ตอนที่ 7 ตอแย

925 Words
ตอนที่ 7 ตอแย ~อือ~อือ~ สายตาของฉันค่อยๆ เปิดขึ้นทีละนิดๆ เพื่อปรับแสงที่เล็ดลอดผ่านช่องม่านสีเทาจากหน้าต่างทรงสูงเข้ามาจ่อดวงตาของตัวเองอย่างจังก่อนที่จะดันตัวเองให้ลุกขึ้นพิงกับเตียงนอนเก่าๆ ไม่สิ ซากของเตียงนอนมากกว่า จริงสิทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วที่นี่คือที่ไหน? ส่วนไหนของประเทศ? ว่าแล้วพาสายตาของตัวเองสำรวจที่แห่งนี้ทันที มันเป็นห้องเล็กๆ ที่มีเพียงแค่เตียงนอนเก่าๆ ที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่เท่านั้น มันตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนอกจากนั้นมันก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากกระป๋องและขวดของเบียร์ ไวน์ตกอยู่ไปทั่ว นี่ยังไม่ร่วมถึงใยแมงมุมที่มีทุกมุมของห้องราวกับไม่เคยได้ทำความสะอาดเมื่อว่าแล้วฉันก็รีบก้าวเท้าเปล่าลงจากเตียงทันที โอ้ย! แต่ทว่าเมื่อก้าวเท้าลงเหยียบพื้นก็ทรุดลงกับพื้นทันทีความเจ็บปวดมันโลดแล่นเข้าหาร่างกายราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทะ ทำไมถึงได้เจ็บปวดไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งใจกลางของความเป็นหญิง ไม่สิ ต้องไม่เกิดอะไรขึ้น เกิดการภาวนาในใจเรื่อยๆ ทันใดที่ฉันก้มมองดูสภาพตัวเองก็พบว่าตอนนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่คลุมไปถึงเข่าโดยที่ด้านในมันปราศจากบราเซียมีแต่ร่องรอยสีกุหลาบเป็นจุดๆ เต็มตัวไปหมดทั้งร่างกายไม่เว้นแม้แต่โดนขาอ่อน เธอโดนข่มขืนใช่ไหมญานิน? พยายามคิดทวนเหตุการณ์เรื่อยๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงแหบแห้งที่เปล่งออกมาไม่ดังนักทวนถามตัวเองและแล้วความทรงจำต่างๆ รวมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ผ่านเข้ามาในสมองราวกับภาพยนตร์ที่ฉายเป็นตอนๆ มันชัดเจนมากจน... ตอนนี้ฉันอยากฆ่าตัวตาย! ย้อนกลับไปเวลา 02.45 น. “หึ เธอ..ตอแหลไม่เนียนไปเรียนมาใหม่นะญานิน!” “…” เขารู้ในสิ่งที่ฉันโกหก สายตาฉันเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนี้ออกมาจากริมฝีปากได้รูปของแวนเดอร์ ใบหน้าเรียวก้มมองดูฉันที่นั่งอยู่ตรงพื้นก่อนที่เขาจะปรับเปลี่ยนมาเป็นค่อยๆ นั่งยองๆ ลงต่อหน้าฉันอีกที สายตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นที่จับจ้องมองเข้ามาสบนัยน์ตาของฉันอย่างรู้ทัน ผู้ชายคนนี้ฉลาดมาก “สายตาส่ายไปมา เนื้อตัวสั่นเทาราวกับลูกนกขาดความอบอุ่นจากแม่ พูดทีละคำยังติดๆ ขัดๆ เพื่อให้ตัวเองรอด ดูก็รู้ว่ามันเป็นอาการของคนโกหก” ความมั่นใจของฉันแทบติดลบ ถึงจะดูเป็นผู้หญิงหยิ่งมั่นใจมากขนาดไหนเมื่อตกม้าตายมันก็ดูออกง่ายๆ เหมือนกันแหละ ยิ่งฉันแสดงอาการแบบนี้ออกมามันยิ่งแสดงให้เห็นเพิ่มมากขึ้นและมั่นใจมากเป็นร้อยเท่าว่าโกหก ไม่ได้การแล้ว ปึก! ตุบ! โอ้ย! “เหอะแต่นายเคยรู้ไหมว่าในขณะที่นายเผลอศัตรูก็พร้อมที่จะจู่โจมนายได้ทุกเมื่อเหมือนกันไอ้สารเลว!” ฉันตัดสินใจใช้กำลัง ฉันใช้จังหวะที่แวนเดอร์เผลอก็เลยจู่โจมโดยใช้ศีรษะของตัวเองกระแทรกเข้ากับใบหน้าของเขาเต็มๆ ด้วยความแรงก่อนที่จะผลักเขาให้ล้มลงกับพื้น โดยไม่สงสารสักนิดจากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที “คืนนี้ถ้าชั้นเอาเธอมาครางใต้ร่างไม่ได้อย่าเรียกว่าไอ้แวนเดอร์ MISCREANT เลย!” ประโยคดังลั่นตามมาให้ได้ยินก็ยิ่งต้องหนีไปไกลๆ ตุบ ตุบ ตุบ เสียงเท้าของฉันวิ่งอย่างไม่รีรออะไรทั้งนั้นแต่ทว่าฉันวิ่งไปทางไหนมันก็เจอเพียงลานกว้างๆ ที่เป็นที่สำหรับจอดรถเท่านั้น มันไม่ได้ออกจากถนนใหญ่หรือว่าออกจากบริเวณคลับนี้แม้แต่น้อยยิ่งได้ยิ่งเสียงฝีเท้าวิ่งตามมาอีกมายิ่งทำให้ต้องออกแรงวิ่งให้เร็วออกไปเป็นเท่าตัว ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าเริ่มเข้ามาสู่ร่างกายของฉันจนทำให้การหายใจติดๆ ขัดๆ จนตอนนี้มันก้าวขาไม่ออกแล้วถึงต้องหยุดทันที เฮ้อ! ฉันถอดหายใจพร้อมกับทรุดลงพิงเสาขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ทั้งเหงื่อความร้อนเริ่มเข้ามาลุกลามเข้าไปใหญ่แล้วระบบการหายใจที่จมูกมันไม่พอเลยจะต้องหายใจทางปากไปพร้อมๆ กันราวกับคัดจมูกเวลาป่วยก็ไม่ปาน ตุบ! เสียงฝีเท้าวิ่งมาหยุดที่ลานกว้างก่อนจะสอดส่ายหาตัวของฉันอย่างไม่วางสายตา ใบหน้าของแวนเดอร์ตอนนี้เขาดูโกรธมากเป็นเท่าตัวอีกทั้งยังมีเลือดไหลออกมาด้วยยิ่งทำให้ใจเสียมากไปกว่าเดิม สายตาที่แข็งกระด้างมันทำให้ฉันค่อยๆ ขยับตัวให้พอดีกับเสาต้นใหญ่เพื่อบังตัวเองเอาไว้ให้รอดพ้นจากสายตาดุจเหยี่ยวของเขา ต้องรอด ต้องรอด “ออกมาเดี่ยวนี้ญานิน ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่นี่” “…” ประโยคแรกที่เขาเอ่ยขึ้นมันดังสะท้อนขึ้นมาซ้ำๆ กันในหัวของฉันทันทีจนตัวเองต้องรีบเอามือปิดปากไว้แน่นเพื่อหลัวตัวเองจะส่งเสียงออกมา  “อยากเล่นซ่อนหาใช่ไหมถึงพูดดีๆ ไม่ชอบถ้าชั้นเจอบอกไว้เลยว่าเธอไม่เหลือซากแน่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD