คู่แข่ง

2868 Words
๖  คู่แข่ง ช่วงพักเที่ยง ลลิตาออกมารับประทานอาหารกลางวันพร้อมเพื่อนร่วมงาน หญิงสาวกำลังจ่ายเงิน แต่รุ่นพี่ที่ทำงานกลับชิงจ่ายให้เสียก่อน “มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง” ชาญยิ้มให้หญิงสาว ทำให้เพื่อนอีกสองคนส่งเสียงแซว  “แหม อยู่กันตั้งสามแต่เลี้ยงคนเดียว แบบนี้เขาเรียกว่าเลือกปฏิบัตินะพี่”  ชาญหัวเราะ แต่สายตากลับหลุบมองสาวสวยข้างกายอย่างมีนัย ทำเอาลลิตาหน้าแดง ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ “ขอบคุณค่ะ แต่คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ หนูเกรงใจ” ชาญมองแก้มนวลที่เป็นสีชมพูอ่อนๆ ด้วยหัวใจเบิกบาน เขาถูกตาต้องใจสาวน้อยคนนี้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นพนักงานของบริษัทตั้งแต่วันแรก และแอบมองมาโดยตลอด จากนั้นจึงพาตัวเองเข้ามาทำความรู้สึก จนเริ่มสนิทสนมกันระดับหนึ่ง “เล็กน้อยเอง ลูกตาลกินเยอะๆ นะ พี่ว่าหนูยังอ้วนได้อีก” ชาญกล่าวกับสาวสวย ใบหน้าขาวๆ ดวงตาเรียวเล็กภายใต้กรอบแว่นสีทองฉายยิ้มชื่น... “อันที่จริงหนูกินเยอะ แต่มันไม่อ้วนเองค่ะ” ลลิตากล่าวตามจริง คงเป็นโชคดีของหล่อน เพราะกินเท่าไรก็ไม่อ้วน ระหว่างนั้นคนทั้งสี่เดินไปที่โต๊ะว่าง โดยมีสายตาของเพื่อนพนักงานอีกโต๊ะมองตามก่อนกระซิบกระซาบ “จอย แกดูสิ พี่ชาญท่าจะไปหลียัยเด็กใหม่นะ”  สาวสวยนามว่าจอยหน้าบึ้งจัด ดวงตาคมในกรอบดวงตาเรียวมองลลิตาด้วยไม่พอใจ และมองชาญด้วยความรู้สึกตัดพ้อ “แกอย่าไปยอมนะ ทำแบบนี้ได้ยังไง” เพื่อนอีกคนกระซิบข้างหู จอยทั้งอับอายและเสียหน้า เพราะต่างรู้กันว่าก่อนหน้านี้เขาและหล่อนเคยไปไหนมาไหนด้วยกันระยะหนึ่ง กระทั่งลลิตาเข้ามาทำงานที่นี่ ชาญก็เริ่มตีตัวออกห่าง ที่สำคัญไม่มีใครรู้ว่าทั้งหล่อนและเขา ได้เสียกันแล้ว... ลลิตานั่งรับประทานอาหารด้วยความไม่สบายใจนัก เพราะรู้ตัวว่าถูกจับตามองจากจอยและเพื่อน กระทั่งรับประทานอาหารเรียบร้อย จึงแยกตัวออกมาจากชาญ  “ลูกตาล เธอต้องระวังตัวเอาไว้หน่อยนะ ยัยจอยมองเธอเหมือนจะกินแน่ะ” ลินดาเปรยขณะล้างมือที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำหญิง แวววรรณก้าวออกมาจากห้องน้ำเสริมทันที “จริงลูกตาล อีกอย่างอีตาพี่ชาญนี่ก็รู้ตัวว่าเป็นคนหล่อ คิดจะจีบทิ้งจีบขว้างแบบนี้ใช้ไม่ได้ เธอต้องระวังตัวเอาไว้นะ ห้ามหลงคารมเขาเด็ดขาด ไม่งั้นน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ ดีไม่ดีถูกพวกยัยจอยเล่นงานอีก” ลลิตาถอนหายใจยาว ทุกวันนี้หล่อนตั้งใจทำงานเพื่อเก็บเงิน จึงไม่เคยคิดถึงผู้ชายคนไหนมากกว่าเพื่อนร่วมงานและคนรู้จัก แม้ว่าชาญจะมีหน้าที่การงานดีและเป็นผู้ชายที่ดูดี แต่ก็ยังเป็นอีกคนซึ่งอยู่ในข่ายที่ยังไม่เข้าตาหล่อน ยกเว้น... มือเรียวปิดก๊อกน้ำ หัวใจไหววูบยามนึกถึงใบหน้าคมคาย เจ้าของผิวสีเข้มเพราะงานกลางแจ้ง ก่อนจะหมุนตัวเตรียมออกจากห้องน้ำ แต่ต้องชะงักเมื่อจอยและเพื่อนก้าวเข้ามาพอดี สองสาวสบตากันนิ่ง ดวงตาของจอยวาววับ มองลลิตาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำให้หญิงสาวหน้าร้อนด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเม้มปากแน่น แต่เพราะไม่อยากมีปัญหากับใครจึงทำให้ต้องหลบสายตาอีกฝ่ายแล้วก้าวผ่านหน้า แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นห้อง เสียงแข็งๆ ของจอยก็ดังขึ้น “อย่ายุ่งกับเขา ถ้าไม่อยากเดือดร้อน!” ลลิตาและเพื่อนต่างชะงัก ก่อนจะรีบพากันออกจากห้องน้ำเพราะไม่มีใครอยากมีเรื่อง เมื่อพ้นออกมาได้ลินดาจึงเอ่ยขึ้น “เห็นไหม ยังไม่ทันไรก็เริ่มแล้ว”  “ใช่ อย่างว่าแหละ ของรักของหวงน่ะนะ ฉันว่าเธออย่าอยู่ใกล้พี่ชาญมากนักนะลูกตาล ไม่งั้นเดือดร้อนแน่ ยัยนี่ไม่ธรรมดานะ เห็นเงียบๆ แต่ร้ายไม่เบา” แวววรรณเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “ขอบใจวรรณกับดามาก แต่เราไม่ได้สนใจพี่ชาญเลยจริงๆ ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งไม่อยากยุ่งด้วย”  แวววรรณและลินดาพยักหน้าเห็นด้วย “ดีแล้ว อยู่ห่างเอาไว้ดีกว่า”  หลังจากนั้นทั้งสามแยกย้ายไปทำงานของตนเอง แต่ลลิตายังถูกจอยที่ทำงานแผนกเดียวกันมองอยู่เป็นระยะ หญิงสาวไม่คิดสนใจ นอกจากตั้งใจทำงานให้เสร็จ จนเกือบเลิกงาน ชาญก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มเช่นเคย “จะเลิกงานแล้ว วันนี้ให้พี่ไปส่งลูกตาลที่บ้านนะ” ลลิตาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร แล้วเหลือบตามองไปยังโต๊ะของจอยโดยอัตโนมัติ จึงเห็นว่าฝ่ายนั้นก็กำลังจ้องมองมานัยน์ตาเขียวปัดเช่นเดียวกัน ก่อนเบนสายตากลับมายังคนตรงหน้าแล้วยิ้มให้เขา “ขอบคุณค่ะ แต่ที่พักหนูอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน อีกอย่างหนูก็นัดดากับวรรณเอาไว้แล้วว่าจะไปซื้อของด้วยกันค่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้ชาญมีสีหน้าผิดหวัง “ว้า เสียดายจัง ว่าแต่จะไปซื้อของกันที่ไหนหรือครับ” เขายังคงเซ้าซี้ ทำให้ลลิตายิ่งอึดอัด รู้สึกลำบากใจมากขึ้นทุกนาที แต่เหมือนฟ้าจะเห็นใจจึงส่งลินดาให้มาตอบคำถามแทนหล่อน “ก็ที่ห้างนี่แหละค่ะ พอดีพวกเรานัดไปซื้อของที่เกี่ยวกับผู้หญิงโดยเฉพาะน่ะค่ะ” ชาญเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหันมาสบตาสาวสวยที่เขาหมายปองเอาไว้ครู่หนึ่ง แววตาเขามีความรู้เท่าทัน แต่ชายเจ้าชู้อย่างชาญรู้ดีว่าเวลาไหนควรถอย และเวลาไหนควรรุก... “โอเค งั้นพี่ไม่กวนแล้ว ไว้พรุ่งนี้เจอกันครับ” เขายิ้มอบอุ่นให้กับลลิตาอีกครั้งแล้วเดินจากไป ทำให้หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่ลินดากระซิบบอก “ยัยจอยมองเธอตาเขียวเลย” ลลิตาอมยิ้ม ไม่อยากสนใจคนที่ถูกเอ่ยถึงสักนิด “อย่างเขา เราไม่สนใจหรอก” “ว่าแต่วันนี้จะไปซื้อของกันไหม อีตาชาญยิ่งหูตาเป็นสับปะรด” ลลิตาหัวเราะเบาๆ หล่อนทำให้เพื่อนต้องลำบากไปด้วย “ไม่เป็นไร ดากลับบ้านเถอะ ดีเสียอีก พี่ชาญจะได้รู้ว่าเราไม่อยากให้เขามายุ่งด้วย” ลินดาเลิกคิ้ว พลางเคาะปลายนิ้วกับโต๊ะทำงานของลลิตา “เอางี้แน่นะ” “อืม เอางี้แหละ” ลลิตาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เพื่อน ฝ่ายนั้นจึงตกลงก่อนแยกย้ายกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง ไม่นานนักก็หมดเวลาทำงาน หญิงสาวเก็บของบนโต๊ะจนเรียบร้อย แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนสวมทับด้วยกระโปรงสีน้ำตาลเข้มทรงสอบยาวคลุมเข่าพอดี เสริมให้ร่างบางยิ่งดูบอบบางน่าถนอมมากขึ้น โดยเฉพาะดวงหน้าเรียวรูปไข่ในกรอบผมยาวกลางหลัง ที่ลลิตารวบเอาไว้ครึ่งศีรษะ ปล่อยที่เหลือสยายเต็มแผ่นหลัง ทำให้ใบหน้างามยิ่งดูหวานซึ้ง สะดุดตาใครต่อใครให้มองตาม  หญิงสาวก้าวออกจากบริษัท แล้วก้าวไปตามทาง ฟุตปาธ กำลังพ้นตัวอาคาร ทว่ากลับถูกเรียกเอาไว้จากคนที่เดินตามมา “เดี๋ยว ลูกตาล!”  ลลิตาหันไปตามเสียง แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นหน้าคนเรียกเต็มตา “พี่จอย” จอยสบตาเจ้าของร่างบอบบางตรงหน้า “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ลลิตากวาดตามองไปรอบๆ เมื่อไม่มีใครตามอีกฝ่ายมา จึงพยักหน้าเบาๆ  “ที่ร้านกาแฟได้ไหม” หญิงสาวเอ่ยถาม ฝ่ายนั้นหันไปมองที่คอฟฟี่ชอปใต้อาคาร เมื่อไม่มีใครจึงพยักหน้าตอบรับ “ก็ได้” ว่าแล้วสองสาวก็ก้าวตามกันเข้าไปด้านใน ครู่ต่อมาลลิตาก็นั่งมองจอยอยู่ในร้านกาแฟ  “พี่จอยมีอะไรจะคุยกับหนู” จอยกวาดตามองคนตรงหน้าแวบหนึ่ง ยอมรับว่าลลิตาเป็นผู้หญิงสาวที่สวยสะดุดตา ดวงหน้าของหล่อนมีเครื่องหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา มองไม่เบื่อ ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังมองว่าสวย แล้วจะรอดพ้นสายตาจากผู้ชายอย่างชาญไปได้อย่างไร “เธอคงรู้เรื่องของฉันกับพี่ชาญมาบ้างใช่ไหม” คำถามของอีกฝ่ายทำให้ลลิตาถอนหายใจ  “รู้ค่ะ และอยากบอกว่าหนูไม่เคยคิดจะแย่งพี่ชาญมาจากพี่เลย หนูไม่ได้คิดกับเขามากไปกว่าเพื่อนร่วมงาน” จอยแสยะยิ้ม มองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อถือ ชาญเป็นชายหนุ่มที่ค่อนข้างพรั่งพร้อมไปเกือบทุกอย่าง เขาหน้าตาดี การงานดี เงินเดือนสูง มีหรือผู้หญิงตรงหน้าจะไม่สน นอกจากจะมีคนรักที่หล่อกว่าและรวยกว่าอยู่แล้ว ซึ่งหล่อนก็ยังไม่เคยเห็นว่าลลิตาจะมีทั้งสองอย่าง จึงไม่คิดจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่คิดจับชาญ “เธอรู้อะไรไหม” ลลิตานิ่วหน้า มองอีกฝ่ายอย่างกังขา “คะ?” “ฉันไม่เชื่อที่เธอพูดสักนิด”  คำตอบของจอยทำให้ลลิตาสูดลมหายใจและค้างนิ่งอยู่หลายวินาที ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย  “ถ้าอย่างนั้นหนูก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกันค่ะ เพราะถึงพูดไปพี่ก็ไม่เชื่อ หนูขอตัวกลับก่อนเลยแล้วกันนะคะ” ร่างบางผุดลุกทันทีที่พูดจบ รู้สึกว่าเสียเวลากับการต้องมานั่งฟังอีกฝ่ายบอกว่าไม่เชื่อ  “ฉันไม่สนใจว่าเธอจะคิดยังไง หรือพูดอะไร แต่ที่อยากบอกก็คือ ถ้าเธอยังอยากมีใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไปนานๆ อยู่ห่างๆ พี่ชาญเอาไว้ เพราะเขาเป็นผัวฉัน!!” พูดจบ จอยก็สะบัดหน้าแล้วลุกออกไปจากร้าน  คอฟฟี่ชอปแห่งนั้น ทิ้งให้ลลิตายืนมองอยู่เกือบสิบวินาที ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วก้าวตามออกไปอีกคน “บ้าชะมัด” หญิงสาวเดินออกมาจากตัวอาคารอย่างหัวเสีย ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ ดูเอาเถอะ หล่อนไม่เคยไปยุ่งกับใครเลย แต่เรื่องก็เดินมาหาหล่อนเสียอย่างนั้น ขณะที่ลลิตากำลังเดินกลับที่พัก เสียงแตรถก็ดังขึ้นสองครั้ง ทำให้หญิงสาวต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องชะลอฝีเท้าและหยุดลงในที่สุดเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของรถ “ขึ้นรถสิลูกตาล”  รอยยิ้มของคนที่โผล่หน้าออกมาจากรถทำให้ลลิตารู้สึกอุ่นใจเป็นครั้งแรก และเลือกที่จะก้าวขึ้นไปนั่งเคียงคนขับในขณะที่ปฏิเสธคนอื่นๆ  ใบหน้าคมคายของเรืองฤทธิ์เจือยิ้มขณะขับรถไปตามทาง ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งกอดกระเป๋าสะพายเอาไว้แล้วบอก “แม่ล่ะ ไม่ได้กลับพร้อมกันเหรอ”  “แม่ยังไม่เลิกงานค่ะ” หันไปตอบเขา ก่อนจะมองไปยังถนนเบื้องหน้าอีกครั้ง ขณะที่เรืองฤทธิ์ยังคงยิ้ม  “งั้นแวะกินข้าวกันก่อนนะ เดี๋ยวพาไปส่งที่ห้อง”  ลลิตาไม่ได้ปฏิเสธ เพราะต่อให้ปฏิเสธเรืองฤทธิ์ก็คงจะพาหล่อนไปจนได้ กระทั่งทั้งสองเข้ามาอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวลอบมองชายหนุ่มเงียบๆ วันนี้เรืองฤทธิ์สวมเสื้อลายสก๊อตสีน้ำเงิน พับแขนเสื้อขึ้นมาเล็กน้อย สวมทับด้วยกางเกงยีนสีเข้ม รองเท้าผ้าใบ ใบหน้าของเขาดูแจ่มใส แถมยังตัดผมใหม่ โกนหนวดเคราเรียบร้อย ที่สำคัญหล่อนได้กลิ่นหอมออกมาจากตัวเขาจางๆ อาจเป็นกลิ่นสบู่หรือน้ำหอมแบบผู้ชาย แต่ไม่ฉุนจัดเหมือนที่เคยได้กลิ่นจากหนุ่มออฟฟิศบางคน กลิ่นของเขาทำให้หล่อนสูดดมอย่างเผลอไผล รู้ตัวอีกทีก็เมื่อเขาเอ่ยถามออกมาว่า “กินอะไรดีลูกตาล” เจ้าของดวงตาสีเข้มจับตามองดวงหน้าอ่อนหวานด้วยสายตาเป็นคำถาม แต่อีกนัยหนึ่งมีแววพอใจ เขามองหล่อน กวาดตามองไปทั่ว ลลิตาวันนี้ กับลลิตาในวันวาน แตกต่างกันมากพอดู เมื่อก่อน หล่อนเป็นเพียงเด็กกะโปโล ร่างกายผอมเก้งก้าง แต่ในวันนี้ ลลิตาคือสาวสวย รูปร่างหน้าตาของหล่อนเป็นที่ปรารถนาของผู้ชายทุกคนที่พบเห็น เขามั่นใจ เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยไม่มีข้อยกเว้น...  ครู่ต่อมาทั้งเรืองฤทธิ์และลลิตาก็ได้อาหารคนละอย่างนั่นคือสเต๊กปลาและเนื้อ เครื่องดื่มของหญิงสาวคือน้ำมะนาว ส่วนของชายหนุ่มคือเบียร์เย็นๆ หนึ่งแก้ว  “งานเป็นไงบ้าง เพื่อนร่วมงานดีไหม” หญิงสาวสบตาคนถามแล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่บอกอะไรกับเขา  “ก็ดีค่ะ เพื่อนร่วมงานดี งานก็ไม่หนักมากค่ะ” หญิงสาวตอบ พลางอ้าปากรวบเนื้อปลาที่ปลายส้อมเข้าปากช้าๆ ภาพริมฝีปากจิ้มลิ้มสีอ่อนที่กำลังรวบเนื้อปลาเข้าไปนั้นทำให้คนมองถึงกับลืมกลืน เขานิ่งงันไปเกือบห้าวินาทีก่อนจะกระแหร่มเบาๆ แล้วเสยกเบียร์ขึ้นจิบโดยที่ลลิตาไม่รู้ว่าการกระทำของหล่อนก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้นกับคนตรงหน้าเลยสักนิด ชายหนุ่มวางแก้วเบียร์ลง ก่อนจะบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ ทั้งที่ในใจนึกหงุดหงิด ทั้งที่หล่อนอยู่เฉยๆ เขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาได้  “ก็ดีนะ เจองานดี เพื่อนร่วมงานดีก็ถือว่าโชคดี” ทว่าลลิตาไม่คิดเช่นนั้น เพราะรู้ตัวว่ากำลังเจอกับอะไร ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยสัพเพเหระอยู่นั้น ชาญเข้ามาในร้านอาหารพร้อมเพื่อน เขาสะดุดตาเข้ากับลลิตาทันที แต่ที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจคือหล่อนมากับผู้ชายที่เขาไม่เคยเห็นหน้าแทนที่จะไปซื้อของกับเพื่อนตามที่บอก แสดงว่าหล่อนโกหกอย่างนั้นล่ะสิ “น้องลูกตาล” หญิงสาวหันขวับไปตามเสียง แล้วใจกระตุกเมื่อสบตาที่มองมายังหล่อนอย่างจับผิด หญิงสาวหน้าร้อนวูบด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายมองหล่อนด้วยสายตาคล้ายจะตำหนิ  “ไม่คิดว่าจะเจอลูกตาลที่นี่ ไหนบอกว่าจะไปซื้อของกับเพื่อนยังไงล่ะครับ” ชาญเอ่ยถาม ไม่ลืมปรายตามองชายหนุ่มรูปหล่อผิวเข้มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหญิงสาว พร้อมกับคิดหาสาเหตุที่ทำให้ลลิตาปฏิเสธก็คงอาจจะเป็นเพราะไอ้หนุ่มตรงหน้านี้แน่นอน “เอ่อ พอดีซื้อเสร็จแล้วน่ะค่ะ” เรืองฤทธิ์ดูออกว่ากำลังเกิดอะไรกับหญิงสาว เขามองแวบเดียวก็รู้ว่าผู้ชายหุ่นสำอางตรงหน้ามีใจให้ลลิตา และพยายามตามจีบหล่อน ทว่าสาวน้อยของเขาไม่ได้มีใจตอบจึงหาทางปฏิเสธนั่นเอง ชายหนุ่มคิดอย่างพอใจ ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายพลางบอก “ใช่ครับ ลูกตาลซื้อเสร็จแล้ว ก็เลยมากินข้าวกับผมที่นี่ คุณคงเป็นเพื่อนร่วมงานของลูกตาลใช่ไหมครับ”  ลลิตาเพิ่งนึกได้จึงรีบแนะนำให้ชายทั้งสองรู้จักกัน “เอ่อ คุณฤทธิ์นี่พี่ชาญ เป็นเพื่อนร่วมงานของฉันค่ะ” ผู้ชายสองคนพยักหน้าให้กัน ต่างรับรู้เมื่อยามสบตาว่าคิดเช่นไรกับสาวสวย สำหรับเรืองฤทธิ์ เมื่อเขารู้ใจตัวเอง ก็ไม่เคยคิดถอยอีกเลย ขณะที่ชาญก็ไม่ต่างกัน ตราบใดที่เขายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เขาก็ไม่คิดจะถอยเช่นกัน “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ พี่ขอตัวก่อน ไว้เจอกันที่ทำงาน ไปก่อนนะครับคุณฤทธิ์” ชาญยิ้มให้คนทั้งสอง แล้วหันหลังพร้อมเดินจากไป ขณะที่เรืองฤทธิ์มองฝ่ายนั้นไปจนลับสายตาก่อนจะหันมามองคนตรงหน้าพร้อมคำถาม “มีอะไรให้ช่วยไหม”  หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เพราะแววตาที่มองมาของเรืองฤทธิ์บอกชัดเจนว่าเขารู้ว่าหล่อนกำลังเจอกับปัญหาบางอย่างเข้าให้แล้ว เช่นเดียวกันกับชายหนุ่ม เขาเองก็กำลังเจอ ไม่ใช่ปัญหา ทว่าคือคู่แข่งซึ่งเขาไม่กลัว แต่ความใกล้ชิดของลลิตาและชาญซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน ทำให้เขาเสียเปรียบและจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD