14

1169 Words
“ตัวข้าตอนนี้คงหนักเท่ากับข้าวสารหนึ่งกระสอบเลยกระมัง” หลังจากพิจารณาใบหน้าอ้วนกลม แต่ส่วนประกอบทั้งห้าหมดจดงดงาม ความรู้สึกเคร่งเครียดก็ลดน้อยถอยลงไปบ้าง “ข้าวสารหนึ่งกระสอบหนักสองร้อยจิน แต่คุณหนูหนักแค่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าจินเท่านั้น” ข้าวสารหนึ่งกระสอบหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัม แสดงว่าเด็กสาวคนนี้ก็หนักประมาณแปดสิบกิโล แม่เจ้า!!! เธอยังเด็กและก็สวยมากๆ แต่ทำไมถึงได้ปล่อยให้อ้วนได้ขนาดนี้กัน เพราะแบบนี้สินะถึงไม่ได้เป็นเมียฮ่องเต้ ส่วนไอ้อ๋องใหญ่เฒ่าลามกนั่น ก็รับไม่ได้กับสภาพของชายาที่ถูกยัดเยียดมาให้ “ข้าสงสารเจ้าจริงๆ ข้าจะช่วยเจ้าเอง ไม่ต้องห่วงนะสาวน้อย” “คุณหนูเจ้าคะ” “หือ” รนิดาเลิกคิ้วขึ้นอย่างเคยชินขณะที่ขานรับในลำคอ นางไม่ใช่คุณหนูของข้า! นางไม่ใช่คุณหนูของข้า! คุณหนูของข้าไม่เคยทำนิสัยเช่นนี้ หลี่กำมือเข้าหากันแน่นเพื่อข่มความกลัวที่กำลังสั่นเทา “คุณหนูจำเฟิ่งต้าชวี่ได้หรือไม่เจ้าคะ” เฟิ่งต้าชวี่คือใคร ทำไมไม่เห็นมีในความทรงจำ รนิดาพยายามนึกทบทวนก่อนตอบ “ตั้งแต่ข้าฟื้นขึ้นมาข้าก็จำอะไรไม่ค่อยได้หรอกหลี่ เฟิ่งต้าชวี่คือใครหรือ” สาวใช้ตัวน้อยถอยหลังหนีไปหลายก้าว มองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาหวาดกลัวอย่างไม่ปิดบังก่อนจะถามด้วยเสียงที่สันเทา “เจ้าไม่ใช่คุณหนูของข้า เจ้าเป็นผีร้ายที่มาสิงร่างคุณหนูของข้าใช่ไหม ออกไปจากร่างคุณหนูของข้านะ ปล่อยให้นางได้จากไปอย่างสงบเถอะ อย่ามารบกวนนางเลย” รนิดามองสาวน้อยตัวสั่นเทานั้นด้วยความเห็นใจระคนนึกเอ็นดู นึกชมเชยในความกล้าหาญของนางจากใจจริง “เจ้าทำให้ข้ากลัวนะหลี่ ถ้าข้าไม่ใช่คุณหนูของเจ้าแล้วข้าจะเป็นใครได้อีกล่ะ” “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้าไม่ใช่คุณหนูของข้าแน่ๆ ถ้าเจ้ายังดื้อดึงข้าจะไปเรียกคนทรงมาปราบเจ้า” “ต่อให้เจ้าเรียกมาทั้งเมืองก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เพราะข้าคือคุณหนูของเจ้า” “ข้าไม่เชื่อ ข้าจะไปบอกนายท่านกับฮูหยินเดี๋ยวนี้” “อย่า!” รนิดารีบวิ่งไปขวางหน้าสาวใช้คนเก่งเอาไว้ จับมือเธอไว้แน่นแล้วลากไปนั่งลงบนเตียง “ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะเชื่อเรื่องที่ข้าพูดและห้ามไปบอกกับใครเด็ดขาด” “เจ้าก็เล่ามาก่อนสิ แล้วข้าจะตัดสินใจเองว่าเชื่อได้หรือไม่” “ดีมาก” เธอกล่าวเหน็บแนมก่อนจะเริ่มต้นเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด.. “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ” หลี่ส่ายหน้าแรงๆ ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะมีเรื่องข้ามภพชาติมาสิงร่างแบบนี้ “ข้าไม่เชื่อ เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านเป็นหมอผีหรือเปล่า” “หมอผีบ้าอะไรล่ะ!” รนิดาเหลือกตาขึ้นมองเพดาน ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด “ข้าพูดภาษาตะวันตกเป็นเพราะภพที่ข้าเคยอยู่เขาสอนภาษานี้กันอย่างเสรี ข้าพูดภาษาไทยได้เพราะภพที่ข้าเกิดข้าเป็นคนไทย ข้าเรียนศิลปะป้องกันตัวหลายแบบเพราะภพที่ข้าอยู่สอนพวกนี้อย่างกว้างขวาง” เธอค่อยๆ แนะนำตัวเองต่อสาวใช้พร้อมกับสาธิตให้ดูอย่างใจเย็น “เป็นไปได้ยังไงกัน มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่น่าเชื่อสักนิด” หลี่เริ่มลังเลแต่ก็ยังไม่เชื่อสักเท่าไหร่ “บ้านข้าเรียกประเทศของเจ้าว่าประเทศจีน ประเทศของข้ากับประเทศของเจ้าเป็นเหมือนพี่น้องกัน เพราะมีคนจีนเข้าไปอาศัยทำกินเยอะมาก พอคนจีนแต่งงานกับคนไทย เมื่อมีลูกก็จะกลายเป็นคนไทยเชื้อสายจีน แม่ของข้าก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่พ่อข้าเป็นคนจีนแท้ เกิดที่นี่แต่ไปโตที่ไทย” รนิดาเลี่ยงที่จะเอาเรื่องเกี่ยวกับการเมืองการเปลี่ยนราชวงศ์มาพูดให้อีกฝ่ายรับรู้ แต่เลือกเอาเรื่องที่สามารถผูกมิตรกับนางได้มาพูดแทน “เจ้าอยากได้ยินเพลงจีนในสมัยของข้าไหมล่ะ ข้าจะร้องให้ฟัง” อีกฝ่ายยังไม่ทันพยักหน้ารับเธอก็เริ่มขยับปากร้องเพลงจีนอมตะเพลงแรกขึ้นมาทันที “เถียนมีมี่ หนีเซียวตีเถียนมีมี่ ห่าวเซี่ยงฮวาเอ่อคายจ้ายชุนฟงหลี่ คายจ้ายชุนฟงหลี่ จ้ายหน่าหลี่ จ่ายหนา หลี่เจี้ยนกว้อหนี่ หนี่ตีเสี้ยวหย่งเจ้อย่างโสวซี่ หว่ออี้สือเสี่ยงปู้ฉี่ อา..จ้ายม่งหลี่ ม่งหลี่ มงหลี่เจี้ยนกว่อหนี่ เถียนมี่เซียวตีตอเถียนมี่ ซื่อหนี่ ซื่อหนี่ ม่งเจี้ยนตีจิ้วซื่อหนี่” เธอจบเพลงแรกเมื่อจำเนื้อเพลงท่อนต่อไปไม่ได้ และต่อด้วยเพลงที่ชอบมากเป็นพิเศษอีกเพลง นั่นก็คือเพลงผู้หญิงข้าใครอย่าแตะที่นำแสดงโดยหลิวเต๋อหัวขวัญใจของตน “ร้องต่อสิ หยุดทำไม” สาวใช้ถึงกับเคลิบเคลิ้มเพราะเสียงหวานๆ กับการขับร้องทำนองแปลกหู แต่ก็ยอมรับอย่างจริงใจว่าไพเราะมากๆ “เจ้าเชื่อข้าแล้วหรือหลี่” “ข้าไม่เชื่อแต่ข้าไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไรต่างหาก” สาวใช้ตอบฉะฉาน “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจับตาดูข้าต่อไปก็ได้ แต่ข้าตั้งมั่นกับตัวข้าในตอนนี้แล้วว่า ข้าจะปรับปรุงตัวเองให้ดูดีขึ้นกว่านี้ แล้วหลังจากนั้นข้าจะแก้แค้นนางอนุสามคนนั่นกับอ๋องใหญ่ให้สาสม” “ท่านจะฆ่าพวกเขาเหรอ” “บ้าสิ!” เอ็ดสาวใช้แล้วค้อนด้วยสายตา “ข้าจะไปฆ่าพวกเขาได้อย่างไรล่ะ ข้าบอกว่าจะแก้แค้นเท่านั้น การแก้แค้นไม่จำเป็นต้องฆ่ากันให้ตายหรอก” “แล้วท่านจะทำอย่างไรเจ้าคะ” ได้ยินเรื่องการแก้แค้น ไฟในกายของหลี่ก็ลุกโชติช่วงขึ้นมา เพราะนางก็อยากแก้แค้นให้คุณหนูของตนเหมือนกัน “ข้าไม่มีแผนหรอกหลี่ แต่ข้าจะต้องเอาคืนให้คุณหนูของเจ้าอย่างสาสม” “แต่คุณหนูของข้ารักอ๋องใหญ่มากนะเจ้าคะ นางเคยสั่งเสียข้าไว้ก่อนตาย ว่าให้ข้าเอาเรื่องของอ๋องใหญ่ไปเล่าให้นางฟังที่หลุมศพบ่อยๆ นางจะได้หายคิดถึงอ๋องใหญ่ ข้าเกรงว่าคุณหนูของข้าจะทุกข์ใจจนไม่ได้ไปเกิดนะเจ้าคะ ถ้านางรู้ว่าเราจะแก้แค้นอ๋องใหญ่ด้วย” “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ยุ่งกับอ๋องใหญ่ของนางก็แล้วกัน” อยากจะบ้าตาย ก็อีแค่อ๋องแก่ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ทำไมต้องรักต้องบูชาขนาดนั้นด้วยนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD