ตอนที่ 2 Hill Tribe Tea
หลังจากผ่านมื้ออาหารอันหนักท้อง สองสาวก็ได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำเตรียมนอน พะแพงนั่งอยู่บนเตียงด้วยชุดนอนสบาย ๆ พร้อมกับเลื่อนมือไถฟีดแอปพลิเคชันในมือถืออย่างขะมักเขม้น ราวกับว่ามันมีเรื่องให้เธอต้องทำเยอะแยะ
ทางด้านเพียงพอเองก็นั่งอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้าม มือเล็กกำลังเช็ดผมเปียก ๆ อยู่เพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบไดร์ร้อนขึ้นมาเตรียมไดร์ผม
“เพียงพอ.. แพงว่าเรามีอะไรเหมือนกันนะ”
“อะไรเหรอ”
เพียงพอถามออกมาเสียงเรียบพลางขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะกดเปิดไดร์เบา ๆ โชคดีที่ของที่เธอใช้นั้นค่อนข้างแพงเอาเรื่อง ทำให้เสียงของมันเบามากจนแทบไม่ส่งเสียงรบกวนอะไรนัก
“เรื่องชาไง แพงชอบชาเขียวมาก ๆ เลยนะ แล้วก็ไม่คิดว่าจะเจอใครที่ชอบเหมือนกันแบบนี้”
เพียงพอเหลือบมองหญิงสาวก่อนจะอมยิ้มเล็ก ๆ แล้วตอบเสียงเบา
“ฉันชอบนะ แต่ก็ไม่ถึงกับคลั่งไคล้”
พะแพงหันมามองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมานั่งข้าง ๆ
“งั้น.. อีกตั้งสามวันกว่ามหาลัยจะเปิดเทอม เราไปเดินเล่นที่ไร่ชาจริง ๆ กันไหม”
เพียงพอหยุดคิดแวบหนึ่งด้วยสีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมามากนัก แม้ว่าจะรู้จักกันเพียงไม่ถึงวัน แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ดูไม่มีพิษมีภัยเท่าไหร่ เมื่อเพียงพอปรายตามองพะแพงที่เอาแต่เลื่อนฟีดหาไร่ชาแล้วได้แต่พยักหน้า
“อืม.. ไปสิ”
“ดี! งั้นเราจะไปสำรวจทุกมุมของไร่ชาให้เต็มที่กันไปเลย!”
“ฉันไม่เคยเจอใครที่ตื่นเต้นเวลาพูดถึงเรื่องชาเหมือนเธอมาก่อนเลยจริง ๆ นะ”
"อิอิ"
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่น เมื่อพะแพงมองที่หน้าจอก็เห็นว่าเป็นเวลาเกือบตี5แล้ว ทำให้ทั้งคู่ต้องรีบตื่นขึ้นมาก่อนจะรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งสองสวมเสื้อผ้าสบาย ๆ เสื้อเชิ้ตกางเกงยีน พร้อมหมวกกันแดดและรองเท้าผ้าใบอย่างเรียบร้อย
พะแพงที่แต่งตัวเสร็จก่อนรีบหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโซเชียลแล้วค้นหาไร่ชาที่ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุดอย่างเร่งรีบ แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะนอนส่องไร่ชาจนดึกดื่น แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ถูกใจสักเท่าไหร่
“แพงดูหลายไร่มากแล้ว แต่ยังไม่ถูกใจเลย มีแนะนำไหม”
พะแพงบ่นไปพลางเลื่อนหน้าจอด้วยท่าทางรน ๆ เพราะทั้งเธอและเพียงพอนั้นตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวเตรียมพร้อม แต่กลับยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนกันดี ก่อนที่เพียงพอนั้นจะยิ้มออกมาแห้ง ๆ แล้วเปิดมือถือตัวเองช่วยหา ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยื่นมือถือมาให้
“ลองดูที่นี่ไหม”
ทันทีที่พะแพงเห็นภาพบนเว็บไซต์ เธอก็เบิกตาโตอย่างตื่นเต้น ก่อนจะเลื่อนอ่านเนื้อหาที่ทางเพจลงรายละเอียดไว้คร่าว ๆ
“ว้าว! สวยจัง! Hill Tribe Tea! ไร่ชาขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ภูเขาถึงสามลูก มีโฮมสเตย์ด้วย แถมยังมีคอร์สเดินชมไร่ เก็บชา และชมโรงงานผลิตชาที่ส่งออกต่างประเทศด้วย!”
พะแพงพูดพลางชี้นิ้วจิ้ม ๆ ภาพบนหน้าจอด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะกดดูพิกัดก็เห็นว่าห่างจากที่นี่มากอยู่ แต่ก็ดูน่าจะไม่เกินความพยายามของเธอทั้งสองคนสักเท่าไหร่
“เราไปที่นี่กันเถอะ ถึงจะห่างจากนี่เกือบ 60 กิโลเมตรก็เถอะนะ แต่ฉันอยากไปมากเลย!”
“ได้! งั้นไป Hill Tribe Tea กัน”
“งั้นแพงเรียกรถเลยนะ”
ทันทีที่พูดจบหญิงสาวก็กดเข้าแอปพลิเคชันเตรียมที่จะเรียกรถแบบที่เธอเคยทำตอนอยู่กรุงเทพบ่อย ๆ มือเล็กเริ่มปักหมุดสถานที่เตรียมกดยืนยัน แต่ก็เป็นเพียงพอที่เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าพะแพงอยากสัมผัสบรรยากาศแบบเต็ม ๆ เราลองแว๊นมอเตอร์ไซค์ไปกันไหม ถึงช้าหน่อยแต่ก็น่าจะสนุกดีนะ”
ทันทีที่พะแพงได้ยินแบบนั้นก็หยุดมือนิ่ง ๆ ก่อนจะทำหน้ากังวล ไม่ใช่ว่าเธอนั้นไม่เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน แต่สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยไปแบบนี้ สำหรับผู้หญิงสองคนแล้วก็ค่อนข้างอันตรายไม่น้อย
“แต่มันอันตรายไม่ใช่เหรอ อีกอย่างแพงขี่มอเตอร์ไซต์ไม่เป็นนะ”
แต่นอกจากเพียงพอจะไม่ได้สนใจอะไรแล้ว เธอยังเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเงินแล้วหยิบใบขับขี่ออกมายื่นให้พะแพงได้ดูด้วยท่าทางภูมิใจอีกด้วย
“ฉันขี่ได้เธอไม่ต้องห่วง แค่หกสิบเจ็ดสิบกิโลเองไม่ใช่เหรอ ไกลกว่านี้ฉันก็ขี่มาแล้วน่า สบายมาก!”
“งั้น.. ฝากด้วยนะ”
ในที่สุด! ทั้งสองก็ตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์จากร้านเช่ารถหน้ามหาลัย ทั้งคู่เลือกรถที่คันใหญ่และเร็วหน่อย จนเมื่อได้คันที่ถูกใจก็เตรียมพร้อมที่จะเดินทางทันที
เสียงเครื่องยนต์ครืดคราดดังขึ้นท่ามกลางลมเย็นของแนวเขา พวกเธอขี่ผ่านถนนเส้นทางตัดผ่านภูเขาที่คดเคี้ยว พร้อมกับสูดอากาศสดชื่นกันมาตลอดทาง
เกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป จากเส้นทางในเมืองที่มีแต่สิ่งก่อสร้าง ก็เริ่มเหลือเพียงถนนที่ตัดผ่านกลางทิวเขา รถที่เคยขับสวนกันไปมา เหลือเพียงแค่มอเตอร์ไซต์คันใหญ่ของทั้งสองที่แทบจะเรียกว่ากำลังครอบครองถนนทั้งเส้น จนเมื่อขี่ไปเรื่อย ๆ จากถนนที่เดิมทีสองข้างทางมีแต่ต้นไม้และภูเขา ก็เริ่มเปิดออกเป็นวิวกว้าง ยิ่งพอรถมอเตอร์ไซต์ของพวกเธอแล่นไปเข้าเขตไร่ชา ภาพที่เห็นไกล ๆ ตรงหน้าทำเอาพะแพงนั้นแทบกรี๊ดด้วยความตื่นเต้น
Hill Tribe Tea ไร่ชาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา สีเขียวของต้นชาที่ปกคลุมภูเขาทั้งสามลูกเป็นขั้นบันไดสีเขียวสด ใบเขียวเรียงตัวเป็นระเบียบ แม้จะมองไกล ๆ ก็ยังเห็นว่าทางเดินระหว่างแถวชานั้นดูเรียบร้อยสะอาดตา ทำให้มองเห็นภูมิทัศน์ของจริงเต็มสองตาไม่ใช่แค่เห็นในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
พะแพงมองแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องกระทบหยดน้ำค้างเป็นประกายราวกับเพชร ยิ่งขี่เข้าไปใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นชาอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศที่ค่อนข้างเย็น ทำให้หัวใจของสองสาวนั้นเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย
หญิงสาวตัดสินใจล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกง หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอไปตลอดทางราวกับว่าตอนนี้เธอเป็นบล็อกเกอร์สาวสายท่องเที่ยว ก่อนจะหันไปพูดกับเพียงพอที่กำลังขับรถอยู่
“เพียงพอเห็นไหม นี่แค่ทางเข้านะ สวยมาก!”
“อื้อ!”
มือเล็กที่สวมถุงมือหนังสีดำยังคงบิดแฮนด์มอเตอร์ไซค์ตรงเข้าไปตามถนน ซึ่งเป็นทางเข้าที่ตรงไปยังโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา
ทั้งสองสาวพูดคุยกันด้วยความครึกครื้นพร้อมทั้งถ่ายวิดีโอไว้เป็นความทรงจำ มองดูบ้านไม้ตากอากาศที่เหมือนจะเรียบง่ายแต่กลับดูสะอาดสะอ้าน พร้อมทั้งมีระเบียงที่เอาไว้ชมวิวภูเขา ไร่ชา ได้อย่าง 360 องศา
ทันทีที่ทั้งสองนั้นมาถึงจุดจอดรถ ทั้งคู่ก็รีบลงมายืนรับลมที่พัดตลอดเวลาเป็นระลอก พลางสูดอากาศและกลิ่นใบชาอ่อน ๆ นั้นลึก ๆ
“ไร่ชาของจริงมันหอมแบบนี้นี่เอง”
“งั้นเราเข้าไปจองห้องพักกันก่อนเถอะ”
“อื้อ แพงนี่อยากจะอยู่ที่นี่สัก365วัน”
“งั้นแพงคงต้องมีแฟนเจ้าของละแหละ”
เพียงพอพูดขึ้นมาก่อนจะหัวเราะขำ ๆ แต่พะแพงกลับทำหน้าเขินบิดไปบิดมาแล้วหันไปมองเพื่อน
“ถ้าหล่อแล้วไม่มีเมียก็ไม่ติดนะเพียงพอ งื้อ!!”
“ยัยบ้า!”
หลังจากนั้นทั้งสองสาวก็เดินตรงเข้าไปที่โซนต้อนรับ ที่หอมกลิ่นชาอ่อน ๆ จากเครื่องอบโชยคลุ้ง ทำให้บรรยากาศที่นี่อบอวลไปด้วยความผ่อนคลาย พะแพงกวาดสายตามองที่นี่รอบ ๆ ราวกับอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศให้มากที่สุด ก่อนที่ดวงตาของเธอนั้นจะเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อมองไปที่เคาน์เตอร์
“อุ๊ย!!”
เธอเผลอร้องอุทานออกมาอย่างลืมตัว จนเพียงพอที่ยืนข้าง ๆ และชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตานั้นหันมามองเธอเล็กน้อย
“อะไรพะแพง”
“หล่อจัง”
“ยัยนี่!!”