ฉินเย่เหวิน ผู้บังคับการทหารที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงโด่งดังไม่ว่าจะไปทำศึกที่แคว้นไหนเมืองใดก็สามารถนำชัยชนะกลับมาทุกครั้ง ขณะนี้เขาอยู่ในวัย 25 ปี และได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้บังคับการทหารระดับสูง งานเลี้ยงในวังหลวงที่จัดขึ้นในวันนี้เป็นการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่เพื่อเกียรติยศของเขา โดยมีฮ่องเต้หวังเจียเหอเป็นประธาน
ภายในห้องโถงใหญ่ของวังหลวง การจัดงานเต็มไปด้วยความหรูหราและสง่างาม ทุกมุมของห้องถูกตกแต่งอย่างประณีต ดอกไม้สดและโคมไฟทองคำส่องสว่างไปทั่ว เสียงดนตรีที่ไพเราะและการสนทนาของแขกผู้มีเกียรติทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความเคารพ
“ฉินเย่เหวิน ข้าดีใจด้วยจริงๆ ที่ไม่ทันไรเจ้าก็สามารถเลื่อนขั้นได้อีกแล้ว อีกประมาณสัก 10 ปี เจ้าก็จะสามารถขึ้นมาเป็นแม่ทัพได้อย่างไม่ยากเย็นนัก" ฮ่องเต้พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความชื่นชม ทรงยิ้มให้กับฉินเย่เหวินอย่างอบอุ่น ดวงตาของพระองค์สะท้อนถึงความภูมิใจและความพอใจในความสำเร็จของผู้บังคับการทหารหนุ่ม
ทางด้านฉินเย่เหวินเอง โค้งคำนับด้วยความซาบซึ้งใจ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความเคารพและความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม"ขอบพระคุณองค์ฮ่องเต้ ข้าจะไม่หยุดยั้งความพยายามและจะทำงานให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงของพระองค์และแผ่นดิน"
การแสดงออกของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความจริงใจและความภาคภูมิใจในตำแหน่งใหม่ของเขา
"หึ หึ หึ เจ้าอยากขึ้นมาเป็นแม่ทัพหรือไม่? ไม่ต้องเสียเวลารอนานถึงสิบปีเลย"
ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนคนมีความลับ ในขณะที่เสียงของพระองค์เบาและแฝงไปด้วยการล้อเล่น มีเพียงฉินเย่เหวินและบุคคลใกล้ชิดเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดนี้
"ขอบพระคุณองค์ฮ่องเต้ ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ท่านผิดหวัง ข้าพร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟเพียงแต่ท่านออกคำสั่ง"
สีหน้าของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความมุ่งมั่น เขารู้ดีว่านี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่เขาต้องใช้ทุกความสามารถและความภักดีเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อฮ่องเต้ ขณะเดียวกัน บรรยากาศรอบข้างยังคงเต็มไปด้วยความสุขและความคาดหวังในอนาคต ฮ่องเต้ ผู้อื้อฉาวในเรื่องความหื่นกระหายที่ไม่รู้จักพอ ได้แสดงความต้องการอย่างตรงไปตรงมา
พระองค์กล่าวกับฉินเย่เหวินอย่างเปิดเผย
"ฉินเย่เหวิน ข้าต้องสารภาพว่าได้รับความประทับใจอย่างลึกซึ้งจากภรรยาคนรักของท่าน เสน่ห์และความงดงามของนางนั้นมันเป็นภาพติดตาที่ข้าไม่มีวันลืมเลือน ข้าจึงขอให้ท่านมอบนางให้แก่ข้าเพื่อมาเป็นสนมของข้าอีกสักคน"
ฉินเย่เหวินรู้สึกโกรธเคืองฮ่องเต้หวังเจียเหออย่างถึงขีดสุด เมื่อต้องแลกภรรยาของตนเพื่อเลื่อนขั้นตำแหน่งและประหยัดระยะเวลาในการเป็นแม่ทัพ การเรียกร้องให้ยกภรรยาที่เขารักให้กับฮ่องเต้ถือเป็นการเหยียดหยามน้ำใจของเขาอย่างที่สุด"ท่านฮ่องเต้ ท่านเหยียดหยามน้ำใจของข้ามากเกินไปแล้ว สตรีนางนี้เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของข้า ข้าไม่สามารถยกนางให้ท่านได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ"
คำพูดของเขาสะท้อนถึงความเจ็บปวดและความรู้สึกถูกดูหมิ่นอย่างรุนแรง ใบหน้าของฉินเย่เหวินแสดงออกถึงความเครียดและความโกรธที่เขาไม่อาจควบคุมได้ หลังจากนั้นเขาเดินทางออกจากงานเลี้ยงทันที แม้ว่างานนี้จะถูกจัดขึ้นเพื่อเขาเองก็ตาม
การเดินทางออกจากงานเลี้ยงของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความเครียดและความผิดหวัง เขาไม่สามารถทนต่อการเหยียดหยามและการข่มขู่ที่เกิดขึ้นได้
เมื่อกลับถึงจวน เขาพบภรรยาของเขากำลังรออยู่ในห้องนอน ดวงตาของเธอสว่างไสวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า
“ซูเหม่ยฉิง, ฮ่องเต้ชั่วนั่นมันต้องการให้เจ้ามาเป็นสนมของมัน!”
ความโกรธเคืองที่สะสมอยู่ในน้ำเสียงของฉินเย่เหวิน และสีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจและความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ต่อให้ความหวังและความฝันถูกทำลาย แต่เขาก็ยืนหยัดด้วยความภาคภูมิใจ
"ท่านพี่ ท่านพูดจริงๆ เหรอ? ฮ่องเต้สนใจข้าจริงๆ ใช่ไหม? ข้ากำลังจะได้เป็นสนมใช่ไหม?"
น้ำเสียงของซูเหม่ยฉิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่เกรงใจชายผู้อันเป็นที่รัก ความรู้สึกของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากความสงสัยเป็นความตื่นเต้น นางมองเห็นภาพอนาคตที่เต็มไปด้วยชีวิตที่สุขสบายซึ่งกำลังจะมาถึง การได้เป็นสนมหมายความว่า นางจะได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน และเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจและเกียรติยศ
ซูเหม่ยฉิงยิ้มกว้างในขณะที่จินตนาการถึงชีวิตใหม่ที่รอคอยอยู่ข้างหน้า ความคิดถึงการที่ผู้คนจะก้มหัวให้และการได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ทำให้หัวใจของนางเต้นรัว นางเริ่มเห็นภาพตัวเองในฐานะของสนมที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากฮ่องเต้และได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างสูงส่ง
การตอบสนองของเธอกลับทำให้เขาตกตะลึง ดวงตาของเธอแสดงความตื่นเต้นและความต้องการที่จะเป็นสนมของฮ่องเต้ จนเธอสั่นเทาทั้งร่าง
"ไม่จริงใช่ไหม ซูเหม่ยฉิง เจ้าจะทิ้งข้าไปจริงๆ อย่างงั้นเหรอ? พวกเราคบหากันมาตั้งแต่เด็กนะ"
แววตาของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่เชื่อ เขาพยายามกล่าวขอร้องและอ้อนวอนเพื่อไม่ให้นางทิ้งเขาไป ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเขากำลังจะพังทลายเมื่อเห็นคนรักของเขากลายเป็นเฉยชา
"ข้าต้องการชีวิตที่ดีขึ้น ข้าต้องการความสุขที่ไม่ต้องรอจนแก่ตาย กี่ปี กี่ชาติถึงท่านจะได้เป็นแม่ทัพกับเขา? หากท่านรักข้าจากใจจริง ท่านควรที่จะปล่อยข้าไปเถิด ข้าต้องการไปใช้ชีวิตที่สุขสบายยิ่งกว่าเดิม"
คำพูดของซูเหม่ยฉิงเต็มไปด้วยความมั่นใจและการตัดสินใจที่หนักแน่น นางมองไปยังอนาคตที่เปิดกว้างและเต็มไปด้วยโอกาสที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้การตัดสินใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญและไม่สามารถย้อนกลับได้ นางไม่สามารถเห็นคุณค่าของความรักที่มีต่อ
ฉินเย่เหวินเหนือกว่าความสุขและความมั่นคงที่เธอจะได้รับจากการเป็นสนมของฮ่องเต้
เช้าวันต่อมา ฮ่องเต้ส่งรถม้ามารับซูเหม่ยฉิงถึงหน้าจวนอย่างไม่เกรงใจฉินเย่เหวิน ชายผู้อันเป็นสามีของนาง การกระทำนี้สร้างความตึงเครียดและความขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด
ซูเหม่ยฉิงรู้สึกถึงความตื่นเต้นและความคาดหวังในการได้เป็นสนมของฮ่องเต้ นางตั้งใจแน่วแน่ว่าจะใช้ประสบการณ์ที่มีในเรื่องหลับนอนเพื่อดึงดูดและทำให้ฮ่องเต้หลงเสน่ห์นางไปนานๆ นางเห็นโอกาสนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่จะได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายและมีเกียรติ
ในขณะที่ซูเหม่ยฉิงกำลังเตรียมตัวเดินทางออกจากจวน ความรู้สึกของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโกรธ ร่างของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา
"หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ หากเจ้าแย่งผู้หญิงของข้าได้ ข้าก็สามารถแย่งผู้หญิงของเจ้าได้เช่นกัน!"
คำพูดของฉินเย่เหวินสะท้อนถึงความเจ็บปวดและความโกรธที่เขามีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาพูดด้วยความมั่นใจและความตั้งใจที่จะตอบโต้และแก้แค้นความไม่ยุติธรรมที่เขาเผชิญหน้า การกระทำนี้บ่งบอกถึงความเสียใจและความมุ่งมั่นในการปกป้องความรักและเกียรติของตัวเอง