19.00 น.
เห้อออ...
(ง่วงเหรอแก...)
“อืม! วันนี้นั่งรถตั้งแปดชั่วโมง แถมอากาศก็ร้อนสุดๆ แล้วฝุ่นก็เยอะลอยคลุ้งตลบอบอวลไปหมดเลย”
(นิล! อย่าบอกนะว่าแกไปค่าย)
“อ่า...ใช่เลย!!”
จริงๆ แล้วงานที่อินทีเรียสาวรับผิดชอบคือออกแบบและวางระบบสาธารณูปโภคในตึกร่วมกับวิศวกรและสถาปนิก
ปลานิลสามารถทำงานที่ไหนก็ได้แล้วส่งเฉพาะแบบแปลนไปแต่เธอเลือกที่จะไปทำงานเองถึงสถานที่สำหรับปลูกสร้าง
และแน่นอนว่าประเทศที่ยังคงคุกรุ่นไปด้วยสงครามการสู้รบ ชนเผ่าทั้งหลายยังคงหวาดระแวงกันเองและรวมไปถึงคนนอกด้วย จึงไม่มีเหตุผลใดเลยที่ผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆ อย่างปลานิลจะเดินทางไปที่นั่น
และนั้นคงไม่ทันที่ใครจะห้ามเธอได้
(แก! คิดถึงหน้าลูกบ้างรึเปล่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วตาปพนจะอยู่ยังไงห้ะ!?) เสียงสวดลากยาวจากคนใส่สายดังลั่น
สัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ค่อนข้างติดขัดแต่เสียงของนินิวบ่นปลานิลก็ได้ยินอย่างชัดแจ๋ว
“โอ๊ยนิว! ก็ฉันอยากมีดูอยากรู้ว่าคนที่นี่เขาอยู่กันยังไงฉันจะได้ช่วยเหลือได้ตรงจุดและเป็นประโยชน์ต่อคนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ”
(แม่คนใจบุญ ที่นั่นมีทั้งโรคระบาด ทั้งระเบิด ทั้งกระสุน แก่ต้องระวังตัวให้ดีๆ)
“ที่นี่เป็นค่ายที่ได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากUN เรื่องความปลอดภัยแกสบายใจได้เลย”
(หม่ามี้!...หม่ามี้! แวอ้ายูว)
“ไฮ! ปพนครับ อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ วันนี้ซนกับคุณป้า คุณตาคุณยายรึเปล่าครับ” เสียงเล็กใสกังวานร้องทักทายคนในสาย ปลานิลจึงทักทายลูกชายด้วยความคิดถึง
เวลาตอนนี้ที่ไทยก็เพียงแค่หัวค่ำเท่านั้น คนเป็นแม่จะคุยกับลูกชายก่อนเข้านอนทุกวันเพื่อกู๊ดไนท์คิส
(ปพนอะกู๊ดบอย...)
“เยี่ยมมากเลยครับ!”
(วันนี้คุุณพ่อเอาขนมมาให้เพียบเลยเนาะ...ใช่ไหม!)
“นิว!”
(แกไม่ต้องมาทำตาโตใส่ฉันเลย พี่พลัสมาแล้วไม่พูดเรื่องแกมาค่ายสักคำ กะจะโกหกฉันรึไง)
“เปล่าสักหน่อย! แล้วนั่นปพนถืออะไร”
(ก็ตุ๊กตาจองพ่อเขาไง.../_เยส! คูน ป้อ) เด็กชายตัวน้อยพูดตามคนเป็นป้าแต่ปลานิลถลึงตาโตใส่เพื่อน นินิวชอบแหย่เล่นเวลามีหนุ่มๆ มาจีบแม่โดยวิธีการเข้าทางลูก
“นิว! บอกแล้วไงว่าอย่าสอนปพนแบบนี้”
(โอ๊ย..!! แกก็ซีเรียสไปได้ เนาะปพนเนาะ)
สองป้าหลานยังคงพูดเล่นหยอกล้อไม่ฟังคนเตือนจากคนทางนี้ และคนเป็นแม่ก็ไม่ค่อยพอใจนักที่นินิวสอนหลานผิดๆ ให้เรียกพลัสว่าพ่อ
(ตอนนี้ก็ดึกแล้วแกเหนื่อยไม่ใช่เหรอ ไปพักผ่อนเถอะ)
“ปพน! Goodnight kiss”
(กู๊ดไนท์!)
“ไหน! เอาแต่เล่นตุ๊กตาไม่สนใจหม่ามี้เลยนะครับ”
(ของ คูน ป้อ!)
“ปพน!”
(บะบ่ายหม่ามี้! กู๊ดไนท์)
“ดะ เดี๋ยว...” เด็กที่เคยติดต้องแม่กล่อมตั้งนานกว่าจะหลับได้เดินอุ้มตุ๊กตาไปนอนที่เตียงอย่างว่าง่าย เด็กชายตัวน้อยกอดตุ๊กตาของฝากจากพื้นที่ห่างไกลไว้แน่นด้วยแขนเล็กๆ ของเขา
ดวงตากลมโตปรือปรอยค่อยๆ ปิดลงอย่างเชื่องช้าทีละนิดจนกลับสนิท ผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
นี้ก็เป็นอีกคืนที่คนเป็นอยู่ห่างจากลูกชายอันเป็นที่รักถือคนละฟากโลก
“นิว! ไม่สอนปพนเรียกพี่พลัสว่าพ่ออีกนะ”
(ฉันสอนที่ไหนล่ะ รายนั้นเรียกตัวเองว่าพ่อชัดมากเว่อร์)
“เขาก็แค่เอ็นดูตาปพนเท่านั้นแหละ ขอร้องนะอย่าให้ปพนมีความทรงจำอะไรผิดๆ”
(เออๆ ฉันขอโทษ ก็พ่อแท้ๆ มัน....)
“นิว!!”
(โอ๊ย! ฉันก็ปากเสียไปเรื่อยเปื่อย อย่าถือสาเลยนะ)
...
(แกเถอะ! อยู่ที่นั่นก็ดูแลตัวเองดีๆ ใส่แมสตลอดเวลา อย่าซี้ซั้วไปกินอะไรแปลกๆ แล้วห้ามออกจากค่ายพักพิงถ้าไม่มีทหารไปด้วยนะรู้สึกเปล่า)
“อืม! รู้แล้วค่ะแม่”
(วันนี้คงเหนื่อยมาทั้งวัน พักผ่อนเถอะ)
“โอเค!”
(มีอะไร)
...
“ไม่มีอะไร แค่นี้แหละ” ในขณะที่ภาพจากเครื่องมือสื่อสารเปิดกล้องสนทนา จังหวะที่ปลานิลกำลังเดินคุยโทรศัพท์หนียุงที่ไล่ตามกัดสายตาเธอก็เหลือบเห็นเขาดำจะคุ้มในจอ
มีใครบอกคนแอบฟังเธอสายกับคนที่บ้าน ซึ่งเธอแน่ใจว่าที่ตรงที่คนคนนั้นยืนแอบฟังอยู่ไม่ใช่ที่ที่ใครจะไปยืนทำธุระได้แน่ๆ
“Hello! can i help you” นอกจากเป็นสถานที่สาธารณะและคนหลากเชื้อชาติ ปลานิลคิดไปเองว่าที่ตรงนี้มันมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตแรงที่สุดแต่ก็อาจจะไม่เหมาะมาเดินเพ่นพ่านเล่นๆ ได้
อาจเป็นตัวเองที่มาเกะกะในที่ของคนอื่นเขาเพราะเต็นท์ของตัวเองอยู่ไกลจากตรงนี้
“Hello! Oops!” ร่างใหญ่พุ่งตัวออกมาจากเงามืดให้หญิงสาวตกใจหงายหลังเกือบล้ม แต่ความไวจากคนคล่องตัวก็มาคว้าแขนปลานิลไว้
ฝ่ามือใหญ่ๆ หยาบกร้านจากการทำงานหลังยึดข้อแขนเป็นที่มั่นดึงตัวไม่ให้ปลานิลล้ม
“So sorry!”
Um...
มีเพียงน้ำเสียงทุ้มต่ำในลำคอเป็นการตอบรับเท่านั้น
ดวงตาคมเข้ม คิ้วหนาดกดำที่โผล่พ้นจากหน้ากากผ้าให้เธอเห็นเพียงครึ่งใบหน้าส่วนบนของเขา
“you ok!?”
“yes....and sorry again”
Um...
เพียงเสี้ยววินาทีที่สบตาชายนิรนามปลานิลก็สัมผัสได้ว่ามันมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน ประกอบกับความมืดยามเที่ยงคืน ณ ค่ายพักพิงผู้ลี้ภัย มันจึงไม่เหมาะที่เธอจะมายืนอยู่คนเดียวในที่ลับตาคน
“can i help you”
“No..! I must to go...”
“Good night”
“thank!” มารยาคนไทยยังคงติดมากับตัว
ปลานิลรู้ตัวว่าเธอต้องเด็กกว่าคนตรงหน้าเป็นแน่ เธอจึงค้อมหัวลงต่ำเป็นการบอกลาแบบสากลอย่างสุภาพ
จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าเดินออกให้ห่างโดยไวแต่ก็ยังหันรีหันขวางหวาดระแวงชายร่างใหญ่ไม่ตลอดเวลา
แล้วเมื่อปลานิลเดินพ้นระยะสายตาก็รีบวิ่งกลับเต็นท์ตัวเองโดยเร็วที่สุดราวกับว่าชายคนนั้นจะวิ่งตามมาทำร้ายอย่างนั้นแหละ
‘นี้ไม่ใช่ความฝัน นี่มันเรื่อง...จริง’