวของคุณเอง” ชายผมทองบอกเสียงเรียบ
“ก็ได้ นำไปสิ”
รุมิทำใจกล้าบอกออกไป ชายคนนั้นมองรุมิก่อนจะพยักหน้าให้ชายชุดดำด้านหลังบังคับให้เธอเดินตามมา
รุมิจำต้องฝืนเดินอย่างไม่เต็มใจนักเพราะโลหะที่สัมผัสด้านหลังเธอบอกให้รู้ว่ามันน่าจะเป็นกระบอกปืน เธอเหลือบมองไปรอบๆ เผื่อจะมีใครเดินผ่านมาทางนั้น แต่ช่างเป็นโชคร้ายของเธอที่ไม่มีใครผ่านมาเลยซักคน รุมิโดนบังคับให้ขึ้นไปบนรถแวนและโดนสั่งให้ไปนั่งด้านหลัง ชายผมทองขึ้นไปนั่งตรงข้ามกับรุมิ และสั่งให้ชายชุดดำออกรถอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเคนที่คุยกับทีมงานเสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งตามรุมิออกมาทันที แล้วก็ต้องตกใจที่รถแวนพุ่งตัดหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นรุมิที่อยู่ในรถมองเห็นเคนจึงฉวยโอกาสเปิดกระจกด้านข้างลงและตะโกนเสียงดัง
“เคน!!!”
เคนมองตามรถแวนคันนั้นไป และเห็นเงาผู้หญิงที่คาดว่าเป็นรุมิกำลังโดนผู้ชายผมทองเอาผ้าอุดจมูกไว้ จากนั้นเธอก็ล้มลง
“รุมิ!!!”
เคนตะโกนเรียกชื่อเธอดังลั่นและวิ่งตามรถแวนไป แต่ก็ไม่สามารถตามทัน
เขาพยายามจำทะเบียนรถเอาไว้และรีบโทรหาเพื่อนให้สืบหาร่องรอยของรถทะเบียน 2911 อย่างเร่งด่วน จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาโคบายาชิ อากิระ เพื่อบอกให้เขาทราบเรื่องรุมิโดนจับตัวไป ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาพอจะทำได้ ณ ตอนนั้น