บทที่ 4 (1/2) : กายพร้อม ใจพร้อม หยกห้อยคอก็พร้อม!!! (1)

1273 Words
เสียงครางและเสียงหอบหายใจ เดี๋ยวหนัก เดี๋ยวเบา ของเด็กชายบนเตียงเรียกให้จินเฟยเทียนคนใหม่ตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง จินเฟยเทียนหันกลับมาสนใจเด็กชายบนเตียงอีกครั้ง เขาเอื้อมมือไปจับเด็กชายให้นอนหงาย แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสโดนร่างกายของเด็กชาย มันก็ทำให้เขาไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป... จินเฟยเทียนรีบเอื้อมมือไปหยิบผ้าสะอาดมาชุบน้ำในอ่างล้างหน้าแล้วบิดจนหมาด จากนั้นก็นำไปเช็ดตามหน้าตาและเนื้อตัวของหยางหมิงเซียนวัยเยาว์ เมื่อเช็ดตัวเสร็จเขาจึงประคองอีกฝ่ายขึ้นมาพิงกับอกของตัวเองไว้ จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปรินน้ำใส่ถ้วยชา ก่อนจะนำมาป้อนให้เด็กชายอย่างช้าๆ เพื่อเป็นการระบายความร้อน แล้วเมื่อให้เด็กชายดื่มน้ำเสร็จแล้ว เขาจึงทำการเปลี่ยนชุดให้กับอีกฝ่ายด้วยเสื้อผ้าที่เขาค้นเจอในห้อง และเมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ เขาจึงประคองเด็กชายให้กลับลงไปนอนห่มผ้าเหมือนเดิม จากนั้นจินเฟยเทียนจึงเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเทได้สะดวกมากขึ้น อาการของหยางหมิงเซียนวัยเยาว์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเห็นดังนั้นจินเฟยเทียนจึงกลับมาดูแลร่างกายที่ตัวเองอาศัยอยู่บ้าง เมื่อดูแลร่างกายของตัวเองเรียบร้อยแล้ว จินเฟยเทียนก็กลับลงมานั่งบนเตียงแล้วมองไปที่ใบหน้าของเด็กชายที่ยังคงหลับไหลไม่ได้สติ หยางหมิงเซียนที่จินเฟยเทียนบรรยายเอาไว้ในนิยาย ‘เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง ใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาเจ้าชู้ แต่แฝงด้วยกลิ่นอายของบัณฑิต’ แต่เมื่อนำมาเทียบกับเด็กชายตรงหน้ายามนี้ แม้อีกฝ่ายจะยังอยู่ในวัยเยาว์ แต่ใบหน้าของเด็กชายก็เริ่มมีเค้าโครงที่โตมาแล้ว...น่าจะหล่อเหลาเอาการ แต่ร่างกายของเด็กชายตอนนี้มันช่างดูผอมบางเหมือนเด็กขาดสารอาหาร เนื้อหาในนิยายก่อนที่หยางหมิงเซียนจะได้มาเจอกับจินเฟยเทียน เด็กชายคนนี้ได้พบเจอกับเรื่องราวที่หนักหนามาพอสมควร... หยางหมิงเซียนเดิมทีอาศัยอยู่กับบิดา มารดา ที่หมู่บ้านแถบแนวชายแดน บิดาของเขาเป็นทหารลาดตระเวนซึ่งได้รับค่าตอบแทนเป็นเบี้ยหวัด บิดาของเขาได้นำเบี้ยหวัดมาใช้เลี้ยงดูครอบครัว แล้วให้มารดาของเขามีหน้าที่อยู่ดูแลเรือนและมีหน้าที่อยู่ดูแลบุตรชาย ชีวิตของหยางหมิงเซียนในตอนนั้นถือว่ายังอยู่ในช่วงที่ดีมาก จนกระทั้ง...เมื่อแคว้นฉินได้ทำการเปิดศึกระหว่างแคว้น ฮ่องเต้แคว้นตงจึงสั่งให้ ‘แม่ทัพจินเฟยหมิง’ แม่ทัพใหญ่ของแคว้น จัดทัพลงไปประจำการชั่วคราวที่แนวชายแดน แล้วสงครามระหว่างแคว้นที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ก็เริ่มทวีความรุนแรงและเริ่มยืดเยื้อ บิดาของหยางหมิงเซียนจึงต้องเข้าร่วมต่อสู้ในศึกครั้งนั้นด้วย และด้วยความรุนแรงของสงครามได้ทำให้บิดาของหยางหมิงเซียนต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างในสนามรบ บิดาของเขาได้กลายเป็นคนพิการ เงินชดเชยที่ได้รับกับเงินเก็บที่มีอยู่...ก็ต้องนำออกมาใช้รักษาผู้เป็นบิดา มารดาของเขาจึงต้องออกไปหางานทำ จากนั้นหน้าที่ดูแลเรือนและหน้าที่ดูแลบิดา...จึงตกมาเป็นหน้าที่ของหยางหมิงเซียน มารดาของหยางหมิงเซียนได้เข้าไปทำงานเป็นบ่าวรับใช้ฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพใหญ่จินเฟยหมิง ที่ได้ติดตามผู้เป็นสามีมายังชายแดนด้วย แรกเริ่มมารดาของเด็กชายหลังจากได้ออกไปทำงาน อีกฝ่ายก็จะนำเงินและอาหารกลับมาให้หยางหมิงเซียนกับผู้เป็นสามีในทุกๆสามวัน แต่พอนานวันเข้า...ครึ่งเดือนมารดาของเด็กชายถึงจะกลับมาหาเขาและผู้เป็นบิดาหนึ่งครั้ง และเมื่อสงครามที่ยืดเยื้อได้จบลง...แคว้นตงเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ แม่ทัพใหญ่จินเฟยหมิงจึงจัดเตรียมขบวนเพื่อพาครอบครัวและทหารบางส่วนเดินทางกลับไปยังเมืองหลวง และในวันที่ขบวนของท่านแม่ทัพใหญ่เดินทางออกจากชายแดน ก็เป็นวันเดียวกันกับที่มารดาของหยางหมิงเซียนได้แอบกลับมาเก็บเสื้อผ้าและพาตัวเองหนีออกไปจากเรือน โดยทิ้งบุตรชายและผู้เป็นสามีเอาไว้...โดยไม่กลับมาเหลี่ยวแลอีกเลย บิดาของหยางหมิงเซียนเมื่อได้รับรู้เรื่องที่ผู้เป็นภรรยาหนีออกจากเรือน บิดาของเขาก็เริ่มตรอมใจ ไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมกินยา จนร่างกายทรุดโทรมลง...เพียงเวลาไม่ถึงเดือนบิดาของหยางหมิงเซียนก็ได้สิ้นใจจากเขาไป หยางหมิงเซียนด้วยวัยเพียงแปดหนาวเมื่อไม่มีบิดาแล้ว เขาจึงตัดสินใจออกเดินทางตามหาผู้เป็นมารดา หยางหมิงเซียนได้ขอร่วมเดินทางกับขบวนที่นำเสบียงมาส่งให้กับค่ายทหารที่ชายแดนแล้วกำลังจะเดินทางกลับเมืองหลวง และในระหว่างการเดินทางเด็กชายตัวน้อยก็คอยสอบถามว่ามีใครเคยเห็นหรือเคยพบเจอมารดาของเขาบ้างหรือไม่ และเด็กชายตัวน้อยก็คอยสอบถามเส้นทางที่จะไปยังจวนแม่ทัพใหญ่จินเฟยหมิงเอาไว้ด้วย และเมื่อเข้าเขตเมืองหลวง หยางหมิงเซียนก็ขอแยกตัวออกไปยังจวนแม่ทัพใหญ่จินเฟยหมิงเพียงลำพัง แล้วเมื่อเด็กชายไปถึงจวนแม่ทัพ...เขาก็ต้องคว้าน้ำเหลว เพราะไม่มีผู้ใดรู้จักมารดาของเขาเลย แถมตัวเขาเองก็ยังทั้งถูกด่าและถูกไล่...ให้ออกไปให้ไกลจากจวนแม่ทัพด้วย หยางหมิงเซียนเมื่อตามหาผู้เป็นมารดาของตนเองไม่เจอ เด็กชายตัวน้อยก็ไม่รู้แล้วว่า...ยามนี้เขาควรจะต้องทำอย่างไรต่อ แล้วเขาจะกลับเรือนของตัวเองอย่างไรเพราะเขาก็ไม่รู้จักผู้ใดในเมืองหลวงแห่งนี้เลย เด็กชายตัวน้อยจึงทำได้เพียงออกเดินไปเรื่อยๆ และหวังแต่เพียงว่าเขาจะได้เจอผู้เป็นมารดาเข้าสักวัน และหลังจากวันนั้นหยางหมิงเซียนก็ต้องใช้ชีวิตแบบอดมื้อกินมื้อ เก็บเศษอาหารข้างทางกินบ้าง รอคนใจบุญหยิบยื่นเศษอาหารมาให้บ้าง ค่ำไหนนอนนั่น อาศัยเพียงชายคาเรือนของผู้อื่นบังแดด กันลมฝน และใช้หลับนอน จนเขามาสลบที่ข้างเรือนของหยงหม่า นิสัยของหยางหมิงเซียนในยามนี้ไม่ต่างอะไรจากเจ้าลูกกวางตัวน้อยที่พลัดหลงออกจากฝูง...เพราะยามนี้เขาทั้งตื่นกลัวต่อสิ่งต่างๆ รอบกาย ดีใจและเสียใจกับสิ่งเล็กๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว แต่ถ้ามีใครมาทำดีกับเขาแค่เพียงเล็กน้อย เขาก็พร้อมที่จะตอบแทนเป็นเท่าตัว จินเฟยเทียนเมื่อต้องมาเห็นตัวละครของตนเองที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวอักษร แต่กลับมีชีวิตจริงๆ แล้วต้องมาเผชิญกับอุปสรรคที่เขาเป็นคนแต่ง มันก็ทำให้เขาอดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนตัวเขาเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายชีวิตผู้อื่น...ด้วยมือของเขาเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD