ตอนที่ 6 ภารกิจ#2

1980 Words
เวย์เริ่มชินกับชีวิตที่มีสไมล์เข้ามาวุ่นวายแม้ว่าการเจอกันทุกครั้งจะเป็นแค่การเจอหน้าไม่ได้สนทนาอะไรกันมากมาย แต่ทุกวันที่มีเสียงเจื้อยแจ้วคอยถามโน่นถามนี่ คอยเอาของมาประเคนให้เขาทานกลับเป็นเรื่องปกติของชีวิตเวย์ไปแล้ว “คุณทานโจ๊กไหมกำลังร้อน ๆ อยู่เลย” สไมล์เปิดประตูห้องทำงานของเวย์เข้ามาพร้อมกับชูให้เห็นถุงโจ๊กที่เธอพึ่งซื้อมาด้วย เนื่องจากวันนี้สไมล์ไม่มีคิวงานเธอจึงตื่นเช้าเพื่อมาหาเวย์ที่คลินิกแต่เช้า เพราะวันอาทิตย์เวย์จะเปิดคลินิกเพียงแค่ครึ่งวัน สไมล์จึงต้องรีบตื่นเพื่อมาให้ทันคุณหมอหนุ่ม “ผมพึ่งทานกาแฟไปยังไม่หิว” “คุณนี่เป็นหมอยังไงถึงได้ไม่รู้ว่าอาหารเช้าสำคัญ หิวไม่หิวก็ต้องกินเดี๋ยวฉันเอาไปเทใส่ถ้วยให้” พูดจบสไมล์ก็เดินหายออกไปจากห้อง แล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมถ้วยโจ๊กที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้อง เวย์มองดูสไมล์ที่ช่วงนี้มาคอยเอาใจใส่เขาทั้งที่ตัวเขาเองก็แทบจะคุยกับหญิงสาวแบบนับคำได้ในแต่ละครั้ง “ถ้าคุณหิวก็เชิญทานก่อนเลย” “ไม่ค่ะฉันจะทานพร้อมกับคุณ มาสิคะมัวแต่นั่งตีหน้าเข้มเดี๋ยวคนไข้คุณมาก็ไม่ได้ทานกันพอดี” สไมล์ที่พกความตั้งใจมาจนล้นในการมาพิชิตใจคุณหมอหนุ่มบอกกับคนที่นั่งทำหน้านิ่งว่าเธอจะไม่ทานถ้าหากว่าเวย์ไม่มานั่งทานข้าวกับเธอ “วุ่นวายจริง ๆ กระเพาะผมติดกับคุณหรือยังไง” เวย์ส่ายหัวกับท่าทางรั้นของสไมล์แต่ก็ยอมลุกมานั่งตรงโต๊ะทานข้าวเล็ก ๆ ที่ตั้งไว้มุมหนึ่งหลังโต๊ะทำงาน ที่ปกติเวย์จะเอาไว้สำหรับนั่งทานของว่างซึ่งพื้นที่บนโต๊ะมีมากพอที่เวย์จะวางกาแฟ ขนมเบรกหรือแม้แต่อาหารที่เขาต้องการทานส่วนตัวเวลาอยู่คลินิก แต่วันนี้โต๊ะนั้นดูแคบไปทันทีที่สไมล์ขนอาหารและขนมมากองไว้จนเต็ม ทางด้านสไมล์ก็แอบยิ้มในใจที่สามารถทำให้เวย์ยอมลุกมาทานข้าวกับตนเองได้ถึงแม้จะมีคำพูดที่บ่น ๆ เล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ถือสาอะไรเพราะการที่เวย์ยอมพูดกับเธอก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากแล้ว เวย์ที่เห็นว่าวันนี้บนโต๊ะไม่มีน้ำเต้าหู้ผสมมะนาวที่เขาต้องดื่มทุกวันในมื้ออาหารเช้า จึงเดินไปกดโทรศัพท์ต่อสายภายในถึงพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อถามถึงน้ำสุขภาพสุดโปรดที่ปกติพนักงานจะจัดเตรียมไว้ให้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ที่เวย์จะเข้าคลินิกแต่เช้า เวย์มักจะดื่มน้ำเต้าหู้ผสมมะนาวทุกเช้าเพื่อสุขภาพที่ดีและเพื่อสร้างความสดชื่นให้แก่ร่างกาย หลังจากที่โทรถามพนักงานไปได้ไม่นานน้ำเต้าหู้ผสมมะนาวจำนวนสองแก้วก็ถูกนำเข้ามาให้กับคุณหมอหนุ่ม “ปกติผมทานแค่แก้วเดียวนะครับ ทำไมวันนี้เอามาสองแก้ว” ท่าทีแปลกใจของเวย์ทำให้สไมล์ต้องตอบคำถามชายหนุ่มแทนพนักงานของคลินิกเพราะเธอเป็นคนขอให้พนักงานสาวจัดน้ำเต้าหู้ผสมมะนาวมาเผื่อเธออีกหนึ่งแก้ว “ฉันเป็นคนขอให้พี่เขาจัดมาเผื่อเอง ปกติฉันจะทานน้ำเต้าหู้ผสมกับมะนาวทุกเช้าเพราะมีคุณหมอแนะนำมาว่าการทานน้ำเต้าหู้ผสมมะนาวจะทำให้ร่างกายและสมองสดชื่น การไหลเวียนของเลือดดี แถมยังเป็นยาอายุวัฒนะ ฉันเลยชอบทานทุกเช้าแต่วันนี้ฉันรีบเพราะกลัวจะมาไม่ทันทานมื้อเช้ากับคุณก็เลยไม่ได้แวะซื้อมา และฉันเห็นว่าพนักงานของคุณซื้อมาหลายถุงเขาก็เลยแบ่งให้ฉัน” เวย์ที่พอจะเข้าใจก็หันไปพยักหน้าให้พนักงานเป็นเชิงขอบคุณและก็รู้สึกแปลกใจที่สไมล์ชอบกินน้ำเต้าหู้ผสมมะนาวทุกเช้าเหมือนตนเอง “มาทานข้าวกันเถอะฉันหิวจะแย่แล้ว” สไมล์ถือโอกาสลากเก้าอี้สตูที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานของเวย์มานั่งลงตรงข้ามชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเวย์ก้มหน้าตั้งใจทานโจ๊กที่เธอซื้อมาให้โดยไม่พูดอะไรสไมล์ก็เริ่มทานตาม แล้วชวนเวย์คุยเกี่ยวกับงานของเขา “เป็นหมอเหนื่อยหรือเปล่าคะ” เมื่อเห็นว่าเวย์เอาแต่ทานข้าวโดยไม่สนใจเธอสไมล์จึงต้องเป็นฝ่ายหาเรื่องชวนคุยก่อนเหมือนเดิม แต่เวย์ยังคงไม่ตอบในสิ่งที่สไมล์ถามและยังคงนั่งทานข้าวเหมือนกับว่าเสียงของสไมล์เป็นเสียงเพลงคลอเบา ๆ หรือเป็นเสียงรายการทอร์กโชว์ที่ชายหนุ่มชอบฟังเวลาทำงาน สไมล์ที่เห็นท่าทีของเวย์ก็รู้สึกเสียใจนิด ๆ ที่คุณหมอหนุ่มทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน สไมล์จึงวางช้อนอาหารบนชามลงแล้วยกน้ำขึ้นดื่มเป็นการบอกให้รู้ว่าไม่ต้องการที่จะทานต่อ “ทำไมไม่กินให้หมด” เสียงเข้มของเวย์ดังขึ้นทันทีที่สไมล์วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ “ฉันอิ่มแล้วค่ะ” น้ำเสียงที่ดูแผ่วลงไม่เหมือนกับตอนที่พึ่งมาถึงใหม่ ๆ ทำให้เวย์เริ่มจะรู้ตัวว่าเขาแสดงท่าทีเหมือนคนที่ใจร้ายและเสียมารยาทกับเธอไปหน่อย ทั้งที่สไมล์พยายามเอาใจและใส่ใจทุกรายละเอียดของเขา แต่เขากลับมีเพียงความนิ่งและความเฉยชาตอบแทน “ถ้าไม่กินให้หมดต่อไปก็ไม่ต้องหิ้วอะไรมา” ทั้งที่ใจจริงเวย์แค่อยากจะบอกให้คนตรงหน้าทานข้าวในชามให้หมด แต่คำพูดที่สื่อออกไปกลับดูโหดร้ายต่อคนฟังอย่างสไมล์เป็นอย่างมาก สไมล์นึกถึงความตั้งใจแรกเริ่มที่ทำให้เธอมาที่นี่และสิ่งที่พยายามทำให้กับเวย์หลายวันที่ผ่านมา คนที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ อย่างสไมล์จึงต้องรีบสลัดความน้อยใจทิ้งให้เร็วที่สุดแล้วเดินหน้าทำตามความตั้งใจของเธอต่อไปให้สำเร็จ “หมายความว่าถ้าฉันทานจนหมดชามคุณจะอนุญาตให้ฉันมาหาคุณที่นี่ได้ตลอดเวลาใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นคุณก็อย่าใจร้ายกับฉันนักสิคะ” น้ำเสียงและท่าทางดีใจที่แสดงออกมาของสไมล์ทำให้เวย์ค่อยรู้สึกผิดน้อยลงจากคำพูดและการกระทำของตนเอง “ผมไม่ใช่เซเว่นนะที่คุณจะได้มาหาตลอดเวลา” เมื่อรู้สึกว่าตัวเองสำคัญต่อดาราสาวที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ เวย์ก็เริ่มรู้สึกดีแต่ก็ไม่ได้เผยแสดงท่าทีอะไรออกไป ได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงเข้มเพื่อกลบความอ่อนไหวภายในใจของตนเอง อาหารมื้อเช้าผ่านพ้นไปด้วยดี คนไข้ของเวย์เริ่มมาตามที่นัดไว้ เวย์จึงออกจากห้องทำงานเพื่อไปห้องตรวจ ส่วนสไมล์ที่ไม่ได้มีคิวงานอะไรก็นั่งดูโทรศัพท์สลับกับอ่านหนังสือที่เตรียมมารอเวย์โดยไม่ไปไหน คนที่ไม่เคยตื่นเช้าอย่างสไมล์เมื่อต้องมาตื่นเช้าเพื่อที่จะรีบมาซื้ออาหารเช้ามาทานกับคุณหมอหนุ่มเริ่มรู้สึกง่วง เมื่อเวลาล่วงเลยไปจากหนึ่งชั่วโมงเป็นสองชั่วโมง จากสองชั่วโมงเป็นสามชั่วโมง ความง่วงทำให้สไมล์ผล็อยหลับไปบนโซฟาตัวยาวในห้องทำงานของเวย์ เมื่อตรวจคนไข้คิวสุดท้ายเสร็จเวย์ก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานของตนเองซึ่งตอนนี้มีสไมล์กำลังนอนคุดคู้อยู่บนโซฟา ในวันอาทิตย์ที่คลินิกเปิดเฉพาะช่วงเช้า เวย์ที่ปกติจะออกจากคลินิกทันทีที่ตรวจเสร็จ ถ้าหากไม่มีธุระอะไรก็จะแวะไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายก่อนจะกลับคอนโด วันนี้กลับต้องมานั่งเฝ้าคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ในห้องทำงานของตนเอง เวย์ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องมานั่งรอให้หญิงสาวตื่นทั้งที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ได้สนใจเธอ เวย์จะกลับเลยก็ได้โดยทิ้งให้สไมล์นอนอยู่ตรงนี้แล้วให้พนักงานของเขาเป็นคนปลุกเธอ แต่เวย์ก็เลือกที่จะนั่งทำงานรอสไมล์โดยที่ไม่รบกวนเธอสักนิด เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงตั้งแต่ที่เวย์เดินเข้ามาล่าสุดจนคนที่นอนอยู่เริ่มรู้สึกตัวตื่น “คุณตรวจคนไข้เสร็จแล้วเหรอคะ” เมื่อเห็นเจ้าของห้องกำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ สไมล์ที่กำลังตื่นก็งัวเงียลุกขึ้นมาถามเวย์ “เสร็จนานแล้วครับ” “อ้าวเหรอคะ แล้วทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ” เวย์ไม่ได้ตอบในสิ่งที่สไมล์ถามแต่ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปเก็บของพร้อมเก็บโน้ตบุ๊กราคาแพงลงกระเป๋าและทำท่าจะกลับก่อนจะหันมาบอกสไมล์ “วันนี้คลินิกเปิดครึ่งวัน ผมกำลังจะกลับ” “คุณจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะหรือจะกลับบ้าน” คำถามของสไมล์ไม่ได้รับคำตอบจากปากของคุณหมอหนุ่ม แต่เป็นชุดออกกำลังกายที่ชายหนุ่มถือพาดแขนไว้เพื่อเตรียมจะไปเปลี่ยนในห้องน้ำต่างหากที่ทำให้สไมล์มีคำตอบในสิ่งที่ถาม “คุณไม่มีงานทำหรือไงวันนี้” เวย์ถามคนที่มานั่งเฝ้าเขาตั้งแต่เช้าและไม่มีทีท่าว่าจะกลับแม้ว่าเขากำลังจะปิดคลินิกแล้วก็ตาม “ไม่มีค่ะวันนี้ฉันว่าง ฉันขอไปออกกำลังกายกับคุณด้วยได้ไหมคะ” สไมล์เอ่ยขอกับเวย์ด้วยน้ำเสียงและท่าทางอ้อนวอนเพราะยังไม่อยากกลับ เวย์ที่ได้ยินในสิ่งที่สไมล์ขอรีบหันหน้ามามองชุดที่หญิงสาวใส่มาวันนี้พร้อมทำหน้ายุ่งคิ้วขมวด “นี่คุณคิดจะตามผมเหมือนเงาเลยหรือไง แล้วที่ถามเมื่อกี้ดูชุดที่ตัวเองใส่มาหรือยังกระโปรงสั้นกับสเวตเตอร์หนา ๆ เนี่ยนะ” สายตาเข้มพร้อมน้ำเสียงส่งมายังสไมล์ แต่สไมล์กลับทำหน้าแบ๊วใส่เพราะตอนนี้เธอกำลังสนุกที่ได้อยู่วุ่นวายกับเวย์ “งั้นฉันไปนั่งรอคุณเฉย ๆ ที่ฟิตเนสที่คุณจะไปก็ได้ค่ะ” สไมล์ยังคงต่อรองกับเวย์อย่างไม่ลดละจนเวย์คร้านที่จะเถียง “ถ้าไม่กลัวเป็นข่าวอีกก็ตามใจ” เมื่อรู้ว่ายังไงดาราสาวก็คงไม่ยอมแน่ถ้าหากเขาไม่ให้ไปเวย์จึงยกเรื่องการตกเป็นข่าวขึ้นมาอ้าง เผื่อว่าสไมล์จะกลัวการตกเป็นข่าวแล้วเปลี่ยนใจ..แต่เวย์คิดผิดเพราะนอกจากสไมล์จะไม่กลัวในสิ่งที่เวย์พูดแล้วยังเอ่ยในสิ่งที่เวย์ไม่คิดว่าสไมล์เธอจะกล้า “ฉันขอไปกับคุณแล้วเอารถฉันทิ้งไว้ที่นี่ได้ไหมฉันกลัวว่าจะขับตามคุณไม่ทันแล้วหลงเพราะฉันไม่เคยไปฟิตเนสเลย” สไมล์เริ่มรุกคุณหมอหนุ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกเกินงาม เวย์ส่ายหัวกับคนตรงหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไป สไมล์จึงรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามออกไปทันทีเหมือนกลัวว่าเวย์จะหาย “ไม่มี GPS หรือไง” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ว่าที่สไมล์เปิดประตูรถขึ้นมานั่งตำแหน่งด้านข้างคนขับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD