ตอนที่ 2

1008 Words
“ผม... เอ่อ... ” นายอัศวินกลืนน้ำลายแห้งผากลงลำคออย่างฝืดฝืน ความจุกแน่นแล่นร้าวอยู่ในอก “เร็ว... จะเอายังไงก็ว่ามา ฉันไม่มีเวลารอนาน... แต่ถ้าคิดว่ามันไม่คุ้มกับการให้ลูกสาวนายมาอยู่กับฉันหนึ่งเดือนแล้วได้บ้านพร้อมที่ดินคืนไปก็ไม่เป็นไร... ฉันจะคิดว่าเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้” คาร์สันเริ่มบีบคั้นหัวใจของศัตรู และการรุกคืบของเขาได้ผล “ดะ... เดี๋ยวครับพ่อเลี้ยง” ชายหนุ่มทำท่าว่าจะลุกหนี “ว่าไง” “เอ่อ... ได้ครับได้... ตกลง” “ดี... งั้นพรุ่งนี้ฉันจะส่งรถมารับลูกสาวนาย” กล่าวเอาไว้เพียงเท่านั้นร่างสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนมิเมตรก็เดินจากมาโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองชายผู้สูงวัยกว่าที่กำลังนั่งน้ำตาซึม ร่างกายเหมือนจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้ ‘เป็นความผิดของพ่อเอง... ฮือๆ พ่อขอโทษนะลูก ที่ก่อเรื่องจนทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงขนาดนี้’ นายอัศวินรำพึงอยู่ในความคิดเพียงลำพัง ได้แต่นั่งนิ่งสูดหายใจแรง ปล่อยให้ความเจ็บปวดค่อยๆ แผ่ลามไปทั้งร่าง หัวใจเหมือนจะขาดลงรอนๆ ในฐานะคนเป็น ‘พ่อ’ ที่รู้ว่า ‘ลูกสาว’ แสนรักกำลังจะกลายไปเป็นของเล่นบำเรอกามของ ‘พ่อเลี้ยงคาร์สัน’ เจ้าของฟาร์มโคนมชื่อดังระดับประเทศ ในเวลาต่อมา กลางดึกของคืนเดียวกันนั้น ที่บ้านของนายอัศวินซึ่งกำลังจะถูกยึดในอีกไม่กี่วัน “ดึกป่านนี้แล้วคุณพ่อยังไม่นอนอีกหรือคะ... เอ่อ ทะเลาะกับคุณแม่ใช่ไหมคะ” ลูกสาวเดา ไม่ได้อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว แต่ที่น้ำหวานต้องถามก็เพราะว่าเมื่อตอนเย็นหล่อนแอบเห็นว่านางสุนีย์ผู้เป็นมารดาร้องไห้จนตาแดงก่ำ “เปล่า... พ่อกับแม่ได้ได้ทะเลาะกัน... แต่... ” พูดแล้วก็หยุด สีหน้าแสดงอาการหนักใจออกมา ไม่อยากจะบอกความจริงอันแสนเจ็บปวดกับลูกสาว ครั้นเมื่อโดนคาดคั้นหนัก นายอัศวินก็จำต้องเล่าเรื่องราวให้ ‘น้ำหวาน’ ฟังโดยละเอียด เมื่อจู่ๆ เรื่องราวก็พัวพันมาถึงตัวของหล่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ครอบครัวพ้นผ่านวิกฤตแสนสาหัสในครั้งนี้ “อย่าร้องไห้นะคะคุณพ่อ... หวานยอมค่ะ... หวานยอมได้เพื่อให้พวกเราทุกคนได้มีที่อยู่อาศัยกันต่อไป” เสียงของน้ำหวานฟังดูขมขื่นจนคนเป็นบิดารู้สึกได้ ทั้งที่หล่อนพยายามซ่อนเสียงสะอื้นเอาไว้ในอก แต่หยาดน้ำตากลมเกลี้ยงก็กลิ้งลงมาอาบนวลแก้มให้เห็นจนได้ “พ่อขอโทษ... ” เสียงของนายอัศวินสั่นเครือ พยายามเงยหน้าขึ้นมองเพดานคล้ายกำลังมองหาแมงมุมสักตัวที่กำลังชักใยอยู่บนฝ้า แท้จริงแล้วมันคืออาการพยายามหักห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ด้วยรู้ว่าถ้าก้มหน้าเม็ดน้ำตาจะหยดแหมะลงมาทันที “ไหนๆ เรื่องราวก็มาถึงขั้นนี้แล้วนะคะ เห็นทีว่าเราคงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปก่อน... คุณพ่อไม่ต้องร้องไห้นะคะ... ปัญหาทุกอย่างต้องมีทางออก” น้ำหวานกล่าวพลางยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา ภาพที่เห็นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดให้กับคนเป็นพ่อที่โดนผีพนันเข้าสิงจนเป็นเหตุให้ต้องก่อเรื่องร้ายแรงถึงขั้นไม่เหลือบ้านเอาไว้ซุกหัวนอน ลูกเมียต้องพลอยต้องมาเดือดร้อนรับกรรมไปด้วย “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พ่อจะไม่มีวันเข้าไปข้องเกี่ยวกับการพนัดโดยเด็ดขาด” เสียงของนายอัศวินสั่นเครือ แววตาสำนึกผิด รู้สึกเสียใจที่เป็นต้นเหตุนำหายนะมาสู่ครอบครัวจนอยากจะคว้าปืนลูกโม่ที่ซ่อนเอาไว้ในลิ้นชักของโต๊ะทำงานขึ้นมาจ่อขมับตัวเองแล้วลั่นไกให้สมองกระจายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่านาทีนี้ ‘ความตาย’ ก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ‘สติ’ เท่านั้นที่จะทำให้ผ่านพ้นชะตากรรมนี้ไปได้ นายอัศวินรู้ว่าถ้าตัวเองตัดสินใจคิดสั้น... คนที่จะรับกรรมต่อไปก็คือลูกเมีย การตัดช่องน้อยแต่พอตัวจึงไม่ใช่ทางออกของปัญหา “แน่ใจนะลูก... ไม่ว่าจะยังไงพ่อก็จะไม่บังคับลูก... ถ้าเข้าตาจนจริงๆ ตอนนั้นเราไปหาเช่าอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ อยู่กันไปก่อนก็ได้” “ไม่ค่ะ... ” น้ำหวานส่ายหน้า ถ้าต้องสูญเสียบ้านและที่ดินก็เท่ากับว่าอนาคตของน้องชายซึ่งตอนนี้กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยคงจะต้องดับวูบไปด้วย น้ำหวานรู้ว่ามันโหดร้ายเกินไป ที่จะปล่อยให้มารดากับน้องชายที่เคยมีชีวิตอยู่บนความสุขสบายมาโดยตลอด จะต้องพากันระหกระเหินไปอยู่บ้านเช่ารังหนูอย่างที่นายอัศวินกล่าวออกมาเมื่อครู่ กลางดึกของคืนเดียวกันนั้น น้ำหวานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา ‘ประภาษ’ ชายหนุ่มที่คบหาดูใจกันมาได้ปีเศษๆ ประภาษเป็นครู เขาได้ทุนไปศึกษาต่อที่เมืองนอก ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่ประเทศอังกฤษ อันที่จริงประภาษเป็นเพียงลูกเกษตรกรจนๆ แต่ที่มีโอกาสได้ไปเรียนถึงต่างประเทศก็เพราะว่าได้รับทุนของรัฐบาล “ฟังเสียงเหมือนกำลังไม่สบายใจ... มีอะไรหรือเปล่าหวาน” ประภาษกรอกเสียงกลับมาด้วยความเป็นห่วง เรียกชื่อหญิงสาวว่า ‘หวาน’ ด้วยความสนิทสนม “เปล่าค่ะ... ที่โทรมาเพราะอยากจะบอกว่าช่วงนี้หวานอาจจะเงียบหายไปสักพักนะคะ” น้ำหวานบอกแฟน เพราะรู้ว่าหนึ่งเดือนหลังจากนี้หล่อนจะต้องไปอยู่ที่บ้านของเจ้าหนี้ที่ชื่อคาร์สัน “แล้วทำไมต้องเงียบหาย... นานๆ ครั้งโทรมาสักทีก็ได้นี่นา” ประภาษคุยขณะนั่งพลิกตำราเล่มหนาในมือ มองผ่านกรอบแว่นตาหนาเตอะอ่านหนังสือไปพลางเพราะวันสอบใกล้เข้ามาทุกที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD