ตอนที่ 3 สืบสวน (1)

1498 Words
ภายในบ้านของตระกูลยามาโตะ เคน โคจิโร่ ทาเคชิ และเคียวโกะกำลังนั่งปรึกษากันอยู่ภายในห้องนั่งเล่นด้วยหน้าตาเคร่งเครียดเกี่ยวกับเรื่องที่รุมิโดนลักพาตัวไป ทางด้านอากิระและเรโกะพอทราบข่าวก็รีบตรงดิ่งมาหาพวกเขาที่บ้านทันที “รุมิล่ะ!! รุมิเป็นยังไงบ้าง!!!” อากิระกับเรโกะหน้าตาตื่นเข้ามา และพบว่าทุกคนกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อากิระ!! นายมาก็ดีแล้ว ใจเย็นๆ ก่อนนะ” ทาเคชิเงยหน้าเจออากิระก็รีบเดินเข้าไปหาเขาทันที “ไม่!!! นี่ ทำไมรุมิถึงโดนจับตัวไป หา!!” อากิระสะบัดตัวหลุดจากทาเคชิ ตรงรี่เข้าไปคว้าคอเสื้อเคน ขยุ้มและกระชากให้เขาขึ้นมาเผชิญหน้า เคนพอจะรู้ว่าต้องเป็นแบบนี้จึงได้แต่นิ่งเฉย “อากิระ! ไปโทษเคนได้ยังไงเล่า! เคนไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซักหน่อย” เรโกะตวาดห้ามอากิระเสียงดัง เมื่อเห็นเขาเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ คำพูดของเธอทำให้อากิระชะงักและลดมือลงจากคอเสื้อของเคน ก่อนจะเดินถอยห่างออกมาสงบสติอารมณ์ “ใจเย็นๆ อากิระ พวกเราทุกคนกำลังหาทางช่วยนายอยู่” ทาเคชิเดินมาตบบ่าปลอบใจเพื่อน ที่ดูเหมือนจะสงบอารมณ์ลงได้บ้างแล้ว “อืม…โทษที” เขาหลับตาเอามือกุมขมับ พร้อมกับสูดหายใจลึก “เอาล่ะ เคนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซิ รวมทั้งข้อมูลที่สืบมาได้ด้วย” ทาเคชิหันไปบอกเคน เขาพยักหน้าตอบรับ พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทุกคนฟัง อากิระนั่งฟังอย่างนิ่งเงียบ “เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ ส่วนเรื่องเลขทะเบียนรถ 2911 น่ะ ดูเหมือนจะเป็นของบริษัทรถเช่า ซึ่งผมให้เพื่อนติดตามสืบอยู่ ว่าใครเป็นคนเช่าไปน่ะครับ” เคนบอกเบาะแสทั้งหมดที่เขาพอจะรู้ให้ทุกคนทราบ “อืม…นายว่าพวกมันจะจับตัวรุมิไปเรียกค่าไถ่รึเปล่า อากิระ” หลังจากนิ่งฟังมานาน ทาเคชิจึงสอบถามอากิระ “ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นไปได้ก็ได้” อากิระนิ่งคิดก่อนตอบเพื่อนออกไป “ถ้างั้น พวกมันก็ต้องโทรศัพท์มาหาคุณแล้วสิครับ คุณโคบายาชิ” โคจิโร่พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ทุกคนหันไปมองเขาอย่างเพิ่งนึกได้ “แปลว่า ถ้าพวกมันจะเรียกค่าไถ่ มันก็ต้องโทรศัพท์มา แล้วเราก็ตามจับสัญญาณของพวกมันได้น่ะสิ” เรโกะพูดขึ้นมาอย่างยินดี “ผมกลัวว่ามันจะไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิครับ” เคนแย้งเสียงเรียบ ทุกคนชะงักไปทันที “ถ้าหากมันต้องการเรียกค่าไถ่จริงๆ มันน่าจะโทรหาคุณโคบายาชินานแล้วนะครับ แต่นี่…ยังไม่เห็นมีวี่แววเลยไม่ใช่เหรอครับ” เคนถามเสียงเรียบเฉย แต่ภายในสมองของเขากลับครุ่นคิดอย่างกระวนกระวาย ว่าพวกชายชุดดำพวกนั้นจับตัวรุมิไปเพื่ออะไรกัน “อืม…มันก็จริง” อากิระพึมพำอย่างหมดกำลังใจ ลูกสาวคนเดียวที่เขารักมากที่สุดจะเป็นยังไงบ้างนะ ทุกคนต่างนิ่งเงียบและใช้ความคิดว่าจะหาทางทำอะไรต่อไป ภายในโกดังขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ด้านหน้าของโกดังมีสภาพคล้ายกับสถานที่เก็บของหรือเก็บสินค้าที่จะส่งออกนอกประเทศ แต่ทว่าภายในกลับไม่มีวัตถุอะไรมากมายนัก กล่องบรรจุสิ่งของขนาดเล็กและกลางจำนวนไม่มากวางตั้งกระจัดกระจายราวกับต้องการกลบเกลื่อนวัตถุประสงค์หลัก และข้างในออฟฟิศขนาดย่อมของโกดัง หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งกำลังถูกขังอยู่ “เอ้า! นี่อาหาร” ชายชุดดำเดินเอาถาดอาหารมาส่งให้กับรุมิที่โดนขังมัดมือไว้อยู่ในห้อง เธอชายตามองถาดอาหารเล็กน้อยก่อนจะคิดอะไรได้บางอย่าง “ฉันจะกินได้ยังไงกัน ก็มือฉันถูกมัดอยู่แบบนี้น่ะ” รุมิพูดพร้อมกับชูมือที่โดนมัดให้กับชายชุดดำดู เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “ปล่อยฉันทีสิ ฉันจะได้กินซะที หิวจะแย่แล้วนะ” รุมิพูดเสียงออดอ้อนให้เขาแก้เชือกที่มัดมือเธอไว้ ชายชุดดำมองอย่างครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะแกะเชือกที่มัดมือรุมิออกและยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ เธอค่อยๆ หยิบจานข้าวขึ้นมากินพร้อมกับเหลือบมองเขาเล็กน้อย “แค้ก… แค้…ก โอย…ขอน้ำ…น้ำหน่อย” รุมิแกล้งทำเป็นอาหารติดคอ ก้มหน้าและคอยมองระยะห่างระหว่างชายชุดดำกับเธอเอาไว้ เขาหน้าตาตื่นเพราะได้รับคำสั่งมาว่าให้ดูแลเธอเป็นอย่างดี จึงรีบหันหลังหยิบน้ำเทใส่แก้ว รุมิฉวยโอกาสที่ชายชุดดำหันหลัง คว้าถาดอาหารขึ้นมาถือเอาไว้ และเมื่อเขาหันมาหาเธอ… “นี่แน่ะ!!!!!!” โป๊ก!!!!!!!!!!!! รุมิฟาดถาดอาหารไปที่กลางแสกหน้าของชายชุดดำอย่างแรง และดูเหมือนจะแรงพอตัว เพราะเขายืนโงนเงนมองรุมิอย่างมึนงง แก้วหล่นลงบนพื้น และล้มลงนอนสลบเหมือดไป เธอยืนจ้องอย่างตกตะลึง ก่อนจะทิ้งถาดลงกับพื้นและค่อยๆ เดินออกจากห้อง รุมิมองซ้ายมองขวาเพื่อหาทางหนีออกจากโกดัง แต่ก็ไม่เห็นทางออก เพราะประตูโกดังถูกล็อคเอาไว้ เธอมองขึ้นไปยังหน้าต่างด้านบนก็พบว่าเปิดอยู่แต่อยู่สูงมาก รุมิมองความสูงของหน้าต่าง ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆ ปีนตามลังที่อยู่ภายในโกดังเพื่อขึ้นไปให้ถึงบนนั้น เธอปีนขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าต่าง และเมื่อเปิดมันออก ก็พบว่าทางที่จะลงจากหน้าต่างทั้งชันและสูง และข้างๆ โกดังยังมีแม่น้ำขนาบอยู่อีก รุมิกลืนน้ำลายก่อนจะตัดสินใจปีนลงไปเรื่อยๆ ช้าๆ อย่างระมัดระวัง แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าที่ด้านล่างนั้น รถสองคันกำลังแล่นเข้ามาภายในโกดัง ชายชุดดำหลายคนกำลังลงจากรถ แล้วผู้ชายที่เพิ่งฟื้นจากที่โดนรุมิทำร้ายก็วิ่งออกมาแจ้งให้คนในรถทราบ จากนั้นพวกเขาก็กระจัดกระจายแยกย้ายหาตัวเธอกันคนละทิศละทาง รุมิจ้องมองเหตุการณ์ข้างล่างแล้วก็ได้แต่ภาวนาในใจ ว่าอย่าให้พวกมันเห็นเธอเลย “โน่นไง!!! อยู่โน่น!!!” ชายชุดดำคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างข้างที่ติดกับแม่น้ำ ก็พบว่าเธอกำลังปีนไต่ลงมาเรื่อยๆ ปัง!!! ปัง!! เสียงปืนระดมยิงออกจากปากกระบอกปืนของพวกที่ยืนอยู่ด้านล่าง รุมิตกใจกลัวมากเพราะกระสุนเฉี่ยวเธอไปนิดเดียว แต่ก็ยังนับเป็นโชคดีของเธอที่ตอนนี้เป็นเวลาค่อนข้างมืดแล้ว ปัง!!! “โอ๊ย!!!” ตูม!!!!!!!! รุมิโดนยิงเข้าที่แขนด้านซ้าย และร่วงตกลงจากหน้าต่างหล่นลงไปในแม่น้ำด้านที่ติดกับโกดังทันที “ฮ่าๆ ข้ายิงถูกเว้ย!!!” เสียงชายชุดดำคนที่ยิงโดนรุมิร้องตะโกนออกมาด้วยท่าทางดีใจ ผัวะ!!! กำปั้นลุ่นๆ ของผู้ชายคนหนึ่งต่อยกระแทกเข้าที่ใบหน้าเขาอย่างแรงทันที “หากผู้หญิงเป็นอะไรไป แกตาย!!!!!!!!” ชายผมทองยาวสลวยชี้หน้าหมอนั่นพร้อมด้วยใบหน้าโกรธจัด เขาจ้องมองด้วยแววตาที่ราวกับจะฆ่าคนให้ตายตรงนั้นได้ ก่อนจะวิ่งไปยังแม่น้ำ กระโดดตามลงไปช่วยรุมิที่สลบเพราะพิษบาดแผล และเพราะแรงกระแทกของน้ำ เธอจึงไม่หายใจ เขารีบอุ้มเธอขึ้นจากน้ำทันทีและทำการปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่ได้ผล รุมิยังคงไม่ขยับเขยื้อนตัว เมื่อเห็นท่าไม่ดี เขาจึงตัดสินใจผายปอดให้กับเธอ “แค่ก แค่ก…” รุมิไอสำลักน้ำออกมา เลือดที่แขนข้างซ้ายยังคงไหลไม่หยุด “พวกแก ไปหาผ้าพันแผลและยามาด่วน ไม่งั้นเจ็บ!!!” ชายผมทองสั่งอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมกับช้อนตัวรุมิขึ้นและรีบวิ่งกลับเข้าไปยังห้องในโกดัง ภายในห้องนั้นมีเตียงนอนและเก้าอี้ พร้อมกับเอกสารต่างๆ อยู่มากมาย เขาวางรุมิลงบนเตียงและหาผ้ามาซับเลือดให้เธอ และพอถลกแขนเสื้อรุมิขึ้น หนุ่มผมทองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะรุมิแค่โดนกระสุนเฉี่ยวเท่านั้น สักพักชายชุดดำคนอื่นก็นำเครื่องมือปฐมพยาบาลเข้ามา เขาจึงจัดการทำแผลให้กับรุมิที่ยังคงไม่ได้สติมากนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD