พากร แซ่ง้วน หรือไผ่ อายุ 25 ปี เป็นลูกชายคนโตของที่บ้าน ครอบครัวของไผ่เป็นครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อกับแม่รับราชการเป็นครูสอนในโรงเรียนแถวบ้าน ไผ่มีน้องชาย 1 คน อายุห่างกัน 8 ปี ไผ่กับน้องชายสนิทกันมาก เนื่องจากพ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับพวกเขา ไผ่จึงรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กตั้งแต่วันที่น้องชายเขาเกิด
เมื่อไผ่อายุครบ 19 ปี ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับชีวิตของเขา เขาได้สูญเสียทั้งพ่อ แม่ และน้องชายไปพร้อมกันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ญาติพี่น้องที่เคยมีก็ขาดการติดต่อ ไร้ซึ่งการเหลียวแล ปล่อยให้ไผ่ต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง
ไผ่เริ่มต้นการใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวโดยอาศัยเงินประกันที่พ่อกับแม่ได้ทำทิ้งเอาไว้ให้กับเขา พร้อมกันนั้นไผ่ก็เริ่มออกไปหางานพาร์ทไทม์ทำ...จนเขาสามารถส่งเสียตัวเองเรียนจนจบได้ และโชคดีที่เมื่อไผ่เรียนจบ...เขาก็ได้เข้าไปทำงานเป็นพนักงานบัญชีที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
หลังจากที่ไผ่สามารถก้าวผ่านเหตุการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตมาได้ เขาก็ได้กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับคนอื่น ใช้ชีวิตเรียบง่าย เช้าตื่นไปทำงานเย็นเลิกงานกลับบ้าน วันไหนไม่ได้ไปทำงานเขาก็มักจะเก็บตัวอยู่บ้าน ดูหนังฟังเพลง และอ่านนิยาย ไผ่อ่านนิยายได้ทุกแนวแต่นิยายแนวที่ไผ่ชอบมากที่สุดก็คือ นิยายแนวจีนโบราณ
ไผ่ชื่นชอบนิยายแนวนี้มากจนนึกอยากจะลองแต่งนิยายแนวนี้ดูสักเรื่อง...
และด้วยความคิดนั้นของไผ่ ‘ลิขิตรักของท่านแม่ทัพไร้ใจ’ จึงเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิตของไผ่ ซึ่งตอนนี้ไผ่ก็ได้แต่งนิยายเรื่องนี้มาจนถึงช่วงท้ายของเรื่องแล้ว และตอนนี้ไผ่ก็กำลังแต่งถึงบทที่เป็นจุดจบ...ของตัวร้ายในนิยายของไผ่
..............................................
ณ กระท่อมร้างกลางป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ‘หยางหมิงเซียน’ กำลังนั่งขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งในกระท่อมร้างหลังนั้น ด้วยสภาพที่ทั้งอ่อนล้า อ่อนแรง และอิดโรย ร่างกายของหยางหมิงเซียนยามนี้เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกฟันและถูกแทงหลายแห่ง ซึ่งบาดแผลฉกรรจ์ที่น่าจะรุนแรงที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นบาดแผลจากการถูกแทงที่หน้าท้อง...ซึ่งยามนี้ก็ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด จนทำให้อาภรณ์ที่เขากำลังสวมใส่อยู่ตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของเขา แต่เขาก็หาได้สนใจบาดแผลเหล่านั้นไม่
หลังจากที่หยางหมิงเซียนได้รู้ความจริงจากปากของมารดา เขาก็พาตัวเองวิ่งเตลิดเข้ามาป่า ยามนี้เขาต้องการที่จะหนี... ใช่! เขาต้องการหนีจากผู้คน หนีจากความเป็นจริง หนีจากสิ่งที่ได้รับรู้
จนหยางหมิงเซียนมาเจอเข้ากับกระท่อมร้างหลังนี้
หยางหมิงเซียนนั่งจมอยู่กับตัวเองมาได้สักพัก ความเจ็บปวดจากบาดแผลทางกายที่เขาได้รับ มันเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดทางใจที่เขากำลังเผชิญอยู่...
‘พี่ชาย...ชีวิตท่านที่สละให้ข้ามา ข้ากลับใช้มันไปทำร้ายคนที่ท่านรัก คนในครอบครัวของท่าน’
‘ข้าขออภัยท่าน’
‘ฮุ่ยหลิง...แม้ข้าจะทุ่มเทมากมายเพียงใด สุดท้ายเจ้าก็คงไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตาเจ้าเลยใช่ไหม?’
‘ท่านแม่...ท่านเคยรักข้าจริงๆ สักครั้งบ้างหรือไม่ ท่านเคยต้องการหรือเคยเห็นข้าเป็นลูกของท่านบ้างหรือเปล่า?’
‘สวรรค์...ท่านคงเกลียดข้ามากใช่ไหม? ถึงได้ลิขิตชีวิตข้าให้เป็นเช่นนี้ ท่านจะให้ข้ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ในเมื่อไม่มีใครต้องการข้าเลย’
‘ข้าเหนื่อยล้าเหลือเกินแล้ว...’
ความหนาวเย็นของหิมะไม่อาจช่วยเยียวยาบาดแผลทางกายและทางใจของหยางหมิงเซียนได้เลย
และในคืนนั้นหยางหมิงเซียนก็ได้ทิ้งร่างอันไร้วิญญาณของตนเองไว้ที่กระท่อมร้างกลางป่าหลังนั้น
...............................................
“โอ้ย! เศร้าจัง!!”
‘เขียนเอง...เศร้าเอง นักเลงพอ!’
‘ทำไมถึงได้เขียนบทของตัวร้ายออกมาได้น่าสงสารขนาดนี้นะ’
‘เขียนบทนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอไปคิดบทอื่นก่อนแล้วกัน ไม่งั้นหดหู่จนนอนไม่หลับแน่คืนนี้’
และนี่คือความทรงจำสุดท้ายของไผ่ก่อนมาโผล่ ณ. ที่แปลกๆ แห่งนี้...