สุวรรณภูมิ 00.50 น.
“สวัสดีครับคุณภัทร”
“มาคงมาคุณห่าอะไรไอ้กลม! มึงไม่ใช่ลูกน้องกูนะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ...”
ชายหนุ่มผู้อุทิศตนเพื่อมวลมนุษยชาติละทิ้งหน้าที่ที่ค่ายพักพิงวิ่งตามหัวใจตัวเองอีกครั้ง เพราะตั้งแต่วินาทีที่เห็นปลานิลมายืนคุยโทรศัพท์ข้างๆ เต็นท์เขาก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว และเมื่อรู้ว่าเธอป่วยไข้ไร้เรี่ยวแรงคนเป็นหมอเลยวิ่งโร่เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด พิษไข้ทำให้ปลานิลเพ้อนอนละเมอเรียกหาแต่ลูกชาย ตัวเขาก็อดที่จะสงสารเธอไม่ได้
หนึ่งคืนเต็มๆ ที่หมั่นเช็ดตัวจนไข้ลดลง เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแม้เธอจะเอาแต่พูดถึงคนอื่นตลอดเวลาก็ตาม พุฒิภัทรได้ใช้เวลาดูแลอดีตภรรยาสาวและเหมือนว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกต่อไป
คุณหมอหน้าโหดในโหมดวิ่งตามหัวใจตัวเองจึงตัดสินใจรีบหาไฟลต์บินกลับประเทศบ้านเกิดโดยเร็วหลังจากรู้ตัวแล้วว่าตนไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ดูปลานิลเข้ามาแล้วจากไปอีกเฉยๆ ได้
จะกิน จะนอน จะนั่งก็ไม่ไหวเพราะใจมันรุ่มร้อนราวกับไฟจนต้องบินตามมาดูว่าอาการของเธอกำลังจะดีขึ้น...ต้องดีขึ้น!
พุฒิภัทรบอกกับตัวเองว่าเขาทำเพื่อเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ตามจรรยาบรรณแพทย์ต้องมั่นใจว่าคนไข้ถูกส่งไปรักษาตัวในที่ที่เหมาะสมแล้ว
ขอเห็นด้วยตาว่าเธอหาย สบายดี คุณหมอนายนี้ก็กลับไปนั่งเลียแผลใจอีกครั้งสักที่ใดที่หนึ่งบนโลกบนนี้
“สบายดีนะมึง”
“ครับ!”
“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”
“คุณปลานิลถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรมB เพื่อดูอาการครับ ตอนนี้เห็นว่าดีขึ้นเยอะแล้ว”
“กูหมายถึงพ่อ”
-_-!
“อ้อ! เหรอครับ” ปฐมคิดเอาเองว่าคนอื่นที่ว่าหมายถึงปลานิล เพราะคนที่พุฒิภัทรพูดถึงนั้น ปฐมรายงานอยู่เป็นประจำว่าคุณท่านและผ.อ.พิมสุดามีความเป็นอยู่เช่นไร
“แล้วของที่กูฝากอะ”
“เรียบร้อยครับ นี้ครับกุญแจ”
อืม...
กุญแจรถสีขาวคันเดิมถูกส่งมาให้เจ้าตัว พุฒิภัทรรับมันมาถือแล้วมองด้วยความคิดถึงสุดใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่ไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าเขาคิดถึงทุกเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ
บ้านก็หลังเดิม เตียงกับหมอนก็อันเดิม แต่คราวนี้พุฒิภัทรเลือกมายืนดูห้องเก็บของที่ปลานิลเคยใช้นอน
ข้าวของของเธอยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเดิม เหมือนกับว่าเธอยังคงอยู่ที่นี่
โมเดลบ้านหลังเล็กที่ดูแล้วว่ายังไม่แล้วเสร็จดีก็ยังคงตั้งไว้ เจ้าของบ้านมองมันด้วยสายตาเศร้าสร้อยเพราะคิดว่าบ้านนี้ของนิลคงมีความสุขเพราะมันไม่มีเขา
ความสุขกับความเสียใจวิ่งวนไปมาสลับกันวุ่นวาย เขาดีใจที่ได้พบปลานิลอีกครั้งแต่ก็เจ็บปวดที่รู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่อดีตที่สร้างรอยแปดเปื้อนในชีวิตของเธอ
20.00 น.
กรี๊ดดดด!!
“ปพนครับ! ปพน...จ๊ะเอ๋!!”
(หม่ามี้! หม่ามี้!)
ฮะอึ๊ก!
“คนเก่งของหม่ามี้ ไม่ร้องนะครับ”
(คิสมี! หม่ามี้ หม่ามี้)
“หม่ามี้ซอรี่นะครับคนดี อย่าร้องนะ”
กรี๊ด......
เด็กชายตัวน้อยร้องไห้โยเยจะหาแต่แม่ท่าเดียว น้ำหูน้ำตาไหลเปียกอาบใบหน้าน้อยๆ ที่กรีดร้องจนแดงก่ำและเริ่มหายใจติดขัดเพราะอาการหอบหืดกำเริบ
ปกติเวลาที่ปพนมีอาการ คนเป็นแม่ก็จะอุ้มลูกชายไว้แนบกายและลูบไล้แผ่นหลังจนหลับคาอ้อมกอดแม่ของเขา แต่วันนี้ไม่มีแม่ให้กอดเช่นเคยเด็กน้อยจึงร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง
เป็นภาพที่ปวดหัวใจและแสนทรมานที่ปลานิลต้องเข้มแข็งและเอาลูกให้หลับผ่านหน้าจอมือถือให้ได้
คนเป็นแม่แสร้งยิ้มแอบปาดน้ำตาทิ้งเม็ดแล้วเม็ดเล่าเพราะไม่อยากร้องไห้ตามลูกชายและพยายามร้องเรียก
เด็กน้อยได้ยินแค่เสียงของมารดาแต่หาเธอไม่เจอก็ยิ่งกรีดร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ
(หม่ามี้! หม่ามี้!)
‘จะทำยังไงดี...’ ปลานิลไม่อาจทนเฉยปล่อยให้ลูกชายร้องไห้แบบนี้จนเหนื่อยและหลับไปเองได้ แต่เธอจะหาทางออกไปจากที่นี่เช่นไรกัน
เธอยังคงเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อที่ยังคงต้องเฝ้าระวังดูอาการจนกว่าจะหายดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
โรคติดต่อนี้ร้ายแรงพอดูหากมันแพร่กระจายออกไปและเธอก็ไม่อยากเอาโรคร้ายนี้ไปฝากปพนแน่นอน
(นิล! แกจะทำอะไร)
“ฉันจะออกจากที่นี่”
(จะบ้าเหรอแก!)
“ฉันทนอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วนิว แค่นี้ก่อนนะฉันจะรีบไป”
ปลานิลกดวางสายแล้วค่อยๆ แง้มประตูออกไปดู พอหลังช่วงเวลาอาหารเย็นแล้วจะไม่มีพยาบาลมาตรวจวัดไข้จนถึงเวลาหกนาฬิกาของวันพรุ่งนี้
โรงแรมขนาดเล็กถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่กักตัวผู้ป่วยติดเชื้อความปลอดภัยจึงไม่ได้สูงมากมายนัก
หากจะมีคนไข้สักคนย่องเงียบออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่คงไม่มีใครรู้
“อะแฮ่ม!”
ว๊าย!!!
คนไข้ในชุดไปรเวทที่ถูกเปลี่ยนทดแทนชุดของโรงพยาบาลสะดุ้งโหยงเพราะเสียงกระแอมทัก
เธอถอยหลังตัวติดกับฝากำแพงเพราะคุณหมอในชุดเสื้อกาวน์สีขาว มีแมสปิดบังครึ่งหน้าโผล่มาแค่ตาต้องจับได้ว่ามีคนไข้กำลังจะหนีออกจากสถานที่กักตัวนี้
ลูกชายตัวน้อยรอเธออยู่ และจะไม่มีสิ่งใดมารั้งตัวเธอไว้ได้ทั้งนั้น
“มาทำอะไรตรงนี้ครับ”
“อ๋อ! ดิฉันมาเยี่ยมญาติค่ะ”
“สามทุ่ม!?”
“ฮาๆ ใช่ค่ะ! นี้ดิฉันก็กำลังจะกลับพอดี” คนโกหกไม่เนียนหัวเราะแห้งๆ หน้าเจื่อนเพราะกลัวว่าคุณหมออาจจะจำเธอได้
คนที่นี่ใส่ชุดป้องกันอย่างแน่นหนาจนเธอไม่รู้ว่าหมอและพยาบาลเป็นใครหน้าตาแบบไหน เนื่องจากเป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายด้วยการสัมผัสกัน ผู้ที่ต้องใกล้ชิดจึงต้องป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด
“เดี๋ยวครับ!”
หึย!
คนตัวเล็กกำลังจะกลับตัววิ่งหนีแต่ก็โดนรั้งไว้อีกครั้ง
‘นั่นไง...หมอต้องจำเธอได้จริงๆ ด้วย’
“ออกมาข้างนอกตัวใส่แมสด้วยสิครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
ทันทีที่รับแมสมาใส่ปิดบังใบหน้าปลานิลก็กลับตัวหันหลังรีบวิ่งตรงไปที่ประตูบานใหญ่อีกครั้ง
แต่ทว่า...