ภายในบ้านสกุลหลี่ นางหลี่และหลินเสี่ยวเหยากำลังจ้องหน้ากันด้วยแววตาที่ไม่มีใครยอมใคร
“หากลูกชายฉันกลับมา เอาแกตายแน่”
“ฉันไม่กลัวค่ะ แม่สามี” หลินเสี่ยวเหยายิ้มเยือกเย็น แววตาของเธอทำให้นางหลี่รู้สึกไม่มั่นคง
“เพราะถ้าแม่ไม่ยอมคืนให้ฉัน ฉันจะไม่ลังเลที่จะบอกคนทั้งหมู่บ้านว่าแม่สามียักยอกสินเดิม และขัดขวางไม่ยอมคืนสินเดิมให้ฉัน”
นางหลี่สะดุ้งเล็กน้อย ความกลัวเริ่มแผ่เข้ามาในใจ เธอรู้ว่าถ้าความจริงถูกเผยแพร่ออกไป เธออาจจะตกเป็นเป้าของคำวิจารณ์จากคนในหมู่บ้าน รวมถึงญาติพี่น้องที่คิดว่าเธอยากจนและหยิบยื่นความช่วยเหลือเรื่อยมาก็อาจผิดใจกันหากรู้ว่าตนเก็บสินเดิมเอาไว้
“เธอ ไม่มีหลักฐาน เธอคิดว่าแค่คำพูดจะทำให้ฉันยอมให้สิ่งที่เธอต้องการง่าย ๆ หรือ”
หลินเสี่ยวเหยายิ้มเยาะ เดินเข้าไปในห้องนอนคับแคบที่เคยเป็นห้องเก็บของ จากนั้นก็เอารายการสินเดิมมากางออกต่อหน้าให้นางหลี่เห็น
เมื่อเห็นรายการสินเดิมที่ถูกร่างรูปภาพและเขียนรายการอย่างละเอียดก็ถึงกับแข้งขาอ่อน ภาวนาให้ลูกชายกลับมาแต่หัววันเพื่อมาจัดการกับลูกสะใภ้
“ฉันแค่จะทวงสิทธิ์ที่ถูกต้องเท่านั้นค่ะ” หลินเสี่ยวเหยากล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“มันไม่มี ฉันใช้หมดแล้ว” นางหลี่โกหกแล้วถอนหายใจออกมา
“ฉันจะเอารายการสินเดิมไปแจ้งกับผู้นำหมู่บ้าน ให้มาค้นที่บ้านนี้” หลินเสี่ยวเหยายังคงยืนจังหันตรง มั่นใจว่าเธอต้องได้สิ่งที่ต้องการ
นางหลี่เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันจากภายนอกและในใจ เธอตระหนักว่าการปฏิเสธต่อไปอาจจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
“ไม่หย่า ฉันจะให้ต้าซานไปยกเลิกคำร้อง เธอไม่ต้องทำงานบ้านแล้ว เราก็อยู่กันไปแบบนี้ ฉันจะให้อาหลี่ดีกับเธอให้มาก ๆ” จางหมิ่นรีบเปลี่ยนท่าทีมาพูดเอาใจ ยอมเสียศักดิ์ศรีดีกว่าสละทรัพย์สินให้อีกฝ่ายไปโดยไม่ได้อะไร
“เสียใจด้วยค่ะแม่ การหย่าสมบูรณ์แล้ว” พูดจบเธอก็ล้วงเล่มทะเบียนหย่าออกมา เล่มหนึ่งของเธอ ส่วนอีกเล่มเธอยื่นให้แม่สามีถือเอาไว้
“จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว” นางหลี่พึมพำเสียงเบา ใจหวิว ๆ เหมือนว่าจะเป็นลม
“เอาเถอะ ฉันจะให้เธอทรัพย์สินบางอย่าง เพื่อให้เธอหยุดเรื่องนี้” นางหลี่ยอมพูดเสียงเบา
“แค่บางอย่างเหรอคะ ฉันต้องการทั้งหมด” หลินเสี่ยวเหยาพูดตรงไปตรงมา
“บ้านสกุลหลี่ดูแลเธอมาสามปี จะเอาไปหมด ไม่ดูน่าเกลียดไปหรือ” นางหลี่พูดด้วยความโมโหกลบเกลื่อนความกังวลที่มี
“เอาอย่างนี้ ฉันจะให้เครื่องประดับและทองคำตามที่เธอต้องการ แต่ที่ดิน ฉัน... ฉันคิดว่าเธอเอาไปก็คงไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ยกให้ต้าซานเถอะ อย่างน้อยก็เป็นสามีภรรยากันมาตั้งสามปี” นางหลี่เริ่มพูดตะกุกตะกัก
“ไม่ค่ะ ถ้าแม่ไม่คืนทั้งหมด ฉันจะต้องหาทางไปฟ้องผู้นำหมู่บ้านและแจ้งให้ทุกคนรู้ คิดดูสิคะว่าจะคืนให้ฉันเงียบ ๆ แล้วแม่เก็บทรัพย์สินของตัวเองที่เหลือต่อไป หรือว่าจะให้เกิดเรื่องแล้วค่อยคืน แต่ถ้าอย่างหลัง หากลุงจางรู้เรื่องเข้า เขาจะยังให้ความช่วยเหลือแม่กับต้าซานอยู่อีกหรือไม่ ก็ลองไตรตรองดูเอาเองเถอะค่ะ” หลินเสี่ยวเหยาพูดเสียงทุ้ม แฝงไปด้วยความเด็ดขาด รอยยิ้มที่เผยอออกมานั้นดูเจ้าเล่ห์และเต็มไปด้วยความจริงจังที่แอบแฝง
นางหลี่คิดอยู่สักพัก เธอตัดสินใจว่าถ้าปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ อาจจะเสียทั้งชื่อเสียงและความเคารพจากคนในหมู่บ้าน รวมถึงความเชื่อใจจากพี่ชายที่คอยช่วยเหลือมาตลอด
“ดี ฉันจะให้เธอทั้งหมด แต่ขอให้เธอหยุดพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ แม่สามี ไม่สิ ป้าหลี่” หลินเสี่ยวเหยายิ้มออกมา เปลี่ยนสรรพนามเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจริต
หลังจากได้รับสินเดิมทั้งหมดกลับคืน เธอก็เก็บเหล่าเครื่องประดับและโฉนดห่อด้วยผ้าแล้วนำใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่สานจากหวาย รวมกับเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้น้อยนิดของเธอ เพื่อออกไปจากสกุลหลี่
หญิงสาวหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ไปตามทางเดิน แม้จะหนักอึ้งแต่เธอก็รู้สึกว่ามันโล่งใจและสบายใจที่ได้ก้าวเท้าออกมาจากบ้านหลังนั้น
ระหว่างทางเธอเจอกับหลี่ต้าซาน เขามองดูเธอถือกระเป๋าอย่างทุลักทุเลก็ชักสีหน้าใส่แล้วเหยียดยิ้มสมเพช
“หนังสือหย่ามาถึงแล้วสินะ ถึงได้โดยแม่ฉันเฉดหัวไล่ออกมาแบบนี้” เขาพูดถากถางพลางยิ้มเยาะอย่างเปิดเผย ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็ถึงกับส่ายหน้าด้วยความระอา และสงสารหญิงสาวเป็นอย่างมาก
“นี่ สะใภ้หลี่ ไม่ใช่สิ เสี่ยวเหยา เธอจะไปไหนหรือ” ภรรยาของผู้นำหมู่บ้านถามขึ้นมา
“ฉันจะกลับหมู่บ้านเจียงอันค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“เรียกเสี่ยวเหยาอะไรกัน เรียกแม่หม้ายหลินสิ ตอนนี้เธอถูกสามีขอหย่าแล้ว ต้องเรียกแม่หม้ายหลิน” หลี่ต้าซานพูดแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
ยุคนี้ไม่มีใครยอมรับเรื่องการหย่า โดยเฉพาะในแถบชนบทถือว่าการหย่าร้างเป็นเรื่องที่น่าอับอาย หญิงหม้ายก็หาสามีใหม่ที่ดี ๆ ได้อยาก
“ช่างเขาเถอะ อย่าไปสนใจเลย ว่าแต่เธอจะไปเจียงอันใช่ไหม พอดีเลย ฉันกับเหล่าเติ้งจะไปทำธุระในเมือง ต้องผ่านทางนั้น ไปด้วยกันสิ” เธอชักชวนแล้วรีบไปช่วยถือกระเป๋า
“ไม่ต้องค่ะ ฉันยกเองได้” หลินเสี่ยวเหยาพูดด้วยความเกรงใจ เดินหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ตามภรรยาผู้นำหมู่บ้านไป รู้สึกว่าวันนี้เธอมีโชคแล้ว เพราะทั้งหมู่บ้านก็มีรถยนต์แค่คันเดียวเท่านั้น
หลี่ต้าซานมองตามอดีตภรรยา ไม่มีแววตาอาวรณ์เลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็เดินกลับบ้านตัวปลิว ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกเช่นเคย
เมื่อกลับไปถึงบ้าน หลี่ต้าซานก็พบว่ามารดากำลังนั่งร้องไห้จมกองน้ำตาอยู่ที่ห้องโถง
“แม่ เกิดอะไรขึ้น” เขาถามมารดาด้วยความตกใจ ไม่ใช่ว่ามารดาควรจะดีใจที่ตัวซวยออกจากบ้านไปแล้วงั้นหรือ
“นังเสี่ยวเหยา นังแพศยานั่น...” นางหลี่พูดเสียงเครือ พลางเอามือทุบโต๊ะด้วยความเจ็บใจ
“หลินเสี่ยวเหยาทำไมหรือครับ เธอทำอะไรแม่”
“มันทวงสินเดิมคืนไปแล้วนะสิ เอาไปทั้งหมดเลย ทั้งเครื่องประดับ ทั้งทอง ทั้งโฉนดที่ดินบ้านเดิมที่เจียงอัน เธอเอาไปหมดแล้ว” นางหลี่พูดแล้วก็ปล่อยโฮด้วยความเสียดาย
“แม่ให้เธอไปทำไม ผมบอกเธอแล้วนี่ว่าเราใช้สินเดิมของเธอหมดไปแล้ว ที่ดินตรงนั้นผมก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าอนาคตจะขายให้เพื่อนของผมที่มาจากปักกิ่ง” เขาโวยวายเสียงดัง
“ไม่รู้ว่าเธอมีรายการสินเดิมได้อย่างไร ขู่แม่ว่าถ้าไม่คืนให้ทางการมาตรวจค้นให้เป็นเรื่องใหญ่ แม่กลัวลุงจางรู้เลยต้องรีบคืนให้เธอไป” นางหลี่ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจ
“โธ่เว้ย! เสียรู้มันจนได้ มันคงวางแผนเตรียมการมาอย่างดี นังสารเลว” หลี่ต้าซานรู้สึกโมโห มานึกได้ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
************************