Chapter No.7

1135 Words
สุวรรณภูมิ 00.50 น. “สวัสดีครับคุณภัทร” “มาคงมาคุณห่าอะไรไอ้กลม! มึงไม่ใช่ลูกน้องกูนะ” “ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ...” ชายหนุ่มผู้อุทิศตนเพื่อมวลมนุษยชาติละทิ้งหน้าที่ที่ค่ายพักพิงวิ่งตามหัวใจตัวเองอีกครั้ง เพราะตั้งแต่วินาทีที่เห็นปลานิลมายืนคุยโทรศัพท์ข้างๆ เต็นท์เขาก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว และเมื่อรู้ว่าเธอป่วยไข้ไร้เรี่ยวแรงคนเป็นหมอเลยวิ่งโร่เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด พิษไข้ทำให้ปลานิลเพ้อนอนละเมอเรียกหาแต่ลูกชาย ตัวเขาก็อดที่จะสงสารเธอไม่ได้ หนึ่งคืนเต็มๆ ที่หมั่นเช็ดตัวจนไข้ลดลง เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแม้เธอจะเอาแต่พูดถึงคนอื่นตลอดเวลาก็ตาม พุฒิภัทรได้ใช้เวลาดูแลอดีตภรรยาสาวและเหมือนว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกต่อไป คุณหมอหน้าโหดในโหมดวิ่งตามหัวใจตัวเองจึงตัดสินใจรีบหาไฟลต์บินกลับประเทศบ้านเกิดโดยเร็วหลังจากรู้ตัวแล้วว่าตนไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ดูปลานิลเข้ามาแล้วจากไปอีกเฉยๆ ได้ จะกิน จะนอน จะนั่งก็ไม่ไหวเพราะใจมันรุ่มร้อนราวกับไฟจนต้องบินตามมาดูว่าอาการของเธอกำลังจะดีขึ้น...ต้องดีขึ้น! พุฒิภัทรบอกกับตัวเองว่าเขาทำเพื่อเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ตามจรรยาบรรณแพทย์ต้องมั่นใจว่าคนไข้ถูกส่งไปรักษาตัวในที่ที่เหมาะสมแล้ว ขอเห็นด้วยตาว่าเธอหาย สบายดี คุณหมอนายนี้ก็กลับไปนั่งเลียแผลใจอีกครั้งสักที่ใดที่หนึ่งบนโลกบนนี้ “สบายดีนะมึง” “ครับ!” “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” “คุณปลานิลถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรมB เพื่อดูอาการครับ ตอนนี้เห็นว่าดีขึ้นเยอะแล้ว” “กูหมายถึงพ่อ” -_-! “อ้อ! เหรอครับ” ปฐมคิดเอาเองว่าคนอื่นที่ว่าหมายถึงปลานิล เพราะคนที่พุฒิภัทรพูดถึงนั้น ปฐมรายงานอยู่เป็นประจำว่าคุณท่านและผ.อ.พิมสุดามีความเป็นอยู่เช่นไร “แล้วของที่กูฝากอะ” “เรียบร้อยครับ นี้ครับกุญแจ” อืม... กุญแจรถสีขาวคันเดิมถูกส่งมาให้เจ้าตัว พุฒิภัทรรับมันมาถือแล้วมองด้วยความคิดถึงสุดใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่ไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าเขาคิดถึงทุกเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ บ้านก็หลังเดิม เตียงกับหมอนก็อันเดิม แต่คราวนี้พุฒิภัทรเลือกมายืนดูห้องเก็บของที่ปลานิลเคยใช้นอน ข้าวของของเธอยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเดิม เหมือนกับว่าเธอยังคงอยู่ที่นี่ โมเดลบ้านหลังเล็กที่ดูแล้วว่ายังไม่แล้วเสร็จดีก็ยังคงตั้งไว้ เจ้าของบ้านมองมันด้วยสายตาเศร้าสร้อยเพราะคิดว่าบ้านนี้ของนิลคงมีความสุขเพราะมันไม่มีเขา ความสุขกับความเสียใจวิ่งวนไปมาสลับกันวุ่นวาย เขาดีใจที่ได้พบปลานิลอีกครั้งแต่ก็เจ็บปวดที่รู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่อดีตที่สร้างรอยแปดเปื้อนในชีวิตของเธอ 20.00 น. กรี๊ดดดด!! “ปพนครับ! ปพน...จ๊ะเอ๋!!” (หม่ามี้! หม่ามี้!) ฮะอึ๊ก! “คนเก่งของหม่ามี้ ไม่ร้องนะครับ” (คิสมี! หม่ามี้ หม่ามี้) “หม่ามี้ซอรี่นะครับคนดี อย่าร้องนะ” กรี๊ด...... เด็กชายตัวน้อยร้องไห้โยเยจะหาแต่แม่ท่าเดียว น้ำหูน้ำตาไหลเปียกอาบใบหน้าน้อยๆ ที่กรีดร้องจนแดงก่ำและเริ่มหายใจติดขัดเพราะอาการหอบหืดกำเริบ ปกติเวลาที่ปพนมีอาการ คนเป็นแม่ก็จะอุ้มลูกชายไว้แนบกายและลูบไล้แผ่นหลังจนหลับคาอ้อมกอดแม่ของเขา แต่วันนี้ไม่มีแม่ให้กอดเช่นเคยเด็กน้อยจึงร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง เป็นภาพที่ปวดหัวใจและแสนทรมานที่ปลานิลต้องเข้มแข็งและเอาลูกให้หลับผ่านหน้าจอมือถือให้ได้ คนเป็นแม่แสร้งยิ้มแอบปาดน้ำตาทิ้งเม็ดแล้วเม็ดเล่าเพราะไม่อยากร้องไห้ตามลูกชายและพยายามร้องเรียก เด็กน้อยได้ยินแค่เสียงของมารดาแต่หาเธอไม่เจอก็ยิ่งกรีดร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ (หม่ามี้! หม่ามี้!) ‘จะทำยังไงดี...’ ปลานิลไม่อาจทนเฉยปล่อยให้ลูกชายร้องไห้แบบนี้จนเหนื่อยและหลับไปเองได้ แต่เธอจะหาทางออกไปจากที่นี่เช่นไรกัน เธอยังคงเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อที่ยังคงต้องเฝ้าระวังดูอาการจนกว่าจะหายดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม โรคติดต่อนี้ร้ายแรงพอดูหากมันแพร่กระจายออกไปและเธอก็ไม่อยากเอาโรคร้ายนี้ไปฝากปพนแน่นอน (นิล! แกจะทำอะไร) “ฉันจะออกจากที่นี่” (จะบ้าเหรอแก!) “ฉันทนอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วนิว แค่นี้ก่อนนะฉันจะรีบไป” ปลานิลกดวางสายแล้วค่อยๆ แง้มประตูออกไปดู พอหลังช่วงเวลาอาหารเย็นแล้วจะไม่มีพยาบาลมาตรวจวัดไข้จนถึงเวลาหกนาฬิกาของวันพรุ่งนี้ โรงแรมขนาดเล็กถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่กักตัวผู้ป่วยติดเชื้อความปลอดภัยจึงไม่ได้สูงมากมายนัก หากจะมีคนไข้สักคนย่องเงียบออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่คงไม่มีใครรู้ “อะแฮ่ม!” ว๊าย!!! คนไข้ในชุดไปรเวทที่ถูกเปลี่ยนทดแทนชุดของโรงพยาบาลสะดุ้งโหยงเพราะเสียงกระแอมทัก เธอถอยหลังตัวติดกับฝากำแพงเพราะคุณหมอในชุดเสื้อกาวน์สีขาว มีแมสปิดบังครึ่งหน้าโผล่มาแค่ตาต้องจับได้ว่ามีคนไข้กำลังจะหนีออกจากสถานที่กักตัวนี้ ลูกชายตัวน้อยรอเธออยู่ และจะไม่มีสิ่งใดมารั้งตัวเธอไว้ได้ทั้งนั้น “มาทำอะไรตรงนี้ครับ” “อ๋อ! ดิฉันมาเยี่ยมญาติค่ะ” “สามทุ่ม!?” “ฮาๆ ใช่ค่ะ! นี้ดิฉันก็กำลังจะกลับพอดี” คนโกหกไม่เนียนหัวเราะแห้งๆ หน้าเจื่อนเพราะกลัวว่าคุณหมออาจจะจำเธอได้ คนที่นี่ใส่ชุดป้องกันอย่างแน่นหนาจนเธอไม่รู้ว่าหมอและพยาบาลเป็นใครหน้าตาแบบไหน เนื่องจากเป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายด้วยการสัมผัสกัน ผู้ที่ต้องใกล้ชิดจึงต้องป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด “เดี๋ยวครับ!” หึย! คนตัวเล็กกำลังจะกลับตัววิ่งหนีแต่ก็โดนรั้งไว้อีกครั้ง ‘นั่นไง...หมอต้องจำเธอได้จริงๆ ด้วย’ “ออกมาข้างนอกตัวใส่แมสด้วยสิครับ” “ขอบคุณค่ะคุณหมอ” ทันทีที่รับแมสมาใส่ปิดบังใบหน้าปลานิลก็กลับตัวหันหลังรีบวิ่งตรงไปที่ประตูบานใหญ่อีกครั้ง แต่ทว่า...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD