ตอนที่ 3 ฉันก็ร้าย ก็แรง

1434 Words
ตอนที่ 3 ฉันก็ร้าย ก็แรง ใบหน้าที่เรียบหยิ่งมาพร้อมกับคำพูดที่ฉะฉานสุดมั่นใจในตัวเองค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดที่เคลือบเอาไว้อย่างไร้ที่ติ ใบหน้าที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ฉันภูมิใจ ด้วยโทนหน้าที่ตกแต่งตามสไตล์ของสาวมั่น ยอมรับเลยว่ามันต้องสวยในระดับหนึ่งไม่น้อยไปกว่ายัยลาวงลาวาอะไรนั้นส่วนการแต่งตัวฉันรู้ดีว่าไม่เอาไหน ช่างเถอะ มันก็เป็นตัวฉันนี่ไม่ใช่คนอื่นจะแต่งยังไงก็เป็นสิทธิของตัวเอง แต่แล้ว... เมื่อฉันเผยรอยยิ้มเหยาะผุดออกมาจากมุมปาก เห็นได้ชัดโดยไม่ต้องการปิดปังใดๆ ทั้งสิ้นมันยิ่งเป็นชนวนเชื้อเพลิงชั้นดีในการกระตุ้นอารมณ์โกรธของยัยลาวาที่ตอนนี้ใบหน้าแดงกร่ำออกมาอย่างชัดเจน โกรธเยอะๆ ฉันสะใจมาก แววตาที่ยัยลาวาส่งมาให้ แน่นอนว่าเธออยากกระโจนเข้ามาฆ่าบีบคอหรือไม่ก็กระชากศีรษะทุบกับโต๊ะซ้ำๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ก็อย่างว่านะมาเบี้ยวเงินฉันก่อนทำไมล่ะ อยู่ดีๆ อยากเป็นนางเอกในสายตาผู้ชายอยากได้สามีจนตัวสั่นไม่ว่า ในเมื่ออยากเป็นนางเอกนักฉันก็จะอาสาเป็นนางร้ายแทน นางร้ายที่แสนสบายใจที่สุดจะด่า จะตบ จะถีบใครหน้าไหนก็ได้ไม่ต้องคีบตัวเองเป็นคนดีต่อหน้าคนอื่น ร้ายแบบสุดขั้ว “แก...อิบ้า! มานี่เลย” เผียะ! แต่แล้วใบหน้าของฉันชาไปโดยอัตโนมัติ ชาไปทั้งแถบด้านซ้ายคันยิบๆ เมื่ออยู่ๆ ยัยบ้าลาวาเข้ามากระชากแขนให้ลุกขึ้นจากตักของผู้ชายที่ชื่อแวนเดอร์ก่อนที่จะตบหน้าฉันทันทีไปหนึ่งฉาก รสตบเป็นแบบนี้เอง เกิดมาญานินคนนี้ก็พึ่งเคยโดนตบเป็นครั้งแรกในชีวิตก็คราวนี้แหละ มันช่างเจ็บจี๊ดเข้าลงไปในชั้นของผิวหนังบางๆ ของตัวเองจริงๆ ตัวกระตุ้นอาการโกรธในร่างกาย “ทำตัวเป็นหมาบ้าแบบนี้ไงผู้ชายเขาถึงไม่แลมองแม้หางตา มีสมองก็หัดคิดเสียบ้างไม่มีใครอยากเอาดอกทองไปเป็นแม่ของลูกหรอกเพราะเขากลัวว่าเชื้อแม่จะแรง!” ฉันมองตายัยลาวาพร้อมกับพูดขึ้นหรือจะเรียกว่าตวาดก็ไม่ผิดด้วยความจริงสภาพการแต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงขายตัวเสียอีก การกระทำยิ่งกว่าชอบวิ่งแร่หาผู้ชายจนเสียสถาบันเพศแม่ “อีบ้า!” ด่าได้แค่นี้? คำก็บ้า สองคำก็บ้า “เอาเวลาไปเสียกับการพัฒนาสุขภาพจิตของตัวเองดีกว่านะอีกหน่อยถ้าไม่รักษาจะเป็นบ้าโดยไม่รู้ตัว” คิดแล้วก็ปวดหัวแทนพ่อแม่คงไม่มีใครเอาอยู่แล้วแบบนี้ “ถ้าสมองของคนอย่างเธอคิดว่าการที่ฉันไปนั่งบนตักผู้ชายคนนี้มันเป็นการกระทำที่น่ารังเกลียดมากก็เอาไปเปรียบเทียบกับตัวของเธอได้เลย การกระทำของฉันมันด้อยลงไปเลยล่ะที่สำคัญฉันทำเพื่อเงินที่เธอจ้างทำนั้น!” “กรี๊ดด นังปีศาจ!” เสียงกรี๊ดแปดหลอดมันยิ่งเรียกความสนใจจากผู้คนรอบๆ คลับเป็นอย่างดีจนทำให้คนข้างๆ โต๊ะอื่นๆ หันมาสนใจยิ่งกว่าพระเอกละครมาเสียอีก “จะบอกให้เอาบุญฉันชื่อ ‘ญานิน’ ไม่ใช่ยัยปีศาจ อีบ้าอย่างที่เธอคิด” ฉันบอกผู้หญิงตรงหน้า จะไม่ต้องเรียกอีบ้าอะไรอีก สงสาร “เหอะญานิน ผู้หญิงหิวเงินอย่างเธอมันก็ไม่ต่างจากคนอย่างฉันเท่าไหร่หรอก ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน” สายตาเหยียดหยามส่งมาให้ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า “รู้ไหมถ้าเธอพาผู้ชายคนนี้ออกจากคลับนี้ได้คิดว่าเธอกับคนอย่างแวนเดอร์จะต้องไปจบลงที่ตรงไหน โรงแรม! คอนโด! ม่านรูด! ก็เท่านั้น” ยอมรับเลยว่าฉันไม่เคยคิดต่อจากนั้นเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือว่าจบที่ตรงไหนไม่ว่าจะที่โรงแรมม่านรูดแม้กระทั่งคอนโด คนอย่างญานิน คิดเพียงแต่เงินเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้คนอื่นดูถูก “งั้นคนอย่างเธอก็ ‘เคย’ ทำมาก่อนนะสิ ไม่ว่าจะในโรงแรม ม่านรูด คอนโดหรือว่าแม้กระทั่งข้างทางมันก็คงเป็นที่ผสมพันธุ์ของเธอสินะ!” ปึก! เผียะ! เผียะ! “อย่าคิดว่าคนอย่างฉันจะพลาดให้ตบเป็นครั้งที่สองบอกเลยว่าไม่มีทาง!” เผียะ! พลัก! ตุบ! ฉันรับมือของยัยลาวาที่กำลังจะฟาดโดนใบหน้าของตัวเองเป็นครั้งที่สองก่อนจะตบสวนให้สองครั้งอย่างเหลืออดเหลือทนนอกจากนั้นก็ยังตบไปอีกหนึ่งฉากก่อนจะเอามือของยัยลาวาล็อคไว้ด้านหลังใช้เท้าถีบไปที่ก้นของเธอทันที ผลสรุปก็คือยัยนั่นนอนทรุดอยู่ตรงเก้าอี้ตัวเดิมที่เพื่อนของผู้ชายที่ชื่อแวนเดอร์นั่งอยู่ ดีนะที่เขาหลบทันไม่อย่างนั่นยัยลาวาคงจะอยู่ในท่าคร่อมผู้ชายคนนั่นแล้ว โอ้ย! “ยัยบ้า!” ยัยลาวาพลิกตัวมาเผชิญหน้ากับฉันอีกครั้งในท่าที่ตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมที่ล้มลงไปทีแรก ยัยนั่นสำรวจร่างกายของตัวเองที่เป็นรอยซ้ำและรอยถลอกเนื่องจากชนกับเก้าอี้และโต๊ะก่อนที่จะส่งเรียกอันแสบหูมาเข้าโสตประสาทของฉันอีกครั้ง “หึ ใครกันแน่ที่บ้า บ้าผู้ชายจนไม่ลืมหูลืมตา” “ก็ยังดีกว่าพวกที่แต่งตัวบ้านๆ มอซอ สกปรกจนไม่มีปัญญาหาผู้ชายก็แล้วกัน จะบอกให้เอาบุญก็แล้วกันนะยัยญานินหัดเอาเวลาที่ใช้รับจ้างหาเงินไปส่องกระจกดูเงาตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าบ้างว่ามีส่วนไหนที่ผู้ชายเขาอยากมองบ้าง” ไม่มีหรอก ชีวิตนี้ผู้ชายไม่ใช่ปัจจัยหลักแต่ฉันก็ไม่ได้เถียงอะไรได้แต่เงียบงัน ยัยลาวาพูดขึ้นในขณะที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมวางมาดดั่งกลับนางพญาหงษ์เหินทั้งที่แทบไม่เหลืออะไรแล้วก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับเหยียดยิ้มด้วยความน่าสมเพชมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “เวลานะมีแต่คนอย่างฉันไม่ทำอย่างที่เธอว่าหรอกมันช่างไร้ค่าสิ้นดี ผู้หญิงบางคนถึงแม้จะไม่ได้สวยเลือกได้แต่เขาก็ฉลาดมองดูผู้ชายที่จะมาเป็นพ่อของลูกดีหรือเลว” ก่อนที่จะมีศึกระหว่างฉันกับผู้หญิงคนนั้นฉันควรพูดออกมาเตือนสติอันน้อยๆ ของยัยลาวา “ฉันมันก็เป็นผู้หญิงประเภทนั่นเสียด้วยสิ ไม่ใช่มองเพียงแค่ความสนุกเหมือนเธอลาวาเพราะสุดท้ายก็เป็นได้เพียงของเล่นที่เขาเบื่อแล้วก็โยนทิ้งเอาไว้ข้างถนน ช่างน่าสงสารเสียจริง” “ญานิน!” “ทำไม นี่มันยังไม่ครบคอร์สที่ฉันจะให้เธอเรียนรู้นะ ถ้าจะให้ครบมันต้องนี่!” ~ซ่า~ ว่าแล้วฉันก็กลับตัวไปคว้าแก้วเหล้าที่อยู่ในมือของผู้ชายที่ชื่อแวนเดอร์มาทันทีก่อนที่จะเทรดศีรษะของยัยลาวา ของเหลวข้นไหลจากด้านบนลงมาเป็นทางตามกรอบใบหน้าจรดไหล่ทั้งสอง กลิ่นเหม็นส่งผลให้ร่างบางกรี๊ดไม่สนใจสายตาของใครที่มองมาด้วยความอยากเห็น ซึ่งฉันที่เป็นคนทำไม่สนใจ “ครบคอร์สแล้วไปนะหวังว่าชาตินี้คงหมดเวรกรรมกันเพียงเท่านี้” “กรี๊ดดดด!” การกระทำแบบเถื่อนๆ โหดร้ายใช่เล่นของตัวเองฉันรู้ว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก ผู้หญิงทั้งสองคนทะเลาะกันสายตาคนอื่นคงคิดเป็นอื่นไม่ได้ถ้าไม่ใช่แย่งผู้ชาย ผู้ชายที่ไม่แม้แต่เอ่ยปากออกห้าม ช่างเถอะ “เดี๋ยว” “โอ้ย!” จู่ๆ ก็มีมือเข้ามากระชากต้นแขนของฉัน ด้วยความแรงมันทำให้ร่างของฉันเซไปกระทบกับแผ่นอกกว้างทันที แผ่นอกที่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังระดับโลกผสมกับกลิ่นตัวหอมๆ ที่ยอมรับเลยว่ามีเสน่ห์อยู่ไม่น้อยจนตอนนี้ก็ยังติดจมูกอย่างไม่น่าเชื่อ “ถึงกับเคลิ้มเลยเหรอ?” -------------------------------------------------------
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD