ผู้อำนวยการ พิมสุดา
“คุณทวีคะ! ค้นหาประวัติเด็กคนนี้ให้ที”
“เด็กที่คุณพิมคุยด้วยวันนี้เหรอครับ”
“ค่ะ ใช่!”
ผ.อ.พิมสุดาส่งรูปถ่ายจากกล้องวงจรปิดภายในโรงพยาบาลให้เลขาคู่ใจดู
เด็กชายตัวน้อยผมดกดำตัดกับผิวขาวซีดแต่หน้าตาช่างน่ารักสดใสแถมยังติดสำเนียงอังกฤษมานิดๆ
จะว่าชอบก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะนิสัยไม่ได้รักเด็กขนาดนั้น
จะว่าถูกชะตาก็ไม่เชิง รู้แต่เพียงว่าเด็กคนนี้พิเศษกว่าเด็กทั่วไปที่เคยพบเห็นในโรงพยาบาล ซ้ำแล้วยังเป็นลูกหลานกับคนที่พอรู้จักกัน พิมสุดาจึงนึกตงิดๆ ในใจอยากจะรู้
และมันก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเลขาเจ้าเก่าของครอบครัว ‘ป้องกิจกรุณา’ ที่จะสืบค้นได้
“คุณพิมมีอะไรรึเปล่าครับ”
“หน้าตาแกน่ารักดีค่ะ ถ้าเอามาขึ้นบอร์ดแผนกกุมารเวช พิมว่าน่าจะเหมาะ”
“อ้อ! เหรอครับ” หนุ่มใหญ่ยกมือขยับกรอบแว่นให้เข้าทีก่อนจะตอบรับ จากนั้นเลขาทวีก็รับรูปภาพเด็กน้อยมาถือไว้
เอาจริงๆ รูปเด็กที่บอร์ดแผนกกุมารเวชเพิ่งเปลี่ยนมานานมานี้ และนั่นก็เป็นรูปเด็กน้อยสุขภาพดีแตกต่างกับเด็กปพนลิบลับ
แต่คำสั่งก็คือคำสั่งอะนะ
“ครับ! เดี๋ยวผมจัดการต่อให้”
“ขอด่วนนะคะ”
...
“หมายถึงภายในวันนี้”
“แต่นี้มันจะทุ่มแล้วนะคุณพิม”
“คุณทวีรีบกลับบ้านเหรอคะ”
“ครับ! ผมขอสิบนาที”
คนแก่กว่าค้อมหัวก่อนจะหันหลังออกจากประตู ด้วยตำแหน่งที่หญิงสาววัยเหยียบย่ำเข้าสามสิบปีเป็นถึงผู้อำนวยการ เลขาทวีแม้จะแก่กว่าเป็นสิบปีได้แต่ต้องก้มหัวทำตามคำสั่งเจ้านาย
10 นาทีต่อมา
“คุณนริสราและครอบครัวเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลเรามาตั้งหลายรุ่นแล้วครับ และวันนั้นเธอก็มารับยาแก้ภูมิแพ้ตามปกติ...ตามตารางที่หมอนัดไว้”
“แน่ใจเหรอ”
“ครับ! ผมย้อนดูประวัติทั้งหมดแล้ว...”
“...แต่ก็ไม่พบอะไรเลย”
‘จิ๊ส์’
พิมสุดานั่งเปิดดูประวัติการรักษามากมายในมือ เธออดเสียดายไม่ได้ที่ไม่มีข้อมูลใดถึงเด็กชายคนนั้นเลย
“กลับบ้านเถอะค่ะ”
“แล้วคุณพิมล่ะครับ”
“พิมมีคนขับรถประจำตัวนะคะ ถามทำไม” คนอ่อนวัยกว่าช้อนตามองเลขาทวี
เธอรู้และเข้าใจดีว่าหน้าที่ของเลขาต้องรู้ทุกอย่างในชีวิตของเธอแต่บางครั้งทวีก็ยุ่มย่ามจนเกินงาม
“จริงๆ ถ้าไม่มีนายกลมแล้ว ให้ผมไปรับไปส่งคุณพิมทุกวันก็ได้นะครับ คนขับรถคนนี้ผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับคุณพิมเท่าไรนัก”
“คนนี้แหละค่ะดีแล้ว”
“ครับ!”
หนุ่มใหญ่ค้อมหัวลงอีกครั้งเมื่อเจ้านายลุกจากเก้าอี้ผู้บริหาร
พิมสุดาคว้ากระเป๋าหรูแบรนด์เนมราคาแสนแพงสะพายบ่า ตามด้วยอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย
ขณะเดินไปยังลิฟต์ส่วนตัวสำหรับท่านผู้บริหารเท่านั้น เธอก็ยังคงเปิดดูเมล์ต่างๆ และเอกสารขออนุมัติมากมายที่จ่อรอขอลายเซ็นในวันพรุ่งนี้
“เดินกลับบ้านปลอดภัยนะครับคุณพิม”
“ค่ะ”
น้ำเสียงเย็นชาพร้อมสายตาไร้ความรู้สึกตอบกลับเลขาส่วนตัว คนขับรถเปิดประตูและค้อมหัวลงต่ำทำความเคารพเลขาทวีเช่นกัน
“วันนี้ ผ.อ.ดูหน้าเครียดๆ จังเลยครับ”
“นายทำงานกับฉันได้กี่เดือนแล้วห้ะ”
“ได้สามเดือนแล้วครับ”
“นายเคยเห็นวันไหนฉันไม่เครียดด้วยเหรอ”
“ขอโทษครับ”
สายตาเลิ่กลั่กมองผู้โดยสารเบาะหลังแล้วคนขับรถก็กวาดตามองท้องถนนเช่นเดิม
เขาโดนคนเป็นเจ้านายดุเข้าให้ ทั้งๆ ที่ถามไถ่ด้วยความห่วงใยเพราะวันนี้ผ.อ.คนสวยหน้าเครียดผิดปกติกว่าทุกวัน
เขามักแอบมองใบหน้าจิ้มลิ้ม สวยดุและมีเสน่ห์เกินต้านทานเวลาเธอพักสายตาขณะโดยสารกลับบ้านผ่านกระจกหลัง
“ฉันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค...ครับ!?”
“ฉันคงเครียดมากจนดูแก่เกินอายุเลยใช่ไหม” เจ้านายสาวจากด้านหลังเอนศีรษะพิงกับเบาะ พิมสุดาคลึงขมับทั้งสองข้างเบาๆ และหลับตา ใครว่าทำงานตรงนี้สบายเธอขอเถียง
หนักมากกว่าเป็นหมอเข้าเวร เข้าห้องผ่าตัดเสียด้วยซ้ำไป
คิดผิดหรือเปล่า ที่ก้าวขึ้นมาตำแหน่งนี้....
“ไม่เลยครับ แต่บางครั้งผ.อ.ดูดุจนน่ากลัว”
“ฉันเนี้ยนะ”
“ค...ครับ!” คนขับสะดุ้งตกใจเพราะคิดว่าตนอาจพูดจาล่วงเกินเจ้านายเข้าให้แล้วรึเปล่า พิมสุดาขึ้นได้เสียงดังลั่นรถ
ว่าแล้วคนขี้กลัวก็ยกมือไหว้ขอโทษแล้วหันไปตั้งหน้าตั้งตามองถนนอีกครั้ง
“เด็กคนนั้นไม่เห็นจะกลัวฉันสักนิด...”
“อะไรนะครับ”
“เปล่า! นายขับรถดีๆ นะฉันจะหลับสักงีบ”
“ครับ!”
ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มชอบที่สุดมาถึงอีกครั้ง
คนขับรถหนุ่มวัยกำลังกลัดมันชอบมองพิมสุดาหลับตานอนนิ่งๆ แบบนี้
เธอดูสวยราวกับเทพธิดาที่กำลังหลับใหล
ทรวดทรงองค์เอวก็ดูแล้วน่าอิจฉาผู้ชายที่ได้ครอบครองเรือนร่างนี้
แต่...
ดอกฟ้าย่อมไม่ปรายตามองหมาวัดเยี่ยงคนขับรถ
สามีของหล่อนแม้จะแก่และป่วยขี้โรคแต่ก็เป็นคนรวย ที่รวยมากๆ
ทรัพย์สมบัติทุกอย่างจะตกเป็นของพิมสุดาทั้งหมดหลังจากคุณท่านสิ้นบุญจากไป เพราะลูกชายเพียงคนเดียวหายหน้าไปและไม่มีใครได้ข่าวจากพุฒิภัทร และรายนั้นก็ไม่ขอเอาอะไรจากพ่อแม้แต่น้อย
พิมสุดาว่าที่มหาเศรษฐินี แม้จะไม่สมรสจดทะเบียนกับคุณท่านพุฒิพงศ์ แต่ทุกอย่างก็จะตกเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว
เอี๊ยดดด!!
“ผ.อ.ครับ! ผ.อ.พิม!!”
เฮือกกก
หญิงสาวสะดุ้งลืมตาโตจากนิทรา พิมสุดาฝันร้ายที่เหมือนจริงมากๆ จนเหงื่อออกท่วมตัว
“ถึงบ้านแล้วครับผ.อ.”
“อืม...”
พิมสุดาคว้ากระเป๋าและไอแพดออกจากประตูรถตู้ผู้บริหารคันโต
บ้านหลังใหญ่มโหฬารตามฐานะของเจ้าของบ้าน แต่มันกลับเงียบกริบราวกับป่าช้าวัดดอนก็ว่าได้
คนเหนื่อยอ่อนจากการทำงานหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟารับแขกและยกมือคลึงขมับอีกหน
ฝันร้ายวนเวียนมารบกวนเธอตลอดเป็นเวลาสองปีได้แล้ว
“มันก็แค่ฝัน...”
“แต่ฝันก็มาจากจิตใต้สำนึกนะพิม มันเป็นตามธรรมชาติของจิตใจ มันมีมูลเหตุ มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง ความฝันเราไม่ได้เป็นคนสร้าง” คนแก่นั่งรอหญิงสาวจนหัวค่ำแบบนี้ทุกวัน
บ้านใหญ่ทั้งหลังไม่มีใครอื่นแล้วนอกจากคุณท่านและพิมสุดา
“พิมเหนื่อย...”
“ฉันเคยบอกเธอแล้วนะว่างานบริหารมันเหนื่อยมาก”
“ค่ะ! คุณท่านก็อย่ามากวนใจพิมได้ไหม” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
สภาพคนที่นั่งรอเธอกลับบ้านทุกวันนั้นไม่จรรโลงใจเอาซะเลย
ทุกวันนี้ต่างคนเหมือนต่างใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปวันๆ เท่านั้น
“ฉันน่ะ! แก่จนไม่รู้ว่าจะตายตอนไหนเวลาไหน ฉันปลงและเข้าใจโลกหมดแล้ว ฉันไม่อยากได้ไม่อยากเอาอะไรทั้งนั้นเพราะทุกอย่างมันไม่จีรัง สุดท้ายเราก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้”
“โอ๊ย! พิมทำงานทั้งเครียดทั้งเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อย่ามาทำให้ต้องเหนื่อยใจไปมากกว่านี้ได้ไหมคะ พิมขออยู่สงบๆ เงียบๆ คนเดียวได้ไหมจะพร่ำเพรื่ออะไรนักหนา” พิมสุดาแว้ดเสียงแหลม
เธอมั่นใจว่าทำดีที่สุดและใครก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนเธอทั้งนั้น คนแก่ขี้โรครอวันตายนี้ต้องขอบคุณเธอต่างหากที่บริหารโรงพยาบาลได้เจริญรุ่งเรืองมากขนาดนี้
ลูกชายแท้ๆ ก็หายหัวไปเลยไม่เคยมาดูดำดูดีอะไรทั้งนั้น
พุฒิพงศ์ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนอะไร เขาต้องขอบคุณที่เธอแบกรับภาระทุกอย่างไว้แบบนี้
“ฉันรักและยังหวังดีกับเธอเหมือนเดิมนะพิม ความผิดที่อยู่ในใจเธอ มันไม่มีวันหายไปไหนถ้าเธอไม่แก้ไขมันหรือได้รับการอภัยจากคนคนนั้น”
“ความผิดอะไร! อภัยอะไร! พิมไม่เคยทำอะไรยัยนิล พิมมีแต่ช่วย”
“งั้นเหรอ...”
“ใช่! พิมมีแต่ช่วยเหลือยัยนิล มันต่างหากที่ต้องสำนึกในบุญคุณ”
“หึ! ฉันยังไม่ได้พูดอะไรถึงยัยนิลเลยสักคำ”
กรี๊ดดด!!
แผลสดในใจที่ผ่านไปสองปีก็ไม่มีวันทุเลาลงทำให้พิมสุดาอัดอั้นสะสมจนโพล่งปากพูดความลับดำมืดนี้ออกมาเอง และเมื่อยอมรับความจริงไม่ได้ การแก้ตัวจึงกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นบ้าน
ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นเมื่อสองปีก่อนตามหลอกหลอนมาจนถึงทุกวันนี้
บางทีพิมสุดมาก็ฝันเห็นเด็กทารกตัวเปื้อนเลือดนอนร่วมเตียงด้วย
บางคราวก็เห็นยัยนิลเดินจูงวิญญาณเด็กหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมาและแสยะยิ้มจนปากฉีกช่างน่าสยดสยอง
สุดท้ายแล้ววิธีหาทางออกก็คือยานอนหลับขนานแรง เพื่อจะได้ไม่ต้องฝัน
“คนเราทำผิดกันได้นะพิม ถ้าเธอรู้จักขอโทษและคนคนนั้นให้อภัย เธอจะหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้...//หยุดพูดมากเดี๋ยวนี้นะ!!”
“ยัยนิลเป็นเด็กดี ฉันว่าน้องให้อภัยเธอได้อย่างแน่นอน”
ปัง ง ง ! !
คนไม่ผิดทนฟังต่อไปไม่ได้ พิมสุดาเดินออกจากบ้านหลังใหญ่และกระแทกประตูปิดดังปังเพื่อกรีดร้องสุดเสียงหวังปลดปล่อยความรู้สึกนี้
น้ำตาค่อยๆ ไหลหยดลงมาเปียกพวงแก้ม
ริมฝีปากบางสั่นพะงาบๆ อยากพูดทุกอย่างที่เก็บไว้ในใจคนเดียวมานานร่วมสองปี
แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้ายโดยสันดานเสียจนไม่รู้ว่าตัวเองเคยทำอะไรน้อง...
สองขาไร้เรี่ยวแรงจะยืนไหวทรุดลงนั่งกับพื้น
“คนอย่างฉันมันเลว..พี่ขอโทษ!!”