ตอนที่ 2 คิดแผนการ

1367 Words
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความกดดัน ประโยคที่หลินเสี่ยวเหยาพูดออกมาอย่างท้าทายนั้นทำให้หลี่ต้าซานถึงกับบันดาลโทสะ “ลองพูดอีกทีสิ” เขาพูดเสียงสั่น แววตามองเธอด้วยความโกรธ แสดงให้รู้ว่าหากไม่เชื่อฟังแล้วจะเป็นอย่างไร “หย่าให้ฉัน แล้วคืนสินเดิมมาให้หมด” เธอพูดกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว “ไม่มีวัน” หลี่ต้าซานพูดด้วยโทสะ หากเธอไปใครจะช่วยทำงานบ้านและดูแลมารดา สินเดิมที่ครอบครัวหลินเสี่ยวเหยาทิ้งไว้ให้เธอก่อนตาย เขากับมารดาแอบเก็บเอาไว้ใช้ส่วนตัว จะให้คืนให้เธอนั้น ฝันไปเถอะ! “หึ เธอมันเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน” จางหมิ่นสบถด้วยความไม่พอใจ เก็บซ่อนความกังวลเอาไว้ “ก็ได้ ถ้าเธอไม่อยากออกไปก็ทำงานบ้านเหมือนเดิม แต่อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสบาย” หลี่ต้าซานระงับโทสะลง เมื่อเห็นว่าครั้งนี้ภรรยาไม่ได้ดูหวาดกลัวเขาอย่างทุกครั้ง แววตาของเธอทำให้เขาขนลุกอย่างน่าประหลาด หลินเสี่ยวเหยายิ้มบาง ๆ ไม่ตอบอะไร หยิบชามข้าวต้มขึ้นมาแล้วตักเข้าปากช้า ๆ ‘ใครจะอยู่สบายหรือไม่ เรามาดูกัน’ เธอนั่งก้มหน้าซดข้าวต้มเงียบ ๆ แต่ในใจกลับคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว เธอเพิ่งทะลุมิติมาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จักและไม่มีที่พึ่ง ถ้าออกจากบ้านนี้ไปตอนนี้มีหวังต้องเร่ร่อนอดตายหรือถูกขายเป็นแรงงาน ถ้าจะอยู่ต่อไป ก็ต้องหาทางทำให้ตัวเองมีอิสระและได้สินเดิมกลับคืนมา และสิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้ก็คือการหย่าเท่านั้น แต่การหย่าในยุคนี้ไม่ง่ายเลย ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ขอหย่าเอง เว้นเสียแต่ว่าสามีจะยอมหรือไม่ก็ต้องมีความร้ายแรงจนไม่สามารถยอมรับได้ อย่างเช่นเป็นหมันไม่สามารถมีทายาทสืบสกุล หรือก่อเรื่องใหญ่จนสามีรับไม่ได้และขับไล่ไป แต่ถ้าอย่างนั้นการขอสินเดิมคืนก็ย่อมยาก ‘ถ้าอยากหย่าและไปใช้ชีวิตโดยไม่ลำบาก ฉันต้องทำให้มันเป็นความผิดของพวกเขาเอง’ ขณะที่นั่งล้างชามอยู่ที่หลังครัว ความทรงจำในอดีตก็ทยอยผุดขึ้นมาทีละเรื่อง ภาพเหตุการณ์ของเจ้าของร่างเดิมทำให้เธอรู้สึกเจ็บแค้น ความรู้สึกเหมือนกำลังดูละครสั้นคุณธรรมที่นางเอกโง่แสนโง่ยอมให้แม่สามีและสามีกดขี่อยู่ฝ่ายเดียวจนคนดูหมั่นไส้ แต่หากไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ ความรู้สึกหวาดกลัวในจิตใจของเจ้าของร่างเดิมนั้น เธอซึมซับมันแล้วเจ็บปวดตามไปด้วย “ทำไมไม่ทำอาหารให้ดี ๆ เหมือนแม่บ้านคนอื่น ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ” เสียงของแม่สามีดังในหูหลินเสี่ยวเหยาในวันที่เธอล้มเหลวในการทำอาหาร “แค่ดูแลบ้านให้ดี ๆ ก็ยังทำไม่ได้” เสียงของสามีที่บ่นไม่หยุดในวันนั้น เขาและมารดามักจะบ่นเรื่องอาหารที่เธอทำ บางครั้งก็ลุกออกไปไม่ยอมกินอาหารทั้ง ๆ ที่เป็นยุคข้าวยากหมากแพง แต่เธอกลับล่วงรู้ความลับว่าทั้งสองมักจะมีอาหารดี ๆ ที่ซ่อนไว้กินลับหลังเธอ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยเปิดโปงพวกเขาและก้มหน้าใช้ชีวิตอย่างยากลำบากต่อไป เธอพยายามทำทุกอย่างที่ทั้งสองคนต้องการอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ถูกตำหนิอยู่ดี พวกเขาทำเหมือนกับว่าเธอเป็นแค่สาวใช้ที่ต้องรับการกดขี่จากเจ้านาย ไม่มีใครเห็นความพยายาม ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึก ไม่เคยได้รับการยอมรับจากสามีและแม่สามี แต่ไม่เคยมีใครหันมามองความทุกข์ใจของเธอเลย “ทำไมฉันต้องทนทุกข์แบบนั้น” หลินเสี่ยวเหยาคนเดิมถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ในขณะนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองผ้าในมือที่เคยคิดจะปลิดชีพตัวเองแต่ก็ไม่ได้ทำมันอย่างที่คิด ความทรงจำหยุดเพียงแค่นั้น หลินเสี่ยวเหยาก็วางถ้วยชามที่กำลังล้างในมือลง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและตัดสินใจแล้วว่าจะหย่าจากสามีที่ไร้ประโยชน์คนนี้ให้ได้ อย่างแรกเพื่อคืนความสุขให้แก่หลินเสี่ยวเหยาคนเดิม และอย่างที่สองเพื่อปลดปล่อยตัวเธอเองที่อาศัยอยู่ในร่างนี้ให้เป็นอิสระ “รีบล้างชามแล้วรีบมาล้างเท้าให้ฉัน” เสียงของสามีที่ไร้ค่าดังออกมาจากในห้องนอน ทำให้คนถูกเรียกอยากถือท่อนฟืนในครัวไปทุบหัวสักสามที “เร็วเข้าสิ ลูกสะใภ้คนนี้ จะปล่อยให้ลูกชายฉันเหนื่อยตายหรืออย่างไร” จางหมิ่นร้องเรียกลูกสะใภ้เสียงดัง หลินเสี่ยวเหยาได้แต่ส่ายหน้า นางหลี่ผู้นี้น่ารังเกียจพอ ๆ กับลูกชายของเธอ หลินเสี่ยวเหยานั่งลงแล้วนำอ่างต้มน้ำแล้วนำมาผสมในอ่างไม้เตรียมนำไปให้เขาพร้อมกับแผนการในใจ “กาลกิณี อับโชคจริง ๆ” นางหลี่บ่นขณะที่เดินถือถาดวางถ้วยน้ำแกงตามลูกสะใภ้เข้าไปในห้องนอนของลูกชาย “รีบล้างเท้าให้ฉันแล้วก็นวดให้ด้วย นังตัวซวย วันนี้ฉันเดินขึ้นเขาทั้งวันก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาเลย ลงเขามาหางานทำก็ไม่มีใครจ้าง” เธอเหลือบมองสามีที่ยังนั่งบ่นเรื่องโชคร้ายของตัวเอง และนางหลี่ที่เอาแต่มองเธอเป็นตัวซวย ‘ดี แบบนี้ก็ง่ายหน่อย แค่ทำให้พวกมันอยากไล่ฉันออกไปเอง หึ... เราต้องค่อย ๆ วางแผน แต่ไม่ต้องรีบร้อน’ เธอคิดจะใช้เรื่องที่พวกเขาเห็นเธอเป็นตัวอับโชคมาทำให้สามีเป็นฝ่ายอยากจะหย่า โดยที่ใช้ความกดดันทำให้เขาไม่มีทางเลือก “ต้าซาน นี่คือน้ำแกงโสม ลุงจางของลูกให้คนเอามาส่งให้ บำรุงเยอะ ๆ นะ สกุลหลี่เราต้องลำบากลูกแล้ว” จางหมิ่นบอกแก่ลูกชายแล้วยื่นถ้วยน้ำแกงบำรุงให้ เขารับไปดื่มแล้วส่งถ้วยคืนให้แก่มารดา “แม่ครับผมว่าเราเปิดร้านขายของชำดีไหมครับ ผมจะได้ไม่ต้องออกไปหางานทำ ตกงานมาสามเดือนแล้ว ผมคิดว่าเราควรต้องทำการค้า” เขาเสนอกับมารดา หลินเสี่ยวเหยาวางอ่างน้ำลงขณะที่ยกเท้าเขาวางลงไปในน้ำอุ่น แสร้งทำดีเพื่อที่จะเอาคืนในภายหลัง แล้วแอบยิ้มเยาะกับความคิดที่จะเปิดร้านชำ ปากบอกไม่มีเงินแต่แอบเก็บสินเดิมของเธอไว้ใช้จ่าย แสร้งทำยากจนเพราะกลัวญาติมาหยิบยืม แต่กลับมีความคิดจะเปิดร้านชำที่ใช้เงินทุนจำนวนมาก “แม่เห็นด้วยนะ แต่ทางการเริ่มใช้คูปองแล้ว เราต้องยุ่งยากนะ ไม่สู้ขายอาหารดีกว่าหรือไม่ รับเป็นเงินได้สะดวกกว่า ไม่ต้องยุ่งยาก ลงทุนนิดหน่อยก็เปิดร้านได้แล้ว” จางหมิ่นออกความเห็นที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก และเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย หลินเสี่ยวเหยาเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มบาง ๆ ให้สามี จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง “สามี พรุ่งนี้ฉันจะไปตลาดซื้อเนื้อหมูและแป้งสาลีมาเตรียมเอาไว้นะ” “เธอซื้ออะไรอีก อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายสิ มีอะไรก็กินไปแค่นั้น” เขาถลึงตาใส่ เงินที่มีอยากเก็บไว้ไม่อยากให้สิ้นเปลือง “ฉันไม่ได้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายหรอก แค่อยากลองทำอาหารดูว่าอันไหนพอจะขายได้” หลินเสี่ยวเหยาหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปขอความเห็นจากแม่สามี “ก็ดีนะ นาน ๆ ทีเธอจะเป็นประโยชน์บ้าง” นางหลี่หรี่ตามอง แล้วหันไปยิ้มกับลูกชาย ‘รอดูเถอะว่าสิ่งที่ฉันจะทำต่อไป มันจะเป็นประโยชน์ หรือจะทำให้ปวดหัวกันแน่’ ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD