Chapter No.1

1690 Words
ผู้อำนวยการ พิมสุดา “คุณทวีคะ! ค้นหาประวัติเด็กคนนี้ให้ที” “เด็กที่คุณพิมคุยด้วยวันนี้เหรอครับ” “ค่ะ ใช่!” ผ.อ.พิมสุดาส่งรูปถ่ายจากกล้องวงจรปิดภายในโรงพยาบาลให้เลขาคู่ใจดู เด็กชายตัวน้อยผมดกดำตัดกับผิวขาวซีดแต่หน้าตาช่างน่ารักสดใสแถมยังติดสำเนียงอังกฤษมานิดๆ จะว่าชอบก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะนิสัยไม่ได้รักเด็กขนาดนั้น จะว่าถูกชะตาก็ไม่เชิง รู้แต่เพียงว่าเด็กคนนี้พิเศษกว่าเด็กทั่วไปที่เคยพบเห็นในโรงพยาบาล ซ้ำแล้วยังเป็นลูกหลานกับคนที่พอรู้จักกัน พิมสุดาจึงนึกตงิดๆ ในใจอยากจะรู้ และมันก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเลขาเจ้าเก่าของครอบครัว ‘ป้องกิจกรุณา’ ที่จะสืบค้นได้ “คุณพิมมีอะไรรึเปล่าครับ” “หน้าตาแกน่ารักดีค่ะ ถ้าเอามาขึ้นบอร์ดแผนกกุมารเวช พิมว่าน่าจะเหมาะ” “อ้อ! เหรอครับ” หนุ่มใหญ่ยกมือขยับกรอบแว่นให้เข้าทีก่อนจะตอบรับ จากนั้นเลขาทวีก็รับรูปภาพเด็กน้อยมาถือไว้ เอาจริงๆ รูปเด็กที่บอร์ดแผนกกุมารเวชเพิ่งเปลี่ยนมานานมานี้ และนั่นก็เป็นรูปเด็กน้อยสุขภาพดีแตกต่างกับเด็กปพนลิบลับ แต่คำสั่งก็คือคำสั่งอะนะ “ครับ! เดี๋ยวผมจัดการต่อให้” “ขอด่วนนะคะ” ... “หมายถึงภายในวันนี้” “แต่นี้มันจะทุ่มแล้วนะคุณพิม” “คุณทวีรีบกลับบ้านเหรอคะ” “ครับ! ผมขอสิบนาที” คนแก่กว่าค้อมหัวก่อนจะหันหลังออกจากประตู ด้วยตำแหน่งที่หญิงสาววัยเหยียบย่ำเข้าสามสิบปีเป็นถึงผู้อำนวยการ เลขาทวีแม้จะแก่กว่าเป็นสิบปีได้แต่ต้องก้มหัวทำตามคำสั่งเจ้านาย 10 นาทีต่อมา “คุณนริสราและครอบครัวเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลเรามาตั้งหลายรุ่นแล้วครับ และวันนั้นเธอก็มารับยาแก้ภูมิแพ้ตามปกติ...ตามตารางที่หมอนัดไว้” “แน่ใจเหรอ” “ครับ! ผมย้อนดูประวัติทั้งหมดแล้ว...” “...แต่ก็ไม่พบอะไรเลย” ‘จิ๊ส์’ พิมสุดานั่งเปิดดูประวัติการรักษามากมายในมือ เธออดเสียดายไม่ได้ที่ไม่มีข้อมูลใดถึงเด็กชายคนนั้นเลย “กลับบ้านเถอะค่ะ” “แล้วคุณพิมล่ะครับ” “พิมมีคนขับรถประจำตัวนะคะ ถามทำไม” คนอ่อนวัยกว่าช้อนตามองเลขาทวี เธอรู้และเข้าใจดีว่าหน้าที่ของเลขาต้องรู้ทุกอย่างในชีวิตของเธอแต่บางครั้งทวีก็ยุ่มย่ามจนเกินงาม “จริงๆ ถ้าไม่มีนายกลมแล้ว ให้ผมไปรับไปส่งคุณพิมทุกวันก็ได้นะครับ คนขับรถคนนี้ผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับคุณพิมเท่าไรนัก” “คนนี้แหละค่ะดีแล้ว” “ครับ!” หนุ่มใหญ่ค้อมหัวลงอีกครั้งเมื่อเจ้านายลุกจากเก้าอี้ผู้บริหาร พิมสุดาคว้ากระเป๋าหรูแบรนด์เนมราคาแสนแพงสะพายบ่า ตามด้วยอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย ขณะเดินไปยังลิฟต์ส่วนตัวสำหรับท่านผู้บริหารเท่านั้น เธอก็ยังคงเปิดดูเมล์ต่างๆ และเอกสารขออนุมัติมากมายที่จ่อรอขอลายเซ็นในวันพรุ่งนี้ “เดินกลับบ้านปลอดภัยนะครับคุณพิม” “ค่ะ” น้ำเสียงเย็นชาพร้อมสายตาไร้ความรู้สึกตอบกลับเลขาส่วนตัว คนขับรถเปิดประตูและค้อมหัวลงต่ำทำความเคารพเลขาทวีเช่นกัน “วันนี้ ผ.อ.ดูหน้าเครียดๆ จังเลยครับ” “นายทำงานกับฉันได้กี่เดือนแล้วห้ะ” “ได้สามเดือนแล้วครับ” “นายเคยเห็นวันไหนฉันไม่เครียดด้วยเหรอ” “ขอโทษครับ” สายตาเลิ่กลั่กมองผู้โดยสารเบาะหลังแล้วคนขับรถก็กวาดตามองท้องถนนเช่นเดิม เขาโดนคนเป็นเจ้านายดุเข้าให้ ทั้งๆ ที่ถามไถ่ด้วยความห่วงใยเพราะวันนี้ผ.อ.คนสวยหน้าเครียดผิดปกติกว่าทุกวัน เขามักแอบมองใบหน้าจิ้มลิ้ม สวยดุและมีเสน่ห์เกินต้านทานเวลาเธอพักสายตาขณะโดยสารกลับบ้านผ่านกระจกหลัง “ฉันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ” “ค...ครับ!?” “ฉันคงเครียดมากจนดูแก่เกินอายุเลยใช่ไหม” เจ้านายสาวจากด้านหลังเอนศีรษะพิงกับเบาะ พิมสุดาคลึงขมับทั้งสองข้างเบาๆ และหลับตา ใครว่าทำงานตรงนี้สบายเธอขอเถียง หนักมากกว่าเป็นหมอเข้าเวร เข้าห้องผ่าตัดเสียด้วยซ้ำไป คิดผิดหรือเปล่า ที่ก้าวขึ้นมาตำแหน่งนี้.... “ไม่เลยครับ แต่บางครั้งผ.อ.ดูดุจนน่ากลัว” “ฉันเนี้ยนะ” “ค...ครับ!” คนขับสะดุ้งตกใจเพราะคิดว่าตนอาจพูดจาล่วงเกินเจ้านายเข้าให้แล้วรึเปล่า พิมสุดาขึ้นได้เสียงดังลั่นรถ ว่าแล้วคนขี้กลัวก็ยกมือไหว้ขอโทษแล้วหันไปตั้งหน้าตั้งตามองถนนอีกครั้ง “เด็กคนนั้นไม่เห็นจะกลัวฉันสักนิด...” “อะไรนะครับ” “เปล่า! นายขับรถดีๆ นะฉันจะหลับสักงีบ” “ครับ!” ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มชอบที่สุดมาถึงอีกครั้ง คนขับรถหนุ่มวัยกำลังกลัดมันชอบมองพิมสุดาหลับตานอนนิ่งๆ แบบนี้ เธอดูสวยราวกับเทพธิดาที่กำลังหลับใหล ทรวดทรงองค์เอวก็ดูแล้วน่าอิจฉาผู้ชายที่ได้ครอบครองเรือนร่างนี้ แต่... ดอกฟ้าย่อมไม่ปรายตามองหมาวัดเยี่ยงคนขับรถ สามีของหล่อนแม้จะแก่และป่วยขี้โรคแต่ก็เป็นคนรวย ที่รวยมากๆ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างจะตกเป็นของพิมสุดาทั้งหมดหลังจากคุณท่านสิ้นบุญจากไป เพราะลูกชายเพียงคนเดียวหายหน้าไปและไม่มีใครได้ข่าวจากพุฒิภัทร และรายนั้นก็ไม่ขอเอาอะไรจากพ่อแม้แต่น้อย พิมสุดาว่าที่มหาเศรษฐินี แม้จะไม่สมรสจดทะเบียนกับคุณท่านพุฒิพงศ์ แต่ทุกอย่างก็จะตกเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว เอี๊ยดดด!! “ผ.อ.ครับ! ผ.อ.พิม!!” เฮือกกก หญิงสาวสะดุ้งลืมตาโตจากนิทรา พิมสุดาฝันร้ายที่เหมือนจริงมากๆ จนเหงื่อออกท่วมตัว “ถึงบ้านแล้วครับผ.อ.” “อืม...” พิมสุดาคว้ากระเป๋าและไอแพดออกจากประตูรถตู้ผู้บริหารคันโต บ้านหลังใหญ่มโหฬารตามฐานะของเจ้าของบ้าน แต่มันกลับเงียบกริบราวกับป่าช้าวัดดอนก็ว่าได้ คนเหนื่อยอ่อนจากการทำงานหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟารับแขกและยกมือคลึงขมับอีกหน ฝันร้ายวนเวียนมารบกวนเธอตลอดเป็นเวลาสองปีได้แล้ว “มันก็แค่ฝัน...” “แต่ฝันก็มาจากจิตใต้สำนึกนะพิม มันเป็นตามธรรมชาติของจิตใจ มันมีมูลเหตุ มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง ความฝันเราไม่ได้เป็นคนสร้าง” คนแก่นั่งรอหญิงสาวจนหัวค่ำแบบนี้ทุกวัน บ้านใหญ่ทั้งหลังไม่มีใครอื่นแล้วนอกจากคุณท่านและพิมสุดา “พิมเหนื่อย...” “ฉันเคยบอกเธอแล้วนะว่างานบริหารมันเหนื่อยมาก” “ค่ะ! คุณท่านก็อย่ามากวนใจพิมได้ไหม” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง สภาพคนที่นั่งรอเธอกลับบ้านทุกวันนั้นไม่จรรโลงใจเอาซะเลย ทุกวันนี้ต่างคนเหมือนต่างใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปวันๆ เท่านั้น “ฉันน่ะ! แก่จนไม่รู้ว่าจะตายตอนไหนเวลาไหน ฉันปลงและเข้าใจโลกหมดแล้ว ฉันไม่อยากได้ไม่อยากเอาอะไรทั้งนั้นเพราะทุกอย่างมันไม่จีรัง สุดท้ายเราก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้” “โอ๊ย! พิมทำงานทั้งเครียดทั้งเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อย่ามาทำให้ต้องเหนื่อยใจไปมากกว่านี้ได้ไหมคะ พิมขออยู่สงบๆ เงียบๆ คนเดียวได้ไหมจะพร่ำเพรื่ออะไรนักหนา” พิมสุดาแว้ดเสียงแหลม เธอมั่นใจว่าทำดีที่สุดและใครก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนเธอทั้งนั้น คนแก่ขี้โรครอวันตายนี้ต้องขอบคุณเธอต่างหากที่บริหารโรงพยาบาลได้เจริญรุ่งเรืองมากขนาดนี้ ลูกชายแท้ๆ ก็หายหัวไปเลยไม่เคยมาดูดำดูดีอะไรทั้งนั้น พุฒิพงศ์ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนอะไร เขาต้องขอบคุณที่เธอแบกรับภาระทุกอย่างไว้แบบนี้ “ฉันรักและยังหวังดีกับเธอเหมือนเดิมนะพิม ความผิดที่อยู่ในใจเธอ มันไม่มีวันหายไปไหนถ้าเธอไม่แก้ไขมันหรือได้รับการอภัยจากคนคนนั้น” “ความผิดอะไร! อภัยอะไร! พิมไม่เคยทำอะไรยัยนิล พิมมีแต่ช่วย” “งั้นเหรอ...” “ใช่! พิมมีแต่ช่วยเหลือยัยนิล มันต่างหากที่ต้องสำนึกในบุญคุณ” “หึ! ฉันยังไม่ได้พูดอะไรถึงยัยนิลเลยสักคำ” กรี๊ดดด!! แผลสดในใจที่ผ่านไปสองปีก็ไม่มีวันทุเลาลงทำให้พิมสุดาอัดอั้นสะสมจนโพล่งปากพูดความลับดำมืดนี้ออกมาเอง และเมื่อยอมรับความจริงไม่ได้ การแก้ตัวจึงกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นบ้าน ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นเมื่อสองปีก่อนตามหลอกหลอนมาจนถึงทุกวันนี้ บางทีพิมสุดมาก็ฝันเห็นเด็กทารกตัวเปื้อนเลือดนอนร่วมเตียงด้วย บางคราวก็เห็นยัยนิลเดินจูงวิญญาณเด็กหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมาและแสยะยิ้มจนปากฉีกช่างน่าสยดสยอง สุดท้ายแล้ววิธีหาทางออกก็คือยานอนหลับขนานแรง เพื่อจะได้ไม่ต้องฝัน “คนเราทำผิดกันได้นะพิม ถ้าเธอรู้จักขอโทษและคนคนนั้นให้อภัย เธอจะหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้...//หยุดพูดมากเดี๋ยวนี้นะ!!” “ยัยนิลเป็นเด็กดี ฉันว่าน้องให้อภัยเธอได้อย่างแน่นอน” ปัง ง ง ! ! คนไม่ผิดทนฟังต่อไปไม่ได้ พิมสุดาเดินออกจากบ้านหลังใหญ่และกระแทกประตูปิดดังปังเพื่อกรีดร้องสุดเสียงหวังปลดปล่อยความรู้สึกนี้ น้ำตาค่อยๆ ไหลหยดลงมาเปียกพวงแก้ม ริมฝีปากบางสั่นพะงาบๆ อยากพูดทุกอย่างที่เก็บไว้ในใจคนเดียวมานานร่วมสองปี แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้ายโดยสันดานเสียจนไม่รู้ว่าตัวเองเคยทำอะไรน้อง... สองขาไร้เรี่ยวแรงจะยืนไหวทรุดลงนั่งกับพื้น “คนอย่างฉันมันเลว..พี่ขอโทษ!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD