เสียงนกร้องแว่วเบาๆในสวนยามเช้าจากที่ไกลๆ แสงแดดอ่อนๆเริ่มทอประกายบนยอดไม้ ใบไม้สั่นไหวตามแรงลมแรงที่เคยเกิดขึ้น ทว่าบรรยากาศโดยภายในกลับขัดแย้งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเอเลน่าพยามวิ่งเข้ามาเพื่อดูอาการของชายหนุ่ม หนึ่งในจอมเวทย์อาวุโสขวางทางเธอเอาไว้ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างที่นอนอยู่ด้วยสายตาเคร่งขรึม มุมปากกระตุกเบาๆ สายตานั้นเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แตยังเจือด้วยความลังเลกับสิ่งที่เห็น ก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
"ท่านเอเลน่า เรายังไม่อาจเชื่อได้ว่าเขาเป็นคนเดียวกับที่ท่านรู้จัก จนกว่าจะพิสูจน์ให้แน่ชัด…" เสียงนั้นเย็นชาและเด็ดขาด
หญิงสาวชะงักไปชั่วครู่ เธอกลืนน้ำลายลงคอ ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มเล็กๆด้วยความเสแสร้ง
"งั้นหรอ? นี่คือวิธีที่พวกคุณปฏิบัติต่อคู่หมั้นของฉันแบบนั้นสิน่ะ? ถ้าหากเป็นเขาจริงๆพวกคุณจะรับผิดชอบยังไง?"
เธอกล่าวอย่างเด็ดขาด แววตามุ่งมั่นแสดงถึงการตัดสินใจที่จะไม่ยอมอ่อนข้อใดๆ
ชายทั้งสามคนสบตากันอย่างลังเล ในที่สุดลูกน้องของเขา ก็ยอมปล่อยชายหนุ่มจากการจับกุม เขาพยายามลุกขึ้นยืน แต่ด้วยสภาพของร่างกายนี้ทำให้ร่วงลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ทำให้หญิงสาวต้องรีบเข้าไปประคองร่างชายหนุ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
"เกิดอะไรขึ้นกับนาย? เป็นอะไรหรือเปล่า?" เอเลน่าถามเบาๆ แววตาเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย
"มันค่อนข้างยากที่จะพูดในตอนนี้..." เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวเล็กน้อย ทำให้ดูเหมือนว่าความเจ็บปวด และ ความเหนื่อยล้าได้พรากเรี่ยวแรงไปหมด
แต่ในขณะที่หญิงสาวมองไปที่เขา เธอกลับสะดุดกับดวงตาของเขาที่ผิดแปลกไปจากเดิม
"ทำไมดวงตาของนายถึงเป็นสีเทา?" หญิงสาวถามด้วยความสับสน เธอจำได้ว่าคู่หมั้นของเธอมีดวงตาสีน้ำเงินเข้ม และสีของดวงตานี้ ยังคล้ายกับคนที่เธอเคยรู้จัก ยากจะนึกถึง
"นั่นแหละ" หนึ่งในจอมเวทย์อาวุโสฉวยโอกาส
"เขาอาจจะไม่ใช่คู่หมั้นของท่าน อาจจะเป็นตัวปลอมก็ได้"
หยิงสาวชะงักไป ใจเธอสั่นคลอนกับความคิดนี้ แต่เมื่อมองชายตรงหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล และ ความเหนื่อยล้า เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร ชายหนุ่มรีบคว้าช่วงเวลาแห่งความลังเลนั้น
"ผมถูกลักพาตัวไปขังไว้ในสถานที่ของพวกท่าน แต่ท่านกลับกล่าวหาผมอย่างนี้งั้นหรอ?!" เขาหอบหายใจ เสียงของเขาสั่นไหวตามสภาพร่างกายที่เป็นอยู่
"ผมเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคดีที่ประตูแห่งการทดสอบเปิดออก ผมถึงผ่านความตาย และหนีรอดมาได้..."
เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาสั่นเครือ ราวกับบาดแผลที่เกือบคร่าชีวิตยังคงฝังลึก ทว่าในแววตากลับมีความรู้สึกเย้ยหยันแอบซ่อนเอาไว้
แม้ร่างกายจะสั่นสะท้านจากบาดแผลและความอ่อนล้าที่แทรกซึมลึก เขาทุ่มสุดแรงเพื่อแสดงในครั้งนี้ กระทั่งเมื่อความเจ็บปวดในช่องอกทะลักออกมาเป็นเลือดคำหนึ่ง เขาก็เพียงฝืนยืนตัวตรง รักษาท่าทีดุดันไม่ให้สั่นไหว
หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ความสับสน และ ความสงสัยแฝงอยู่ในแววตา ดวงตาสีเทานั้นดูผิดแปลกไปจากที่เธอเคยรู้จัก มันทำให้เธอไม่อาจแน่ใจว่าเขาเป็นคนเดียวกับคู่หมั้นของเธอจริงๆ แต่เมื่อเห็นบาดแผลที่ทารุณบนร่างของเขา เธอก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้ลังเล และ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่
"พวกเราจะกลับคฤหาสน์ หวังว่าพวกท่านคงไม่มีข้อโต้แย้ง?"
เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด ขณะมองจอมเวทย์อาวุโสทั้งสองด้วยสายตาท้าทาย ก่อนจะค่อยๆประคองร่างชายหนุ่มขึ้นมา พวกเขาทั้งสามได้แต่มองสบตากันอย่างขัดใจ แต่ไม่มีใครกล้าขัดขวางเธอ
ถึงแม้ใบหน้าของหยิงสาวจะแน่วแน่ แต่ภายในใจยังคงเต็มไปด้วยความว้าวุ่น และข้อสงสัย ดวงตาสีเทาของเขาทำให้เธอนึกถึงใครบางคน แต่ก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรักษาชีวิตของเขา ก่อนที่บาดแผลจะย่ำแย่ลงไปกว่านี้
เมื่อออกจากสายตาพวกเขาไป ชายหนุ่มแสยะยิ้มบางๆที่ซ่อนอยู่ใต้ความเหนื่อยล้า ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนที่เขาวางไว้ แม้จะมีเรื่องเหนือความคาดหมายเขาอยู่บ้างก็ตาม
หลังจากที่หญิงสาวพยุงร่างของชายหนุ่มจนลับสายตา บรรยากาศเงียบสงบของเช้าตรู่ก็กลับคืนมาอีกครั้ง แสงแดดอ่อนสาดส่องผ่านหมอกที่ยังคลอเคลียอยู่รอบต้นไม้ใหญ่ เงาเคลื่อนไหวไปตามจังหวะลม ราวกับจะซ่อนบางสิ่งไว้ในความเงียบสงัดนั้น จอมเวทย์อาวุโสทั้งสองยืนนิ่งท่ามกลางแสงเช้าที่ค่อยๆเจิดจ้า มองหน้ากันด้วยสีหน้าสับสน แววตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
"เป็นไปได้ยังไง?" จอมเวทย์คนแรกเอ่ยขึ้น ขมวดคิ้วแน่นพลางจับมือตัวเองเบาๆ ราวกับพยายามควบคุมความสงสัยที่คุกรุ่นอยู่ภายใน
"ข้าตรวจสอบพลังเวทย์ของมันแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติที่จะบอกว่ามันเป็นตัวปลอม"
อีกคนพยักหน้าอย่างหนักใจ พลางถอนหายใจออกมาเงียบๆ แสงแดดส่องกระทบใบหน้าที่มีริ้วรอยแสดงความกังวลชัดเจน ดวงตาเหลือบมองไปยังทิศทางที่พวกเขาเพิ่งหายตัวไป น้ำเสียงที่เขาพูดเบาๆแต่หนักแน่นดังขึ้น
"ข้าก็คิดเช่นนั้น... แต่ว่าผู้หลบหนีออกมาแค่คนเดียว..ถ้าอย่างนั้น..."เขาหยุดไปครู่หนึ่ง คำพูดขาดหายกลางคัน ราวกับบางสิ่งทำให้ต้องหยุดคิดใหม่อีกครั้ง แววตาฉายแววหวาดระแวง
"เราอาจจะพลาดอะไรบางอย่างไปงั้นหรือ?" จอมเวทย์คนแรกกล่าวเสียงหนักแน่น ขมวดคิ้วลึกจนเห็นชัด สายตาครุ่นคิด ความไม่สบายใจฉายอยู่
"เป็นไปไม่ได้" เขาพึมพำ แต่สายตากลับไร้ความมั่นใจ
"หรือว่ามันจะใช้สิ่งของที่ได้รับจากแม่มดในการหลบหนี โดยที่เราไม่สังเกตเห็น?"
คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้งยิ่งขึ้น ราวกับความลึกลับที่ซ่อนอยู่ใต้แสงแดดที่กำลังทอแสงอ่อนๆ
จอมเวทย์คนที่กล่าวถึงความสงสัยนี้ ถอนหายใจเงียบๆ พร้อมกับกระชับผ้าคลุมให้แน่นขึ้น น้ำเสียงที่ตอบออกมาเต็มไปด้วยความอึดอัด แฝงไปด้วยความไม่แน่ใจ
"แล้วก็เรื่องของการทดสอบ ก็ชวนให้น่าสงสัย—มันไม่เคยมีใครผ่านการทดสอบพร้อมกันมาก่อน ต้องมีคนใดคนหนึ่งที่โกหก"
“วงเวทย์ก็หายไปแล้ว เป็นหลักฐานชัดเจนว่าการทดสอบได้สิ้นสุดลง...แล้วใครกันหล่ะที่โกหก”
“แม้ว่ามันจะดูเป็นไปได้ยาก...แต่บางที...มันอาจยังซ่อนตัวอยู่ในคุกก็เป็นได้”
“ถ้าอย่างนั้นต้องตรวจสอบสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน ถึงค่อยรายงานให้เขาคนนั้น”
อีกคนตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด ขณะที่เขากวาดตามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ราวกับกลัวว่าจะมีใครซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและกำลังลอบฟัง
ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรต่อ พวกเขาพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณก่อนจะหันหลัง เดินไปในทิศทางที่ต่างกัน ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าเงียบๆ ที่ค่อยๆ ห่างออกไปในอากาศเช้าที่ยิ่งกระจ่างขึ้น เงาของพวกเขาทอดยาวไปบนพื้นดิน ราวกับความลับและความสงสัยที่ยังคงวนเวียนอยู่ในบรรยากาศ