เมื่อหลายวันก่อน...
มือบางชื้นเหงื่อกำแล้วคลายบ่อยครั้ง ดวงหน้าภายใต้ฮูดก้มต่ำและเหลือบขึ้นมองเป็นระยะขณะยืนรอคนที่นัดเอาไว้อยู่ตรงมุมข้างตึกห่างจากโรงแรมขนาดเล็กไปสองล็อก เลยเวลานัดไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ขณะที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรระหว่างกลับหรือรอต่ออีกสักหน่อย ร่างเล็กกะทัดรัดไล่เลี่ยกันก็ปรากฏตัวขึ้น อีกฝ่ายกำลังตรงมาทางเธอ ด้วยความรู้จักคุ้นเคยกันมามากกว่าสิบปี หญิงสาวจึงรู้ว่าผู้ที่เดินมาเป็นคนที่ตนนัด
“ซูจิน”
เธอเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ทำให้ร่างบางรีบเร่งมากขึ้น
“นาเดีย”
ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยเสียงเครียดเมื่อมาถึง
“ไปคุยกันทางโน้นดีกว่า”
มือเย็นเฉียบจับมือเธอดึงเบาๆ
“ไปไหน”
“ตรงโน้น อยู่ตรงนี้ไม่ปลอดภัย เผื่อมีคนออกมาข้างนอก”
ซูจินหันหน้าไปทางฝั่งตรงข้ามที่เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ
“เธอแค่เอาพาสปอร์ตมาเราก็ไปกันได้เลยนี่”
นาเดียกระซิบ มองซ้ายมองขวาอย่างไม่สบายใจ คิดว่าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปคุยที่อื่นเพราะเธออยากรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ใบหน้าขาวของอีกฝ่ายที่เห็นจากแสงไฟสาดส่องทำให้คนมองเริ่มขมวดคิ้ว ซูจินดูอึกอัก คิ้วขมวดมุ่น ปากเม้มเข้าหากัน
“ทำไม เธอไม่ได้เอามาเหรอ”
ความรู้สึกของเธอบอกอย่างนั้น และเมื่อซูจินพยักหน้าเบาๆ หน้านาเดียก็หน้าเสีย
“ฉันถึงบอกว่าเราต้องคุยกันไง”
เมื่อเพื่อนบอกมาอย่างนั้นนาเดียก็เริ่มวิตก เธอไม่อยากอยู่ใกล้ๆ แถวนี้นานนัก
“มาทางนี้เถอะ”
“หมายความว่ายังไง เธอจะไม่ไปกับฉันใช่ไหมซูจิน”
ขณะที่กำลังจะซักไซ้ซูจินกลับดึงมือเธอให้วิ่งข้ามฝั่งไปยังสวนสาธารณะ นาเดียพยายามก้มหน้าดึงฮูดให้ต่ำลงไปอีก
เพื่อนสาวพาเธอมานั่งที่ก้าวอี้ยาวภายในสวน ขณะที่นาเดียทั้งตระหนกและกระวนกระวายแทบไม่อยากนั่งแม้แต่น้อย
“ถ้าเธอไม่ได้เอามา ฉันก็จะไปแล้ว เอาไว้ค่อยนัดกันใหม่อีกที เราควรจะหนีจากวงจรอุบาทนั่นให้เร็วที่สุด”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกนาเดีย เราเซ็นสัญญากับเขาไปแล้วนะ ถ้าเราไม่ทำต้องโดนฟ้อง”
“ฉันจะพูดทุกอย่างกับสื่อ”
“แล้วอนาคตของเราล่ะ ถึงสื่อรู้คนทั้งประเทศรู้ พวกเขาถูกแฉ แต่เราล่ะ เราก็จะไม่เงินไม่มีกิน ดีไม่ดีอาจไม่มีงานทำ ถ้าหาค่ายใหม่ไม่ได้ ทุกวันนี้เรายังไม่ได้เงินเลยด้วยซ้ำ”
นาเดียเงียบไป แย้งไม่ออก แน่นอนว่าวงที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่ถึงปีย่อมยังหารายได้ชดเชยค่ากินค่าฝึกคืนบริษัทไม่ครบ สื่อจึงเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากสัญญาทาสของบริษัท เพราะจะให้เธอทนอยู่ต่อ แล้วถูกพามาขายเป็นเพื่อนเที่ยวเพื่อนกิน หรือกระทั่งเพื่อนนอนของพวกเศรษฐีเธอไม่อาจทำได้
“แต่ยังไงฉันก็จะไม่อยู่ต่อแน่นอน”
นาเดียพูดอย่างมาดมั่น
ทว่ายังไม่ทันที่จะคุยอะไรกันต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเดินตรงมาใกล้
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าถ้าซูจินออกมาข้างนอกค่ำๆ ผิดเวลาแบบนี้ ต้องมาเจอเธอ”
ร่างล่ำสันก้าวมายืนใต้แสงไฟจากเสาไฟ ทำให้เห็นว่าเขาเป็นใคร นาเดียลุกพรวดรีบถอยจากเก้าอี้ในทันที
“เธอหนีไม่พ้นหรอกนาเดีย อย่าพยายามเลย”
อีกฝ่ายเสียงเข้มขึ้น เมื่อร่างบางหันหลังก้าวพรวดหนีไป ขณะที่เขารีบวิ่งตาม
“ผู้จัดการ”
ซูจินพยายามจะคว้าแขนรั้งชายหนุ่มเอาไว้ ทว่าเขาสะบัดเธอออก แล้วรีบตามเพื่อนของเธอไป
ร่างเล็กวิ่งไปในความมืดสลับสว่างจากเสาไฟที่ตั้งอยู่เป็นระยะภายในสวนสาธารณะชนิดที่ไม่หันหลังกลับไปมองซ้ำ หากก็รู้ว่ามีคนวิ่งตามเธอมา กระทั่งมาถึงมุมมืดระหว่างต้นไม้ใหญ่ที่มีทางแยก เธอต้องการออกไปยังถนนเพื่อหารถแท็กซี่ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องวิ่งไปทางไหน ขณะที่กำลังลังเลอยู่ก็มีใครคนหนึ่งคว้าหมับที่มือเธอแล้วกระชากอย่างรวดเร็วดึงไปหลังต้นไม้ใหญ่
นาเดียยังไม่ทันกรีดร้องก็ถูกตะปบปิดปากเอาไว้ ที่สำคัญอีกฝ่ายพาเธอล้มลงไปบนพื้นหญ้าแล้วกลิ้งหลบไปใต้พุ่มไม้หนา
“อื้อ”
“เงียบแล้วอยู่นิ่งๆ ถ้าเธอไม่อยากถูกจับได้”
เสียงกระซิบทุ้มเป็นภาษาอังกฤษดังอยู่เหนือหัว ร่างหนาใหญ่แข็งแกร่งคร่อมกักขังเธอเอาไว้ทั้งตัว นาเดียรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายตัวโตกว่าเธอมากแม้แทบมองไม่เห็นเขาก็ตาม
ความตระหนกแล่นจับขั้วหัวใจดวงน้อย คิดว่าตนเองช่างดวงซวยเหลือเกินที่หนีมาเจอเข้ากับใครก็ไม่รู้ อาจเป็นคนพเนจร หรืออาจเป็นคนที่ดักรอปล้นคนเดินผ่านไปมา จะอย่างไรเธอก็ยากที่จะหนีหลุดรอดจากเงื้อมมืออีกฝ่ายไปได้ เขาล็อกตัวเธอแน่นไว้ใต้ร่าง แม้แต่ขาก็ถูกเข่าแข็งแรงกดเอาไว้ เวลานี้นาเดียรู้สึกอยากให้ผู้จัดการวิ่งตามมาทางด้านนี้และหาเธอเจอด้วยซ้ำ เพราะอาจมีทางรอดอยู่บ้าง
หญิงสาวพยายามตั้งสติเงี่ยหูรอเสียงฝีเท้า หากมีคนเข้ามาใกล้เธอจะดิ้นรนและส่งเสียงเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่ตอนนี้ที่ยังยอมนิ่งอยู่เพราะเกรงว่าหากอีกฝ่ายมีอาวุธเขาอาจฆ่าเธอในทันทีที่เธอพยายามขัดขืนก่อนที่จะมีโอกาสขอความช่วยเหลือ
ไอร้อนจากลมหายใจอีกฝ่ายเป่ารดหน้าผากหมายความว่าหน้าเขาอยู่ใกล้เธอมาก ร่างกายแกร่งหนาหนักให้ความรู้สึกคุกคามอันตราย นาเดียหวาดหวั่นที่สุดในชีวิต ตัวสั่นใจสั่น เหงื่อผุดพรายทั้งที่อากาศเย็น ถ้าเขาหวังมากกว่าเงินทองเธออาจสูญเสียทั้งตัวและไม่เหลือแม้แต่ชีวิต
“ทำไมคุณต้องหนีผู้ชายคนนั้น”
เสียงเข้มกระซิบแผ่วเบาราวลมพัดและเพราะอยู่ใกล้กันมากนาเดียจึงได้ยิน
“คุณทำงานกับเขาใช่ไหม”
เขาถามมาอีก และก็ยังปิดปากเธอไว้แน่นสนิทแทบไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้ส่งเสียง
“ที่หนีเพราะไม่อยากทำงานกับเขาแล้ว?”
อีกฝ่ายคาดการณ์ได้เป็นฉากๆ ทำเอานาเดียตาโตขึ้นอย่างคาดไม่ถึงแต่ก็รู้ว่าเขามองไม่เห็นและเธอก็โต้ตอบไม่ได้
“ถ้าใช่ พยักหน้า”
นาเดียนิ่งงันไป ตกใจที่คนในความมืดคนนี้รู้ทันความคิดเธอ หากหญิงสาวก็กลัวและสับสนเกินกว่าจะตัดสินใจได้ว่าควรตอบอีกฝ่ายหรือไม่
ระหว่างนาเดียไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามา สัญชาตญาณเอาตัวรอดสั่งให้พยายามส่งเสียงและดิ้นอย่างเต็มที่
“อื้อ อื้อ”
มือบางที่ถูกกดไว้พยายามฝืนทุบร่างใหญ่หนักๆ ให้มีเสียงดังเท่าที่จะทำได้
อีกฝ่ายสบถเบาๆ ราวรำคาญแล้วอยู่ๆ เขาก็ปล่อยมือจากปากเธอ ขยับตัวออกจากร่างเธอทั้งยังพลิกตัวหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ทว่าเวลานั้นนาเดียไม่ได้สนใจ เมื่อเขายอมปล่อยแล้วถอยห่างไป เธอก็ตะเกียกตะกายคลานออกจากพุ่มไม้ในทันที ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะโดนกิ่งไม้เล็กๆ เกี่ยวตามเนื้อตัว
ร่างบางพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล พอพุ่งออกไปก็ชนเข้ากับคนที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี
“โอ๊ย!”
นาเดียล้มก้นกระแทกพื้นขณะเงยหน้ามองคนที่ชนแล้วก็เห็นว่าเป็นผู้จัดการที่ตนหนีมา อีกฝ่ายมองเธอแล้วรีบจับแขนเอาไว้ก่อนเธอจะทันถอยหนี
“ไม่มีประโยชน์หรอกนาเดีย ยิ่งหนีเธอก็จะยิ่งลำบาก กลับไปกับฉันเถอะ ที่นี่ไม่ใช่เกาหลี ไม่มีที่ให้เธอไป”
นาเดียกัดริมฝีปากตัวเอง มองคนที่จับแขนเธอบีบแน่นจนเจ็บด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ แต่เขาก็พูดถูก เธอไม่มีทางไปไหนได้ อย่างไรเสียเธอก็ต้องกลับเกาหลี กำหนดกลับและเที่ยวบินถูกจองเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนมาที่นี่แล้ว หากเธอไม่กลับกับพวกเขาก็ต้องกลับหลังจากนั้นอยู่ดีไม่อย่างนั้นเธอจะอยู่อย่างผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมอยู่เป็นเครื่องมือของพวกเขาแน่
สายตาคมราวเหยี่ยวจับจ้องไปยังร่างเล็กที่จำต้องกลับไปกับผู้ชายคนนั้นและผู้หญิงที่ออกมาหาเธอ
เขาเห็นร่างเล็กยืนลับๆ ล่อๆ กระวนกระวายในมุมมืดข้างตัวตึกฝั่งตรงข้ามอยู่เป็นนานขณะที่ซุ่มอยู่อีกด้านหนึ่งของฝั่งถนนในสวน เจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดดำสนิททั้งตัวแอบแฝงในมุมมืดของต้นไม้ใหญ่และสุมทุมพุ่มไม้ทำให้ไม่ค่อยมีใครสังเกตนัก และเขาก็เห็นความเป็นไปของหญิงสาวตลอด กระทั่งเธอกับผู้หญิงอีกคนข้ามมาฝั่งนี้
ในคราแรกเขาไม่ได้ใส่ใจสองสาวนักเมื่อได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมารอเพื่อนของเธอ ทว่าผู้ชายร่างสันทัดออกมาจากโรงแรมแล้วมองตามสองสาว ซึ่งก่อนหน้านี้เขาตามชายคนนี้มาจากคลับหรูจึงอยู่สังเกตการณ์ต่อเพราะอีกฝ่ายเป็นคนของเอเยนซี่จัดหาคนจากแถบเอเชีย เมื่ออีกฝ่ายตรงมายังสวนสาธารณะ เขาจึงเคลื่อนตัวมาทางด้านนี้เช่นกันหากก็เพียงจับตาดูห่างๆ ไม่ได้คิดเข้าใกล้เพราะจุดที่สองสาวนั่งมีแสงไฟอยู่
ทว่าเมื่อเห็นคนตัวเล็กพยายามหนีมาทางเขา ชายหนุ่มยังไม่ทันคิดอะไรเขาก็ยื่นมือไปจับมือเธอดึงมาหาตัวเองเสียแล้ว
แม้ไม่ได้คิดช่วยเธอตั้งแต่แรก ทว่ามาคิดดูแล้ว หากเธอคนนั้นต้องการหนีจากคนพวกนั้นจริง เธออาจมีประโยชน์กับเขา
นาเดียนอนไม่หลับเลยแม้แต่น้อย เธอพักห้องเดียวกันกับซูจินเพื่อนสนิท อีกฝ่ายเล่าให้ฟังว่า ช่วงที่เธอแอบหนีไป ผู้จัดการแจ้งกับผู้ใหญ่ไปว่าเธอป่วยอาจเข้าร่วมงานแฟนมีตไม่ได้ แต่งานของพวกเธอไม่ได้มีแค่แฟนมีต การที่นาเดียหาจังหวะหนีออกไปข้างนอกก็เพราะพวกเธอถูกจัดการพาไปเอนเตอร์เทนแขกระดับวีไอพีที่รู้จักกับซีอีโอของบริษัท นั่นทำให้นาเดียรับไม่ได้อย่างที่สุด
คืนนั้นเธอปิดเครื่องไม่ยอมให้ใครติดต่อได้ หากก็ยอมเปิดเครื่องและรับสายซูจินในเย็นวันต่อมาเพราะเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่น้อย พอถามเพื่อนเธอก็บอกว่าไม่มีอะไรแค่ต้องพยายามดื่มและเอาใจพวกเขา มีโดนลวนลามบ้างแต่ซูจินก็ยอมกัดฟันทน แต่หากเป็นเธอไม่มีวันทนได้แน่นอน
‘หนีกันเถอะนะซูจิน อย่าอยู่เป็นเครื่องมือของพวกเขาอีกเลย วันนี้รอดวันต่อไปจะรอดไหมก็ไม่รู้’
ซูจินพยายามบอกให้เธอใจเย็น ในขณะที่นาเดียก็ไม่อยากหนีโดยทิ้งเพื่อนสนิทเอาไว้ข้างหลัง
“น่าขำนะ พวกเขาตั้งชื่อวงเราว่าสโนว์ แองเจิล แต่ที่นี่มันนรกดีๆ นี่เอง”
นาเดียพึมพำ รู้ว่าซูจินเองก็ยังไม่หลับ
“พวกเขาหากินกับความฝันของเด็กผู้หญิง ชั่วช้าที่สุด”
เธอกัดฟันเข่นเขี้ยว
หลังถูกบังคับให้กลับมาที่โรงแรมเธอก็ถูกสั่งให้อยู่ในห้องห้ามออกไปไหน แต่ไม่ถูกทำร้ายตบตีแต่อย่างใด
‘อย่าพยายามหนีอีก ถ้าเธอไม่อยากให้เพื่อนๆ ในวงเดือดร้อน’
ผู้จัดการของพวกเธอขู่ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าทำลงไม้ลงมือ นาเดียรู้เหมือนกับที่เพื่อนในวงเองก็รู้ ในเมื่อจะมีมีตติ้งพบปะแฟนคลับในวันพรุ่งนี้ พวกเขาย่อมไม่ทำอะไรให้ร่างกายของเธอมีร่องรอยเป็นที่น่าสงสัย ใบหน้าแขนขาของพวกเธอต้องสวยนวลเนียนเสมอ หากล้มหรือฟกช้ำก็ต้องเมกอัปปกปิดเอาไว้ ยังดีที่ตอนหนีออกจากพุ่มไม้เธอใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวจึงไม่มีรอยแผล
ที่สำคัญในเมื่อตั้งใจพาพวกเธอมาดูแลแขกวีไอพี มีหรือจะกล้าทำให้เนื้อตัวพวกเธอระคายเคือง
“เราหนีไปหลังงานมีตดีไหมซูจิน”
เธอกระซิบกับเพื่อนอีกครั้ง
“เธอก็รู้ว่ามันยาก ต่อไปนี้ผู้จัดการคงสั่งให้สตาฟคนอื่นรวมทั้งพี่ๆ โคดี้ [1] จับตาดูเราตลอด”
ซูจินยังดูไม่เห็นด้วยกับการพยายามหนีของเธอ นาเดียไม่เข้าใจเพื่อนของตนเลยแม้แต่น้อย
“เธอไม่กลัวเหรอซูจิน”
หญิงสาวไม่ได้พูดออกไปว่า ‘กลัว’ อะไร เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่อยากคิดถึง
“กลัวสิ แต่จะทำอะไรได้ เราหนี ไม่ทำงาน ก็ผิดสัญญา แถมตอนนี้ก็อยู่เมืองนอก ไม่ใช่เกาหลี ไม่มีสื่อ ไม่มีใครพร้อมยื่นมือช่วยเป็นกระบอกเสียงให้เรา ต่อให้ไปหาตำรวจของที่นี่พวกเขาอาจจะไม่เชื่อเราด้วยซ้ำ”
ซูจินเอ่ยเสียงเครียด
พวกเธอนอนนิ่งอยู่ในความมืดมิด คุยกันด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้
“เรามีกันอยู่ห้าคน ฉันว่ารอปรึกษากันหลังกลับไปเกาหลี จะได้ช่วยกันหาทางออกไม่ดีกว่าเหรอ อยู่ที่นี่ถ้าจับกลุ่มคุยกันมันจะผิดสังเกต”
อีกฝ่ายพยายามบอกให้เธอรอเวลา แต่ในความรู้สึกของนาเดียกลับไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว
“หลังงานมีตก็อีกตั้งเป็นอาทิตย์กว่าเราจะกลับ ตอนนั้นพวกเขาจะพาเราไปรับรองใครอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันไม่อยากรอ”
นอกจากมาจัดงานมีตติ้งที่จัดเป็นคอนเสิร์ตย่อมๆ พร้อมกับพูดคุยเล่นเกม แจกลายเซ็นให้แฟนคลับแล้ว พวกเธอยังมาถ่ายมิวสิกวิดีโอสำหรับอัลบัมใหม่ที่แพลนจะปล่อยในช่วงปลายเดือนหน้าด้วย
“แต่ตอนนี้เธอก็กลับมาแล้ว คิดจะหนีอีกคงไม่ง่ายอีกแล้วล่ะ”
เสียงเพื่อนสาวดังมาในความมืด คนฟังกำมือแน่น บอกตัวเองว่าเธอจะไม่ยอมเป็นสินค้าอย่างเด็ดขาด
[1] โคดี้ มาจาก Coodinator เป็นคำเรียกผู้ประสานงานดูแลภาพลักษณ์ของศิลปิน รวมทั้งจัดการเรื่องเสื้อผ้า หน้า ผม
======